หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 155

มาวินนอนอยู่ในห้องจนถึงห้าโมงเย็น เขาถึงเริ่มมีแรงฟื้นขึ้นมา

ขณะที่กำลังจะลุกจากเตียง โทรศัพท์ก็สั่น

เมื่อเห็นว่าเป็นเมธีโทรเข้ามา เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความยากลำบากทันที แล้วรับสาย

“มาวิน นายทำอะไรอยู่? นานขนาดนี้ทำไมไม่กลับบ้าน? พ่อแม่บ่นแล้ว” น้ำเสียงของเมธียังคงอ่อนโยนเช่นเคย

มาวินพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะทำตัวปกติและเป็นธรรมชาติ เขาใช้พลังงานทั้งหมดของเขาและพูดว่า "ผมออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนข้างนอก อีกสองวันก็กลับ"

“ใกล้จะคริสต์มาสแล้วที่บ้านยังมีเรื่องให้จัดการอีกเยอะ นายรีบกลับมาเถอะ” เมธีเร่งเร้าเขา

“รู้แล้ว”

“เอาเถอะ…ฉันจะรอนาย เออใช่มาวิน คนที่ทำให้นายกลายเป็นแบบนี้…สืบเจอแล้วนะ”

ตัวของมาวินสั่นทันทีราวกับสติของเขากลับเข้าร่าง "ใคร?"

“ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่มีหลายคน เป็นคู่แข่งอุตสาหกรรมอาหารของครอบครัวเราหมดเลย” เมธีพูด

แววตาของมาวินเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ "ไม่มีชัชนันท์เหรอ?"

“นี่ไม่มีจริงๆ…ฉันตรวจสอบฝั่งชัชนันท์อย่างรอบคอบหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้อง” เมธีพูดขึ้นอีกครั้ง

มาวินถอนหายใจยาวๆและวางสาย

ความรู้สึกผิดในใจแทบจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

ที่แท้ไม่ใช่ชัชนันท์ เป็นเขาเองที่คิดมากไป

………………

วันคริสต์มาส ในช่วงเช้าชัชนันท์ได้รับโทรศัพท์จากวันชัย เขาขอให้เธอกลับไปทานอาหารเย็นที่บ้าน

หลังจากที่เธอตอบตกลง เธอก็ขับรถออกไปซื้อของ

หลังจากที่ยุ่งมานาน วันหยุดที่หาได้ยาก เธอตั้งใจจะพักผ่อนสักหน่อย

เธอไม่ได้แต่งตัวจัดเต็ม เพียงแค่ทาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวขั้นพื้นฐานอย่างง่ายๆบนใบหน้าของเท่านั้น และสวมชุดแบรนด์อินเทรนด์ราคาถูกที่เธอซื้อจากอินเทอร์เน็ตมา

ท่อนบนเป็นเสื้อสเวตเตอร์สีดำ ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์สกินนี่สีดำ และรองเท้าเธอสวมคอนเวิร์สสีดำ ดูเหมือนนักเรียนมาก

เธอตรงไปที่โกลเด้นสแควร์

เข้าประตูมาก็ตรงไปที่เคาน์เตอร์ชาแนล วางแผนเลือกเสื้อผ้าแบบใหม่สำหรับฤดูใบไม้ผลิในปีหน้า

ทันทีที่เธอเดินไปที่ประตูของเคาน์เตอร์ เธอก็ถูกชุดของหุ่นที่ประตูดึงดูด

เดรสผ้าชีฟองสีขาวยาวปานกลาง ด้านนอกสวมเสื้อคาร์ดิแกนถักสีน้ำเงิน โดยมีเข็มขัดสีเงินคาดอยู่ที่เอวของเสื้อคาร์ดิแกนซึ่งพอดีกับรอบเอว

เธอมองไปที่พนักงานข้างๆ "ถอดออกมาให้ฉันลองสวมดูหน่อยสิ"

"ฉันซื้อชุดนี้ เอาใส่ถุงให้ฉันเลย" ในตอนนั้นเอง สาวสวยในชุดขนมิงค์เดินเข้ามาและมองตรงไปยังพนักงาน

ชัชนันท์จำได้ว่าคนนี้เป็นนักแสดงจากXเอนเตอร์เทนเมนท์ที่เพิ่งเดบิวต์ไปได้หนึ่งปี กชนารีปัจจุบันอยู่ในระดับที่สามของประเทศ

เธอจำกชนารีได้ แต่กชนารีกลับจำเธอไม่ได้

ถึงแม้ว่าแต่ก่อนเธอจะไปบริษัทบ่อยๆ ตอนที่เธอไม่ค่อยยุ่งแต่เธอจะไปแบบไม่ให้เป็นจุดสนใจทุกครั้งที่ไปและเธอก็ไม่เจอศิลปินเลย

ปกติแล้วตอนที่เธออยู่ที่บริษัทเธอก็มักจะอยู่แต่ในห้องทำงานของตัวเอง ถึงแม้ว่าเธอจะเข้าร่วมการประชุม เธอก็จะเข้าร่วมการประชุมสำหรับผู้บริหารขนาดใหญ่เท่านั้น เธอจะไม่ไปประชุมเรื่องส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับศิลปินแต่ละคน เพราะทั้งหมดจัดการโดยนลินแล้ว

ในตอนแรกการก่อตั้งบริษัท เหล่าผู้บริหารของบริษัทรู้ว่าเธอเป็นคนที่ไม่ชอบคุยโวโอ้อวดเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าพูดอะไรเกี่ยวกับเธอในบริษัท และความเคยชินนี้ยังคงมีจนถึงทุกวันนี้

คนในบริษัทเข้าใจไปโดยปริยายและไม่มีใครกล้าพูดถึงเธอลับหลัง

จึงเป็นเรื่องปกติที่ศิลปินของบริษัทจะไม่รู้จักเธอ

หลังจากเปรียบเทียบชุดของทั้งสองคนแล้ว พนักงานขายก็ยิ้มและมองไปยังสาวสวยในชุดขนมิงค์แล้วพูดว่า "ได้เลยค่ะ ฉันจะเอาไปใส่ถุงให้"

ชัชนันท์ไม่พอใจทันที คิ้วของเธอขมวดขึ้นเล็กน้อย “คุณคะ ชุดนี้ฉันเลือกก่อนโอเคไหม?”

พนักงานยิ้มอย่างสุภาพแล้วพูดว่า "คุณผู้หญิงชุดนี้เป็นคอลเลคชั่นที่ร่วมกันเปิดตัวโดยดีไซเนอร์สาวชื่อดังที่สุดในโลกวิเวียนและชาแนล"

“แล้วไง?” ชัชนันท์ถาม

“ดังนั้นคุณไม่มีปัญญาซื้อหรอก วิเวียนเป็นใครคุณคงไม่รู้จักสินะ? เธอคือดีไซเนอร์อัจฉริยะ เก่งกว่าหัวหน้านักออกแบบของชาแนลอีก”

“แต่เธอไม่ได้เซ็นสัญญากับแบรนด์ใดๆเลย เธอแค่ร่วมมือออกแบบกับแบรนด์ต่างประเทศรายใหญ่เป็นครั้งคราวตามอารมณ์ของเธอ และร่วมกันออกอบบใหม่แค่หนึ่งหรือสองแบบ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีเพียงหนึ่งชิ้นเท่านั้น”

“คุณรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร? คุณรู้ไหมว่าอะไรเรียกว่าของหายากและมีราคาแพง? เสื้อผ้าทั้งหมด แค่แปะฉลากวิเวียน ราคาจะต้องเพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่า และที่สำคัญที่สุดคือถึงอย่างนั้นก็ยังขายได้ แถมคนยังแย่งกันเป็นบ้าเป็นหลังด้วย”

“มันก็เหมือนกับชุดนี้แหละ อย่างน้อยก็ต้องราคาแปด​แสนหยวน” กชนารีมองชัขนันท์อย่างหยิ่งผยอง เหน็บแนมสารพัด

จากมุมมองของเธอ คนที่อยู่ด้านหน้าเธอสวมเสื้อผ้าราคาถูกดูเหมือนนักเรียน ไม่มีทางซื้อเสื้อผ้าแบบนี้ได้หรอก

“คุณผู้หญิง ทำไมคุณไม่ลองดูแบบอื่นๆในร้านของเราดูล่ะ” พนักงานยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน มองไปที่ชัชนันท์ และพูดอย่างอ้อมค้อม

แม้ว่าเธอจะดูสุภาพ แต่ดวงตาของเธอนั้นดูเหินห่างและดูถูกคนอื่นมาก

ชัชนันท์เหลือบมองที่พนักงานอย่างเฉยเมยแล้วชี้ไปที่ชุดอื่นบนหุ่น"นี่เป็นก็เป็นสินค้าที่ร่วมมือกันของวิเวียนและชาแนลใช่ไหม ดูๆแล้วแตกต่างจากสไตล์ในร้านของคุณ"

นี่คือชุดของชุดสูทสำหรับมืออาชีพในฤดูใบไม้ผลิ สูทเป็นสีขาวล้วน มีเส้นเรียบๆ การออกแบบเรียบง่ายมาก ตรงปกเสื้อถูกปักด้วยด้ายสีทองซึ่งเป็นจุดที่ไม่เด่นมากแต่กลับดูหรูหราเป็นพิเศษ

“ใช่ค่ะ คุณผู้หญิง ชุดนี้แพงกว่าหนึ่งล้านสองแสน” พนักงานพูดขึ้น

ความหมายของพนักงานคือเธอไม่สามารถซื้อชุดนี้ได้ ชัชนันท์เข้าใจได้ในเสี้ยววินาที

“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกับยัยนี่ รีบเอาเสื้อผ้าที่ฉันต้องการไปใส่ถุงได้แล้ว ไม่งั้นคนอื่นอาจจะมาแย่งเสื้อฉันไปได้” กชนารีเอามือกอดอกของเธออย่างหยิ่งยโสและยกคางขึ้นเบาๆ ราวกับนกยูงที่เย่อหยิ่ง

เมื่อเห็นว่ากชนารีใจป้ำมาก พนักงานก็ยิ้มออกมาทันที “ได้เลยค่ะคุณผู้หญิง ฉันจะเอาไปใส่ถุงให้”

กชนารีเหลือบมองชัชนันท์อย่างเย็นชา “ไม่มีปัญญาซื้อยังจะถามอะไรอีก? ไม่รู้สึกว่าน่าเกลียดไปหน่อยรึไง”

ดูท่าทางของเธอในตอนนี้ ชัชนันท์ก้อดคิดไม่ได้ว่า Xเอนเตอร์เทนเมนท์ เซ็นสัญญากับคนแบบนี้ไปได้ยังไง?

นิสัยแบบนี้ ถ้าเกิดดังขึ้นมาจริงๆในไม่ช้าคงไม่พ้นถูกคู่ต่อสู้ขุดด้านมืดออกมาแน่ๆ

ความรู้สึกไม่พอใจเคลื่อนตัวอยู่ในใจเธอไม่หยุด แต่เธอไม่ได้แสดงออกมา แค่มองพนักงานที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาด้วยสายตาอ่อนโยน “คุณคะ ช่วยห่อชุดคอลเลคชั่นใหม่ที่วิเวียนกับชาแนลออกแบบร่วมกันสองชุดนี้ให้ฉันที นี่เป็นชุดที่ฉันเลือกก่อน รบกวนด้วยค่ะ”

ถึงแม้ว่าเธอจะโกรธ แต่เธอก็เธอยังคงรักษากิริยามารยาทอันเหมาะสมของเธอ

พนักงานตกตะลึง

กชนารีก็ตกตะลึง แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ

“เธอมีเงินขนาดนี้เหรอ? อย่าสร้างปัญหาเลย” กชนารีดูถูกเหยียดหยาม

ชัชนันท์ยื่นบัตรสีดำแบบไม่จำกัดวงเงินให้พนักงาน “เช็คบิล”

เมื่อเห็นบัตรใบนั้น กชนารีถึงกับตะลึงงัน มันคือบัตรสีดำ ในโลกนี้มีอย่างจำกัด ถึงแม้จะมีเงินก็ครอบครองไม่ได้

คนที่ครอบครองได้ต้องทั้งรวยและมีอำนาจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว