หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 158

“กชนารีนั่น ยกเลิกสัญญากับเธอซะ” ชัชนันท์ตรงเข้าประเด็น

“ทำไมล่ะ?” น้ำเสียงของนลินแปลกใจเล็กน้อย “เธอมีศักยภาพที่ดีมาก ทักษะการแสดงก็ดีมาก ถ้าบอกเลิกสัญญาและปล่อยไปก็น่าเสียดายนะ ฉันรู้สึกตลอดเลยว่าเธอเหมาะจะเป็นภาพลักษณ์ของรุ่นใหม่”

“คนเย่อหยิ่ง กำเริบเสิบสานแบบนั้นจะเป็นไปได้ยังไง?” ชัชนันท์พูด

“เกิดอะไรขึ้น เขาไปล่วงเกินอะไรเธอรึเปล่า?” นลินถาม

“เธอดูถูกฉัน แล้วยังทำตัวโอ้อวดกับฉัน แถมยังเป็นในห้างด้วย คนแบบนี้ถ้าเกิดว่ามีชื่อเสียงขึ้นมาจะเป็นยังไง?”

ชัชนันท์พูดขึ้นอีกครั้ง “ยังไม่ทันจะดังก็ลำพองตัวเองขนาดนี้ ถ้าดังขึ้นมาล่ะ? จะไม่ลำพองตัวเองขึ้นไปอีกหรอ? ถ้าลำพองตัวแล้วถูกคนจับจุดอ่อนได้ล่ะ ถ้าเธอดับก็ไม่เป็นไร แต่เงินที่เราลงทุนกับเธอไปล่ะ จะไปเอาคืนมาจากไหน”

เดิมทีเธอสามารถแบนกชนารีไว้ได้

แต่ว่า เธอไม่อยากจะทำแบบนั้น เพราะเธอรู้เสมอว่าการอยู่ในวงการบันเทิง ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน

แต่ว่าXเอนเตอร์เทนเมนท์ทนกับคนที่มีบุคลิกแบบนี้ไม่ได้ และเธอก็ไม่ต้องการเปลืองทรัพยากรกับคนแบบนี้

ในวงการบันเทิง เธอเคยเห็นนักแสดงหญิงที่เป็นเหมือนกชนารีมานักต่อนัก โด่งดัง ได้รับความนิยมแล้วก็ตกลงมาเหมือนตกจากที่สูง แล้วก็ไม่สามารถดังกลับมาได้อีกเลย

“ตอนแรกๆที่ฉันเซ็นสัญญารับเธอเข้ามาที่บริษัทของเราเธอค่อนข้างดี แต่หลังจากที่เธอเดบิวต์ เธอก็ได้รับความนิยมขึ้นมาเล็กน้อย ดังนั้นเธออาจจะรู้สึกลำพองนิดหน่อย ฉันให้ผู้จัดการของเธอไปคุยกับเธอนานแล้ว และฉันก็คิดว่าเธอจะเปลี่ยนไป” นลินพูด

“เปลี่ยนไม่ได้ ยกเลิกสัญญาเถอะ” ชัชนันท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ขึ้นรถมาเซราติสีแดงของตัวเองแล้วจับพวงมาลัยด้วยมือเดียว

“ได้ เอาเธอว่า”

“ใช่แล้ว คุณนันท์ ฉันมีเรื่องเด็ดๆ อยู่อยากฟังไหม? เรื่องจริงนะ” น้ำเสียงของนลินกลายเป็นลับๆล่อๆ

ชัชนันท์รู้สึกสงสัยเล็กน้อย "เรื่องอะไร?"

“เมื่อวานมาวินไปพบจิตแพทย์ รู้ไหมว่าทำไม?”

“ทำไมล่ะ?”

“เพราะว่าตอนนี้เขาปฏิเสธร่างกายของผู้หญิงเป็นพิเศษ แค่มีผู้หญิงเข้าใกล้เขา เขาก็จะอาเจียนออกมา กระทั่งแม่และน้องสาวของเขาก็ไม่ได้” นลินพูดอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของเขา

นี่คือสิ่งที่ชัชนันท์คาดไม่ถึงเลย

ผู้ชายปกติคนนึง อยู่ดีๆ จะเปลี่ยนเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

“พูดจริงเหรอ?เธอไปฟังใครพูดมา?”

“เพื่อนฉันเอง เพื่อนฉันเป็นจิตแพทย์ มาวินเป็นคนไปหาเขา” นลินยังพูดต่ออีกว่า “จากนั้นเพื่อนของฉันก็ถามเขาว่าทำไมกลายเป็นแบบนี้ แต่ให้ตายยังไงเขาก็ไม่ยอมบอก เขายังบอกให้เพื่อนของฉันว่าให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วจ่ายเงินปิดปากเงียบๆ”

“ฟังดูน่าสนุกจริงๆ” ชัชนันท์สูดหายใจอย่างเย็นชา

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเขากลายเป็นแบบนี้ แต่ในใจของเธอก็รู้สึกมีความสุข

จู่ๆผู้ชายคนหนึ่งก็รู้สึกขยะแขยงร่างกายของผู้หญิง นอกจากตอนอยู่บนเตียงถูกผู้หญิงคนนั้นหักหน้า เธอก็ยังนึกหาเหตุผลอื่นไม่ออก

เธอสงสัยจริงๆว่ามาวินไปเจอปีศาจดูดเลือดแบบไหนกัน? ถึงทำให้เขาเป็นแบบนั้นได้?

แต่สิ่งที่เธอมั่นใจได้ก็คือผู้หญิงคนนั้นต้องไม่ใช่ชลิตาแน่นอน เพราะหลายวันก่อนที่เขาคิดจะข่มขืนเธอ เขาก็ยังดูปกติอยู่

ผู้ชายคนนี้เสพติดการนอกใจจริงๆ ยังไม่ทันจะหย่าก็คบหากับผู้หญิงคนอื่นแล้ว

อย่างไรก็ตาม เธอไม่แปลกใจเลย

หลังจากวางสายชัชนันท์ เธอก็หันหลังกลับไปที่ห้างสรรพสินค้า เธอซื้อชุดเครื่องประดับเพชรหนึ่งชุด ซึ่งมูลค่าเท่ากับของขวัญจากกชนิภ

จากนั้นเขาก็ขับรถกลับเข้าไปบนถนน

ถนนและตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยโคมไฟสีแดง ประตูของร้านค้าทุกแห่งก็ประดับด้วยกลอนจีนสีแดงก่ำเกี่ยวกับฤดูใบไม้ผลิ โลกทั้งใบถูกปกคลุมไปด้วยความสุข

เป็นการเติมเต็มรสชาติของปีใหม่

เมื่อคืนชายคนนั้นบอกเธอว่าเขามีเรื่องที่ต้องทำช่วงกลางวัน ตอนเที่ยงคงไม่กลับมาทานอาหาร

ตอนนี้เธอยังไม่หิวจึงขับรถไปรอบเมืองหนึ่งรอบ

จนกระทั่งบ่ายโมงกว่าๆ เธอก็ซื้ออาหารจากข้างนอกนิดหน่อยและนำกลับบ้าน

นั่งบนโต๊ะน้ำชาแกะอาหารอร่อยๆ แต่เธอกลับไม่อยากกินเลย

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบ้านหลังใหญ่เพียงลำพัง อยู่ๆเธอเองก็รู้สึกเหงาเล็กน้อย

มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ในตอนที่เธออยู่บ้านคนเดียว เธอรู้สึกว่าเธอไม่มีความอยากอาหารเลย และไม่มีความคิดที่จะทำอาหารเลย

อันที่จริงเธอจะทำอาหารเองที่บ้านก็ได้ ที่บ้านมีวัตถุดิบหลายอย่าง และยังมีบางอย่างที่เธอซื้อมาเป็นพิเศษสำหรับวันตรุษจีน และบางอย่างที่พ่อของเธอส่งมาให้

เป็นเพราะช่วงที่ผ่านมา ในตอนที่เธออยู่บ้านพวกเรามักจะทานอาหารด้วยกัน ก็เลยเป็นความเคยชินไปแล้วรึเปล่านะ?

เธอไม่เข้าใจนัก

และเธอก็ขี้เกียจจะคิดมาก เธอหยิบตะเกียบขึ้นมาและเริ่มกินข้าวทีละคำ

เมื่อทานอาหารเสร็จ พนักงานจากชาแนลและหลุยส์วิตตองก็นำเสื้อผ้าทั้งหมดที่กชนิภซื้อให้มาให้เธอที่บ้าน

สิ่งของเหล่านี้ กินพื้นที่ทั้งโต๊ะน้ำชา โซฟา และพื้นที่รอบๆโต๊ะน้ำชาจนเต็มไปหมด

เมื่อมองดูของพวกนี้ เธอก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย

และถ้าจะเอาของพวกนี้ใส่ในตู้เสื้อผ้าทั้งหมด ก็ดูจะเป็นงานใหญ่

เธอถอนหายใจเข้ายาวๆ แล้วกุมหน้าผากด้วยความทุกข์ใจ จากนั้นก็เริ่มแบกกระเป๋าหลายใบขึ้นชั้นบน

ที่บ้านไม่มีคนใช้ ทุกอย่างต้องพึ่งตัวเอง

หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยก็เป็นเวลาเย็นแล้ว

เธอเหนื่อยมากจนไม่อยากขยับตัวอีก ล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยอาการหอบ

ทั้งต้นแขนและต้นขาดูเหมือนไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธออยากจะร้องไห้ทันทีที่จัดเสื้อผ้าเสร็จ

เธออยากจะนอนไปทั้งแบบนี้จริงๆแต่เมื่อคิดได้ว่าตอนกลางคืนยังต้องกลับไปทานอาหารที่บ้านแม่ เธอก็บังคับตัวเองให้ลุกขึ้นยืนหลังจากนอนอยู่ครู่หนึ่ง ไปอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่เพิ่งซื้อมา

เดรสผ้าถักสีแดงจากชาเนลกับรองเท้าบูทสีดำ และเสื้อคลุมสีขาว

จากนั้นเธอก็นั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งและแต่งหน้าสไตล์จีนอย่างจริงจัง

หน้าตาที่สวยอยู่แล้ว แต่เพราะการเสริมเติมแต่งลงไปก็เลยสวยกว่าปกติมากขึ้นไปอีก

ฤดูกาลนี้ฟ้ามืดเร็วมาก เพิ่งจะหกโมงเย็นแต่ข้างนอกก็มืดแล้ว

เมื่อเหลือบมองดูเวลา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและอยากจะโทรหาชายคนนั้น เร่งให้เขากลับมาเร็วขึ้น แล้วพาเขากลับไปบ้านแม่เพื่อทานอาหารเย็น

พ่อกำชับเธอเป็นพิเศษว่าต้องพาเขากลับบ้าน

ทันทีที่ปลดล็อคหน้าจอ โทรศัพท์ก็ดับโดยอัตโนมัติเนื่องจากแบตหมด

ทันใดนั้นไฟทั้งบ้านก็ดับลง

ทั้งโลกมืดสนิท มองไม่เห็นแม้กระทั้งนิ้วมือ

ความมืดและความเงียบที่ไร้ขอบเขตทำให้เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย เธอยืนขึ้นอย่างระมัดระวังและเดินไปที่โต๊ะข้างเตียงในความมืด เตรียมพร้อมที่จะหาไฟฉาย

แต่ไม่ว่าจะหาอย่างไรก็หาไม่เจอ

ในขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าไม่หนักไม่เบาก็ดังขึ้นที่ด้านนอกประตู

ในความมืดมิดที่ไร้ขอบเขต เสียงนี้ฟังดูแสบแก้วหูและน่ากลัวเป็นพิเศษ

ในตอนนั้นเธอหวาดกลัวมาก จิตใต้สำนึกเกร็งไปหมด

เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าจะมีคนไม่ดีเข้ามาในบ้าน? ไฟฟ้าดับจริงรึเปล่า?

เธอกลั้นหายใจทันที พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะระงับความกลัวของตัวเอง แล้วเดินเบาๆ ไปที่ประตูในความมืด ร่างกายของเธอเกาะติดกับกำแพง พร้อมที่จะเข้าสู่สภาวะการต่อสู้ได้ตลอดเวลา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว