หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 161

หทยาไร้เหตุผลที่จะพูดโต้ตอบที่ถูกคนเขาว่ากล่าว ทำได้เพียงแกล้งโง่ “ไม่ระวังจริงๆ……”

เพียงแค่ แม้ว่าเธออธิบายแล้ว คนทั่วทั้งห้องก็ไม่มีใครเชื่อเลย

“คุณดูเด็กคนนี้สิ……สะเพร่า ทำไมถึงปล่อยให้เท้าของตัวเองไปโดนสามีของพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณได้?คุณก็ไม่ระวังเกินไปแล้วนะ?” ป้าสะใภ้ชลิตาลุกขึ้นยืนแล้ว มองดูหทยาพร้อมกล่าวโทษ เริ่มไกล่เกลี่ยให้ลูกสาวของตัวเอง

แทนไทไม่ได้สนใจพวกเธออีก คีบหมูสามชั้นน้ำแดงขึ้นมายื่นใส่ในถ้วยของชัชนันท์ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว

วันชัยไม่ได้ไปต่อความยาวสาวความยืด เพียงแค่มองหทยาอย่างเย็นชา “มาทานข้าวที่บ้านของฉัน ก็ต้องเคารพกฎของบ้านฉัน สงบเสงี่ยมกันหน่อย”

หทยาถูกวันชัยพูดเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกเสียหน้าทันที

ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองถูกแทนไทและวันชัยทั้งสองคน ตบหน้าหนึ่งร้อยฉาดต่อหน้าผู้คนอย่างหนักหน่วงแล้ว

ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างรู้สึกแย่

“อืม……ฉันทราบแล้วค่ะลุงเขย” หทยาพยักหน้าแล้ว

ป้าสะใภ้ชลิตากลอกตามองบนใส่เธออย่างดุร้าย หลังจากนั้นก็ใช้สายตาให้สัญญาณเธอทานข้าว

เธอหยิบตะเกียบขึ้นมาทันที เริ่มทานอาหารแล้ว

ป้าสะใภ้ชลิตาเริ่มหยิบไวน์ ลุกขึ้นยืนสร้างบรรยากาศให้คึกคัก

ไม่นาน ผู้คนก็ลืมทุกอย่างนี้ไปแล้ว

จากที่แทนไททำเช่นนี้ หญิงสาววัยรุ่นหลายคนที่เดิมที่มีความสนใจในตัวเขา ยิ่งสนใจเขามากยิ่งขึ้นทั้งหมดแล้ว

เพราะว่าไม่เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกของเขาที่ไม่ใช่ว่าผู้ชายทั่วไปจะเปรียบเทียบได้แล้ว ลักษณะนิสัยก็เช่นกัน

พวกสาวๆเด็กวัยรุ่น อิจฉาชัชนันท์มากยิ่งขึ้นแล้ว

…………

หลังจากทานอาหารเสร็จ ทางฝั่งญาติของหทัย นั่งดูรายการพิเศษชุนหว่านเทศกาลตรุษจีนที่หน้าโทรทัศน์กับวันชัยและหทัย

ชัชนันท์กับแทนไททักทายต่อพวกเขาแล้ว ก็กลับไปยังบ้านหลังข้างๆพร้อมกันแล้ว

เดินเข้าประตูเปลี่ยนใส่สลิปเปอร์ ชัชนันท์ก็อดไม่ไหวเงยหน้าขึ้นสังเกตชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่อยู่ข้างๆอย่างละเอียดครู่หนึ่ง

แทนไทเลิกคิ้วโค้งเรียวขึ้นเล็กน้อย พูดว่า “มองอะไร?ไม่รู้จักแล้วเหรอ?”

ชัชนันท์สังเกตที่หน้าของเขาต่อไป “รู้จัก เพียงแค่รู้สึกเหมือนว่าฉันจะยังรู้จักคุณไม่หมดนะ……ทำไมคุณถึงได้เถรตรงเกินไปขนาดนั้นล่ะ?นึกไม่ถึงว่าจะเปิดเผยเรื่องที่เธอยั่วยวนคุณบนโต๊ะอาหารโดยตรงเลย”

“ถ้าไม่อย่างงั้นล่ะ?ปล่อยให้เท้าของเธอถูผมต่อไปอย่างเงียบๆ?” เอ่ยถึงหทยา สีหน้าท่าทางของแทนไทดูเฉยเมยแล้ว

พูดจบ เขาก็ก้าวขายาวๆ นั่งลงบนโซฟาแล้ว ถือโอกาสหยิบส้มจี๊ดขึ้นมาลูกหนึ่ง ปอกเปลือกอย่างเชี่ยวชาญ

ชัชนันท์นั่งข้างกายของเขาแล้ว ยื่นมือออกเตรียมหยิบส้ม

เขานำส้มที่ปอกเปลือกเสร็จวางในมือของเธอแล้ว ตัวเองก็หยิบใหม่อีกลูก ปอกอย่างละเอียด

ชัชนันท์กินส้มไปพลาง พูดไปพลางว่า “ฉันเดาว่า ผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่ทำแบบนั้นนะ?อย่างแรกจะต้องคำนึงถึงต้องไว้หน้าให้ผู้หญิง อย่างที่สองพวกเขาล้วนแต่ชอบให้สาวสวยๆมายั่วยวน รู้สึกเร้าสะเทือนอารมณ์ ”

พูดจบ ชัชนันท์ค้ำคางด้วยมือเดียว ตั้งข้อศอกไว้บนเข่า ตั้งใจสังเกตใบหน้าที่ราวกับฟ้าประทานของเขายังไงอย่างนั้นต่อไป “คุณนี่เป็นข้อยกเว้นซะจริงๆ”

ในความทรงจำของเธอ คนของพวกอิทธิพลมืดเหล่านั้น ไม่มีใครรักษาตัวให้พ้นจากปัญหายุ่งยากได้เท่าเขา

ผู้ชายที่อยู่สังคมอิทธิพลมืดนั่น ติดต่อสัมผัสผู้หญิงเยอะแยะและซับซ้อนมากมาย ด้านความสัมพันธ์ชายหญิงก็เละเทะตุ้มเป๊ะไปหมด

แต่ว่าเขากลับเป็นข้อยกเว้นอย่างหนึ่งในกลุ่มอิทธิพลมืดนี้ จิตวิญญาณของเขา ไม่ถูกสภาพแวดล้อมเช่นนั้นทำให้กลายเป็นคนเลวโดยสิ้นเชิง อย่างน้อยก็ยังคงรักษาจิตใจที่ดีงามไว้

ตอนที่ทานอาหาร เธอดื่มไวน์นิดหน่อย ในเวลานี้แก้มก็แดงระเรื่อแล้ว

ผมของเธอห้อยไปอีกฝั่งตามการเอียงของศีรษะของเธอราวกับน้ำตกยังไงอย่างนั้น ก้มหน้าลงเป็นความงดงามที่มีเสน่ห์ชวนน่าหลงใหล เงยหน้าขึ้นมองเป็นความงดงามที่ทำให้คนรอบตัวล้วนแต่ตื่นตะลึง

ริมฝีปากดุจดั่งวุ้นลูกท้อที่เพิ่งทำเสร็จยังไงอย่างนั้น ทำให้คนอดไม่ไหวอยากจะเข้าไปกัดสักคำ

เผชิญหน้ากับตาใสแป๋วที่อ่อนโยนของเธอ จิตใจของเขาราวกับไฟดูดยังไงอย่างนั้น

“คุณก็เป็นข้อยกเว้นอย่างหนึ่ง……” เขาพูดกล่าว

“หมายความว่าอะไร?”

“…………” เขาไม่ตอบ เพียงแค่ยื่นมือออกไปเปิดโทรทัศน์แล้ว กดไปดูรายการพิเศษในคืนวันตรุษจีนที่ช่องCCTV

ในโทรทัศน์ สนุกสนานร่าเริงอย่างเต็มที่ พวกนักร้องต่างก็แต่งชุดสีแดงต่างๆ นานา ร้องเพลงประเทศสงบประชาร่มเย็น

“ตู๊ดตู๊ดตู๊ด——”

เพิ่งจะดูได้ไม่นานเท่าไหร่ โทรศัพท์ของแทนไทก็สั่นขึ้นมาแล้ว

เห็นว่าเป็นเบอร์โทรของกรรณ เขาไม่รับสายเลย

ในเวลานี้อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ โทรมาอีกแล้ว

เขาถึงได้ลุกขึ้นยืนเดินมายังข้างหน้าต่างที่ยาวจรดพื้น กดรับสายแล้ว

ด้านนอกเริ่มมีคนจุดพลุแล้ว ระหว่างเสียงที่ดังปังติดต่อกันทั่วทั้งท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมไปด้วยพลุหลากหลายสีสัน

ชัชนันท์อดไม่ไหวลุกขึ้นยืนเดินมาข้างกายของเขาแล้ว ยืนห่างจากเขาประมาณสองเมตร มองดูพลุข้างนอก

“นายเป็นอะไรเหรอ?ไม่รับสายฉัน?กฎเดิม คืนนี้พวกเราเล่นไพ่นกกระจอกตลอดทั้งคืนนะ สถานที่ก็ยังคงเป็นที่เดิม”

“ไม่ไปแล้ว” แทนไทพูดอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องคิด

เงยหน้ามองชัชนันท์ที่อยู่ข้างๆ

พลุไฟดอกแล้วดอกเล่า เบ่งบานภายในสายตาของเธอ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความน่าทึ่ง อย่างกับเด็กยังไงอย่างนั้น

“เดี๋ยวนะ……ทำไมเหรอ?พวกเราเล่นกันมาตั้งแต่อายุสิบแปดปีแล้ว เล่นกันแบบนี้ทุกปี ทำไมปีนี้นายไม่มาละ?” เห็นได้ชัดว่ากรรณไม่ค่อยดีใจแล้ว

“เพราะว่าปีนี้ ฉันมีคนอยู่ข้างกายแล้ว……” เขามองเธอ พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

เสียงพลุดังปังๆ ติดต่อกันอยู่ข้างหูของเธอ

เธอไม่ได้ยินเลยว่า เขาพูดว่าอะไร

ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่ได้สังเกตสายตาของเขาเลย ว่ากำลังหยุดนิ่งมาที่ตัวเอง

“งั้นก็พาออกมาเล่นด้วยกันสิ คมสันก็พาขจีออกมาแล้ว”

“เธอเหนื่อยแล้ว”

“เดี๋ยวนะ……นี่นายถือว่าเห็นแฟนดีกว่าเพื่อนเหรอ?”

แทนไทไม่สนใจ วางสายเลย เดินช้าๆมายังข้างกายของชัชนันท์ เงยหน้ามองพลุเต็มไปทั่วท้องฟ้าที่ด้านนอก “ชอบอันนี้เหรอ?””

“อืม ชอบ……” ชัชนันท์พูดกล่าว

เขามองเธออย่างลึกซึ้งแล้วแวบหนึ่ง ยื่นมือออกไปคิดอยากจะลูบหัวของเธอ แต่กลับว่าหยุดลงในขณะที่มือกำลังจะสัมผัสเส้นผมของเธอ และเก็บมือกลับไป

ชัชนันท์หันหน้ามาพร้อมยิ้ม มองดูความหล่อเหลาของเขา “สวัสดีวันปีใหม่ค่ะ คุณห้า”

“สวัสดีวันปีใหม่ครับ” เขาพูดกล่าว ด้วยความอบอุ่นในก้นลึกของแววตา

และหลังจากนั้น ทั้งสองคนก็มองไปยังท้องฟ้าข้างนอกอย่างใจตรงกัน

เวลานี้ ธันวาขึ้นบนเวทีในโทรทัศน์แล้ว

เขาสวมใส่ชุดสูทสีขาว ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวไว้ข้างใน สวมใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว หวีผมไปด้านหลังของศีรษะอย่างสะอาดเรียบร้อย แต่งหน้าเบาๆ ร้องเพลง《ซื่อสัตย์ ภักดี เสียสละ เพื่อประเทศชาติ》บนเวทีที่รุ่งโรจน์เรืองรอง

เสียงเพลงของเขาดังกังวานและมีพลัง มีพลังเสียงอย่างมาก อนุมานแก่นแท้ของเพลงนี้ได้อย่างถึงอกถึงใจ

เสียงปรบมือด้านล่างเวทีช่วงระยะหนึ่ง

ได้ยินเสียง ชัชนันท์กลับมานั่งที่โซฟาด้วยความสนใจแล้ว เริ่มดูการแสดงอย่างจริงจัง

ไม่นานแทนไทก็นั่งลงแล้วเช่นกัน ถือโอกาสจุดบุหรี่หนึ่งมวน สูบบุหรี่แล้ว

ตามมาด้วยเมื่อเพลงเข้าสู่ท่อนไคลแม็กซ์ ธันวาที่อยู่ในโทรทัศน์มองดูแล้วยิ่งรุ่งโรจน์เรืองรองมากยิ่งขึ้น ยกมือขึ้นโยกตัวไปมา เผยลมหายใจแห่งราชา

ชัชนันท์คิดไม่ถึงจริงๆ จู่ ๆ เขาจะขับร้องเพลงนี้ได้ดีขนาดนี้

ท่อนที่เสียงสูงของบทเพลงนี้ร้องยากมาก แต่ว่าธันวากลับว่าร้องได้กำลังดีอย่างเชี่ยวชาญ

ถึงขั้นไม่ได้แย่ไปกว่าต้นฉบับเลย

ร้องมาถึงท่อนที่เสียงสูงในประโยคสุดท้าย ธันวาก็ดึงหูฟังของตัวเองออกเลย เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ลากเสียงสูงสุดแล้ว

ความอบอุ่นในงานนี้ราวกับว่าก็ถูกเสียงสูงนี้แผดเผาโดยสิ้นเชิง เสียงปรบมือดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าร้อง

ภายใต้แสงไฟ เส้นเลือดดำที่ปูดขึ้นมาบนคอนั่น ล้วนเป็นเสน่ห์ที่ชวนให้คนหลงใหล

หลังจากเสียงสูงที่ลากยาวช่วงหนึ่งสิ้นสุดลง ธันวาค่อยๆสะบัดไมโครโฟนที่อยู่ในมือไปข้างหน้าเบาๆครู่หนึ่ง และก็สะบัดหัวกลับมาเบาๆ แล้ว มองที่เลนส์กล้องอย่างทรงพลังมาก

ภาพฉากนี้ มองดูแล้วรู้สึกทั้งแมนทั้งเท่!

ชัชนันท์ที่ได้ฟังเลือดพลุ่งพล่าน อดไม่ได้ที่จะชื่นชม “เขาช่างเก่งซะเหลือเกิน คุณพระช่วย……ทำไมถึงได้มีคนที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้นะ”

ได้ฟังแล้ว แทนไทมองไปยังใบหน้าของชัชนันท์ด้วยสายตาที่เย็นชาแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว