หทยาไร้เหตุผลที่จะพูดโต้ตอบที่ถูกคนเขาว่ากล่าว ทำได้เพียงแกล้งโง่ “ไม่ระวังจริงๆ……”
เพียงแค่ แม้ว่าเธออธิบายแล้ว คนทั่วทั้งห้องก็ไม่มีใครเชื่อเลย
“คุณดูเด็กคนนี้สิ……สะเพร่า ทำไมถึงปล่อยให้เท้าของตัวเองไปโดนสามีของพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณได้?คุณก็ไม่ระวังเกินไปแล้วนะ?” ป้าสะใภ้ชลิตาลุกขึ้นยืนแล้ว มองดูหทยาพร้อมกล่าวโทษ เริ่มไกล่เกลี่ยให้ลูกสาวของตัวเอง
แทนไทไม่ได้สนใจพวกเธออีก คีบหมูสามชั้นน้ำแดงขึ้นมายื่นใส่ในถ้วยของชัชนันท์ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว
วันชัยไม่ได้ไปต่อความยาวสาวความยืด เพียงแค่มองหทยาอย่างเย็นชา “มาทานข้าวที่บ้านของฉัน ก็ต้องเคารพกฎของบ้านฉัน สงบเสงี่ยมกันหน่อย”
หทยาถูกวันชัยพูดเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกเสียหน้าทันที
ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองถูกแทนไทและวันชัยทั้งสองคน ตบหน้าหนึ่งร้อยฉาดต่อหน้าผู้คนอย่างหนักหน่วงแล้ว
ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างรู้สึกแย่
“อืม……ฉันทราบแล้วค่ะลุงเขย” หทยาพยักหน้าแล้ว
ป้าสะใภ้ชลิตากลอกตามองบนใส่เธออย่างดุร้าย หลังจากนั้นก็ใช้สายตาให้สัญญาณเธอทานข้าว
เธอหยิบตะเกียบขึ้นมาทันที เริ่มทานอาหารแล้ว
ป้าสะใภ้ชลิตาเริ่มหยิบไวน์ ลุกขึ้นยืนสร้างบรรยากาศให้คึกคัก
ไม่นาน ผู้คนก็ลืมทุกอย่างนี้ไปแล้ว
จากที่แทนไททำเช่นนี้ หญิงสาววัยรุ่นหลายคนที่เดิมที่มีความสนใจในตัวเขา ยิ่งสนใจเขามากยิ่งขึ้นทั้งหมดแล้ว
เพราะว่าไม่เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกของเขาที่ไม่ใช่ว่าผู้ชายทั่วไปจะเปรียบเทียบได้แล้ว ลักษณะนิสัยก็เช่นกัน
พวกสาวๆเด็กวัยรุ่น อิจฉาชัชนันท์มากยิ่งขึ้นแล้ว
…………
หลังจากทานอาหารเสร็จ ทางฝั่งญาติของหทัย นั่งดูรายการพิเศษชุนหว่านเทศกาลตรุษจีนที่หน้าโทรทัศน์กับวันชัยและหทัย
ชัชนันท์กับแทนไททักทายต่อพวกเขาแล้ว ก็กลับไปยังบ้านหลังข้างๆพร้อมกันแล้ว
เดินเข้าประตูเปลี่ยนใส่สลิปเปอร์ ชัชนันท์ก็อดไม่ไหวเงยหน้าขึ้นสังเกตชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่อยู่ข้างๆอย่างละเอียดครู่หนึ่ง
แทนไทเลิกคิ้วโค้งเรียวขึ้นเล็กน้อย พูดว่า “มองอะไร?ไม่รู้จักแล้วเหรอ?”
ชัชนันท์สังเกตที่หน้าของเขาต่อไป “รู้จัก เพียงแค่รู้สึกเหมือนว่าฉันจะยังรู้จักคุณไม่หมดนะ……ทำไมคุณถึงได้เถรตรงเกินไปขนาดนั้นล่ะ?นึกไม่ถึงว่าจะเปิดเผยเรื่องที่เธอยั่วยวนคุณบนโต๊ะอาหารโดยตรงเลย”
“ถ้าไม่อย่างงั้นล่ะ?ปล่อยให้เท้าของเธอถูผมต่อไปอย่างเงียบๆ?” เอ่ยถึงหทยา สีหน้าท่าทางของแทนไทดูเฉยเมยแล้ว
พูดจบ เขาก็ก้าวขายาวๆ นั่งลงบนโซฟาแล้ว ถือโอกาสหยิบส้มจี๊ดขึ้นมาลูกหนึ่ง ปอกเปลือกอย่างเชี่ยวชาญ
ชัชนันท์นั่งข้างกายของเขาแล้ว ยื่นมือออกเตรียมหยิบส้ม
เขานำส้มที่ปอกเปลือกเสร็จวางในมือของเธอแล้ว ตัวเองก็หยิบใหม่อีกลูก ปอกอย่างละเอียด
ชัชนันท์กินส้มไปพลาง พูดไปพลางว่า “ฉันเดาว่า ผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่ทำแบบนั้นนะ?อย่างแรกจะต้องคำนึงถึงต้องไว้หน้าให้ผู้หญิง อย่างที่สองพวกเขาล้วนแต่ชอบให้สาวสวยๆมายั่วยวน รู้สึกเร้าสะเทือนอารมณ์ ”
พูดจบ ชัชนันท์ค้ำคางด้วยมือเดียว ตั้งข้อศอกไว้บนเข่า ตั้งใจสังเกตใบหน้าที่ราวกับฟ้าประทานของเขายังไงอย่างนั้นต่อไป “คุณนี่เป็นข้อยกเว้นซะจริงๆ”
ในความทรงจำของเธอ คนของพวกอิทธิพลมืดเหล่านั้น ไม่มีใครรักษาตัวให้พ้นจากปัญหายุ่งยากได้เท่าเขา
ผู้ชายที่อยู่สังคมอิทธิพลมืดนั่น ติดต่อสัมผัสผู้หญิงเยอะแยะและซับซ้อนมากมาย ด้านความสัมพันธ์ชายหญิงก็เละเทะตุ้มเป๊ะไปหมด
แต่ว่าเขากลับเป็นข้อยกเว้นอย่างหนึ่งในกลุ่มอิทธิพลมืดนี้ จิตวิญญาณของเขา ไม่ถูกสภาพแวดล้อมเช่นนั้นทำให้กลายเป็นคนเลวโดยสิ้นเชิง อย่างน้อยก็ยังคงรักษาจิตใจที่ดีงามไว้
ตอนที่ทานอาหาร เธอดื่มไวน์นิดหน่อย ในเวลานี้แก้มก็แดงระเรื่อแล้ว
ผมของเธอห้อยไปอีกฝั่งตามการเอียงของศีรษะของเธอราวกับน้ำตกยังไงอย่างนั้น ก้มหน้าลงเป็นความงดงามที่มีเสน่ห์ชวนน่าหลงใหล เงยหน้าขึ้นมองเป็นความงดงามที่ทำให้คนรอบตัวล้วนแต่ตื่นตะลึง
ริมฝีปากดุจดั่งวุ้นลูกท้อที่เพิ่งทำเสร็จยังไงอย่างนั้น ทำให้คนอดไม่ไหวอยากจะเข้าไปกัดสักคำ
เผชิญหน้ากับตาใสแป๋วที่อ่อนโยนของเธอ จิตใจของเขาราวกับไฟดูดยังไงอย่างนั้น
“คุณก็เป็นข้อยกเว้นอย่างหนึ่ง……” เขาพูดกล่าว
“หมายความว่าอะไร?”
“…………” เขาไม่ตอบ เพียงแค่ยื่นมือออกไปเปิดโทรทัศน์แล้ว กดไปดูรายการพิเศษในคืนวันตรุษจีนที่ช่องCCTV
ในโทรทัศน์ สนุกสนานร่าเริงอย่างเต็มที่ พวกนักร้องต่างก็แต่งชุดสีแดงต่างๆ นานา ร้องเพลงประเทศสงบประชาร่มเย็น
“ตู๊ดตู๊ดตู๊ด——”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว
บทที่ 244-339 หาอ่านได้ที่ไหนค่ะ...
คมสันกับขจีจบลงยังไงคะ...