หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 152

ในตอนที่ชัชนันท์ดูเวลา

เขาก็มาสายเพียงแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น

“แค่หนึ่งนาทีเอง...ไม่เป็นไร” ชัชนันท์พูด

แม้จะรู้มานานแล้วว่าท่าทีของเขาที่มีต่อชัชนันท์นั้นแตกต่างจากคนอื่นๆ แต่ในขณะนี้ คมสัน กรรณ และจิตริน ก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันไปมา

“นี่ห้า ในสายตานายมีแต่ชัชนันท์ใช่ไหม” คมสันขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วบ่น

“ทำไมพวกนายมาที่นี่ได้ล่ะ” แทนไทถาม

“ถึงเวลากินข้าวก็มาหาอะไรกินน่ะสิ” กรรณตอบ

“ขจีนี่พี่ห้า” คางของคมสันยกไปทางแทนไทในขณะที่พูด เป็นท่าทางสบายๆและเกียจคร้าน

“สวัสดีค่ะพี่ห้า” ขจีพูด

“อือ” แทนไทเหลือบมองเธอเบาๆ เขาหวงแหนคำพูดราวกับทองคำ

“ไปเถอะ ไปกินข้าวด้วยกัน” คมสันเป็นผู้นำโดยมีขจีอยู่ในอ้อมแขนของเขา

“พวกนายไปกินของพวกนายเถอะ” แทนไทพูด

“นันท์คนสวยรับปากว่าจะไปกินกับพวกเราแล้วโอเคไหม?หรือว่านายจะไม่ฟังคำพูดของนันท์คนสวยเหรอ?” คมสันหันกลับมาใบหน้ายังคงยิ้ม แล้วเหลือบมองไปที่ชัชนันท์

“เธอรับปาก?” แทนไทหันศีรษะช้าๆมองไปที่ชัชนันท์แล้วถาม

ชัชนันท์พยักหน้า

“งั้นไปกันเถอะ” หลังจากพูดจบเขาก็เดินตรงเข้าไปในร้านอาหารด้วยขายาวๆของเขา

ชัชนันท์เดินตามเข้าไป

คมสันและคนอื่นๆก็เริ่มเดินเข้าไปข้างใน

คมสันบ่นในขณะที่กำลังเดิน "อะไรเรียกว่าเห็นแฟนดีกว่าเพื่อน? ดูเจ้านั่นก็รู้แล้ว"

“นี่แฟนของพี่ห้าเหรอ?” ขจีถามอย่างสงสัย

“นี่จะพูดยังไงดีล่ะ…ซับซ้อนมากเลย เธอไม่ต้องรู้หรอก” คมสันพูด

ขจีเงียบไปทันทีอย่างเชื่อฟังและไม่ถามอะไรอีก

ถึงแม้ว่าคมสันจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ขจีก็คิดว่าชัชนันท์น่าจะเป็นผู้หญิงของพี่ห้า

…………

ระหว่างมื้ออาหาร โทรศัพท์มือถือของขจีก็ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วออกไปรับสาย

เมื่อมองไปยังประตูที่ปิดอย่างช้าๆ กรรณก็วางแขนบนไหล่ของคมสันอย่างเกียจคร้าน หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบแล้วพูดว่า “ได้ยินมาว่านายเลี้ยงดูผู้หญิงคนนี้แล้วเหรอ?”

คมสันจุดบุหรี่แล้วสูดลมหายใจเข้า เขานั่งไขว่ห้างอย่างเป็นธรรมชาติ “ไม่ได้เหรอ?”

กรรณกัดริมฝีปาก “ได้ เป็นนายทำไมจะไม่ได้?”

ชัชนันท์ไม่ได้สนใจหัวข้อสนทนาของพวกเขามากนัก ดังนั้นเธอจึงไม่ขัดจังหวะ เพียงแค่ก้มศีรษะลงแล้วกินอย่างเงียบๆ

ได้แต่แอบทอดถอนใจ ตอนนี้เด็กผู้หญิงคนนั้นกลายเป็นอีหนูแล้ว

ขจีคนนั้น ดูท่าทางจะอายุแค่สิบแปดด้วยซ้ำ แต่เธออยู่บนเส้นทางแห่งการเป็นเด็กเสี่ยอย่างแท้จริง

แทนไทไม่ได้พูดอะไร เขาเทไวน์หนึ่งแก้วให้ชัชนันท์อย่างช้าๆ

“นายล่ะ?ช่วงนี้สาวนัดเดทออนไลน์เป็นยังไงบ้าง?” คมสันมองไปยังกรรณแล้วถามขึ้น

เมื่อได้ยินแบบนี้ จิตรินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แต่ในไม่ช้าเขาก็พยายามหยุดหัวเราะ

สายตาของแทนไทจ้องไปยังใบหน้าของกรรณ หัวข้อสนทนานี้น่าสนใจ

“นายหัวเราะอะไร” กรรณขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ มองไปที่จิตริน

“ขอโทษที เมื่อกี้ควบคุมตัวเองไม่อยู่” หลังจากพูดจบ จิตรินกระแอมเบาๆ บังคับท่าทีของตัวเองให้กลับไปจริงจัง

ชัชนันท์ก็สนใจหัวข้อนี้เช่นกัน สายตาของเธอจ้องไปที่ใบหน้าของกรรณ

“เจ้าบ้าคนไร้หัวใจนี่ ฉันอกหักจะเป็นจะตาย นายยังจะหัวเราะได้อีก” กรรณขมวดคิ้วอย่างขุ่นเคือง

“เขามีอะไรหรือ?” คมสันถาม

“ปากเสียๆของนายพูดถูกซะด้วย ฝ่ายตรงข้ามเป็นกระเทยจริงๆ คนที่วีดีโอคอลกับฉันเขาก็จ่ายเงินจ้างมา ปกติตอนเขาส่งข้อความเสียงมาเขาก็ใช้โปรแกรมแปลงเสียง แม่งเอ้ย” กรรณพูด

เมื่อได้ยินเช่นนี้ชัชนันท์ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แต่เธอก็เงียบและฟังอย่างตั้งใจต่อไป

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า….เป็นกระเทยจริงเหรอ? ฉันขำจนจะตายอยู่แล้ว นายว่านายเป็นสเปคของกระเทยใช่ไหม? นัดเดทออนไลน์กี่ครั้งก็เจอแต่กระเทยฮ่าฮ่าฮ่า” คมสันหัวเราะจนหุบปากไม่ได้

“ประเด็นสำคัญคือครั้งนี้เขาถูกหลอกเอาเงินอีกแล้ว ผู้หญิงคนนั้นสร้างเรื่องเศร้ามาโกหกเขา เธอบอกว่าพ่อของเธอเป็นโรคปัสสาวะเล็ด ต้องการเงินครึ่งล้านหยวนเพื่อปลูกถ่ายไต แต่เธอไม่มีเงิน ดังนั้นแต่ละวันเธอต้องทำงานเยอะมาก เขาก็เชื่อแล้วโอนเงินให้เธอ” จิตรินพูด

“ฮ่าฮ่าฮ่า...ลูกไม้นี้มันก็เหมือนที่โดนหลอกตอนนัดเดทออนไลน์ครั้งที่แล้วไม่ใช่เหรอ? พี่ชาย คนที่โดนหลอกเรื่องเดิมๆซ้ำสอง นอกจากนายก็ไม่มีใครแล้วแหละ” คมสันอดไม่ได้ที่จะกรอกตาใส่กรรณ

กรรณขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “นายจะไปรู้อะไร คราวนี้มันต่างออกไป เธอเอารายชื่อการรักษาโรงพยาบาลของพ่อของเธอมาให้ฉันดูด้วยโอเคไหม?”

คมสัน “โอเค โอเค…นายพูดอะไรก็ถูกหมด แล้วหลังจากนั้นล่ะ? เธอเอาเงินไปแล้ว เธอก็บล็อคนายเลยหรอ? นายทั้งโกรธทั้งอายเลยไปแจ้งความ?”

กรรณ “ฉันจะกล้าไปแจ้งความที่ไหนเล่า? ฉันยังน่าอายไม่พอหรือไง? ก็แค่ให้ลูกน้องไปหาประวัติ สุดท้ายก็มารู้ว่าเธอเป็นผู้ชาย แถมยังเป็นตาเฒ่าอายุห้าสิบด้วย แม่งเอ้ย”

คมสัน “แล้วไงต่อ?”

กรรณ “ฉันก็ไปทวงเงินคืนน่ะสิ แต่เขาคืนมาแค่สี่แสนหยวน อีกแสนนึงเขาเอาไปเล่นพนันแล้ว เขาบอกฉันว่าขอเวลาหาเงินอีกหนึ่งอาทิตย์ ฉันก็ตกลง”

คมสันกลั้นหัวเราะไม่ได้อีกต่อไป “ฮ่าฮ่าฮ่า…ฉันหัวเราะจะตายแล้ว ใครจะไปเชื่อ ในใจของไอ้กรรณจะมีมุมใสซื่ออยู่ด้วย? โดนหลอกเอาเงินตั้งสองครั้งด้วยลูกไม้เดิมๆ”

“นายหุบปากไปเลยนะ ไม่งั้นฉันจะจัดการนายแน่ ฉันบอกแล้วว่าลูกไม้ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อน” กรรณบิดเอวของคมสันด้วยข้อศอก อย่างไร้ความปราณี

คมสันเจ็บมาก รีบเอามือถูสาวนที่โดนบิดด้วยความเจ็บปวด “บ้าเอ้ย นายจะฆ่าฉันรึไง?”

กรรณ "ถ้าขืนยังพูดอีก ฉันจะฆ่าแก"

คมสัน “โง่แล้วยังไม่รู้ตัวว่าโง่ ก็จะโง่ขึ้นไปอีกนะ”

ชัชนันท์ ไม่ได้ขัดจังหวะ เธอยิ้มอย่างเดียวเพราะเธอไม่สามารถกลั้นได้อีกต่อไป

“อยากหัวเราะก็หัวเราะ พวกนั้นไม่กล้าทำอะไรเธอหรอก” แทนไทมองไปยังชัชนันท์แล้วพูดขึ้น

ชัชนันท์ยิ้มแห้งๆ และพูดแบบปากอย่างใจอย่าง “ฉันไม่ได้อยากหัวเราะสักหน่อย”

ถึงแม้ว่าท่าทางของกรรณจะตลก แต่เธอก็สัมผัสถึงความไร้เดียงสาจากจิตริน และได้ยินถึงความเรียบง่ายของเขาเอง

ดูท่าถึงแม้ว่าจะเข้าสู่เส้นทางสีดำนี้แล้ว แต่ในใจของเขาก็ยังรักษาความจริงไว้เป็นอย่างดี

อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นจิตสำนึกที่ดี

แทนไท "ไม่ เธอหัวเราะเขาได้ถ้าต้องการ"

กรรณ “นี่ห้า มีใครเขาทำอย่างนายบ้าง?”

แทนไทเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "ทำไม นายมีปัญหาเหรอ?"

กรรณยกมือยอมแพ้อย่างช่วยไม่ได้

มีข้อโต้แย้ง?

ถึงจะมี เขาจะกล้าพูดหรือ?

ในเวลานี้ ขจีคุยโทรศัพท์เสร็จและเดินเข้ามา เธอรู้สึกว่าทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องสนุก แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไร เพียงแต่นั่งเงียบๆข้างคมสัน

“อืด อืด อืด...”

ในเวลานั้นเอง โทรศัพท์ในอ้อมแขนของแทนไทก็สั่น

เมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขของเกริก เขาจึงลุกขึ้นและเดินไปที่ประตูแล้วกดรับ

“คุณชายห้า คนที่พวกเราส่งไปมีปฏิกิริยาแล้ว มาวินดูเหมือนว่าจะทนไม่ไหวแล้ว ยัยคุณหนูรุ่นใหญ่พวกนั้นกับตัวมาวิน เพราะยานั้น แต่ละคนก็เลยเป็นอย่างบ้าคลั่ง ”

“พวกเราหยุดก่อนไหม” น้ำเสียงทางฝั่งของเกริกพูดอย่างระมัดระวัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว