หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 167

“ถ้าคุณไม่ยอมรับก็ลองออกไปขอไลน์เธอดูสิ ถ้าคุณได้มา ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในวันนี้ของคุณ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”

“แต่ถ้าคุณขอมาไม่ได้ คุณต้องไปซื้อ Hermes รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นให้ขจี โอเคไหม?” คมสันกล่าว

“กลัวที่ไหนกัน?” กรรณชำเลืองมองคมสันด้วยความไม่สนใจใยดี และเดินเอื่อยๆ ออกไป

ในตอนที่กรรณออกมา นลินก็เพิ่งจะเปิดประตูรถ

วันนี้ เธอขับออดี้ R8 สีขาวมา

เมื่อมองดูรถชื่อดังคู่กับสาวงามแล้ว ช่างดูเหมาะสมกันจริงๆ

“นลิน......?” กรรณก้าวไปข้างหน้า และมองเธอด้วยรอยยิ้ม มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างเป็นธรรมชาติ

นลินมองเขาพร้อมทั้งพยักหน้าเล็กน้อยอย่างนิ่งๆ

“พวกเราเคยเจอกันมาก่อนแล้ว”

“อืม”

“ผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการสักหน่อยนะ ผมชื่อกรรณ” กรรณยื่นมือออกไปหาเธอ

“สวัสดี” นลินพูดจบก็พยักหน้าเล็กน้อยแต่ไม่ได้ยื่นมือออกไปจับกับเขา

“มีคนเคยบอกว่าคุณดูเย็นชาไหม?” เธอดูเหมือนนกยูงที่เย่อหยิ่ง ที่ยกหัวขึ้นสูงอยู่ตลอดเวลา

“มีธุระอะไรไหม?”

“ผมชอบผู้หญิงที่เย็นชามากๆ เลย” กรรณกล่าวต่อ “คุณสะดวกให้ไลน์กับผมไหมครับ? ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณ”

วิธีการเริ่มบทสนทนาเช่นนี้นลินเคยเจอมาก่อนเยอะ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองเขาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ขึ้นรถและขับออกไปโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้กรรณได้พูดอะไรต่อ

จากมุมมองของเธอ ชายหนุ่มตรงหน้าที่เข้ามาเริ่มบทสนทนาดูเหมือนจะเป็นคนที่ไร้สาระเอามากๆ

ขณะนั้น คมสันและขจีก็จ้องมองมาที่เขาตาไม่กระพริบ

เมื่อเห็นฉากนี้ คมสันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาทันที “ในที่สุดไอ้กรรณก็มีวันนี้ ฮาฮา”

เมื่อกรรณเงยหน้าขึ้นก็เห็นคมสันกำลังหัวเราะในความโชคร้ายของเขา เขาถอนหายใจยาวด้วยความกลุ้มใจและลูบหัวปลอบตัวเองเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปยังรถที่วิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาล้มเหลวในการเริ่มบทสนทนา

และยังเป็นครั้งแรก ที่เขาถูกผู้หญิงปฏิบัติอย่างไม่มีเยื่อใยเช่นนี้

แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่เพียงแต่จะไม่โกรธ แต่เขากลับรู้สึกสนใจในตัวเธอมากยิ่งขึ้น

“น่าสนใจจริงๆ......” กรรณลูบคางเบาๆ เขามองจนกระทั่งรถคันนั้นหายลับไปจากสายตาแล้วจึงเดินกลับเข้าไปในร้านกาแฟและนั่งลงที่ที่นั่งเดิม

ทันทีที่เขานั่งลง คมสันก็อดไม่ได้ที่จะพูดหยอกล้อเขา “เป็นไงมั่ง ผมเดาถูกใช่ไหมล่ะ? ว้าว ในที่สุดชีวิตที่เหลืออยู่ของผมก็ได้เห็นคุณล้มเหลวในการจีบสาวแล้ว ช่างแปลกใหม่จริงๆ”

“หุบปากไปเลยไป” กรรณไล่เพราะเขารู้สึกอายมากขึ้นเรื่อยๆ

“เดี๋ยว Hermes ก็มาแล้วสินะ?” คมสันเอ่ย

เมื่อพูดจบเขาก็วางมือลงบนไหล่ของขจีและถูคางเธอเบาๆ “ขจีจ๋า รีบขอบคุณคุณกรรณเร็ว”

“ไม่ต้องหรอกน่า......แค่ล้อกันเล่นเฉยๆ ช่างมันเถอะ” ขจีรีบพูด

“ช่างมันได้ไง? กล้าพนันก็ต้องกล้ายอมรับผลสิ” กรรณพูดพร้อมมองไปที่คมสันด้วยรอยยิ้ม

“ใช่ กล้าพนันก็ต้องกล้ายอมรับผล เดี๋ยวไปซื้อ Hermes กัน คุณอยากได้ลิมิเต็ด อิดิชั่นรุ่นไหนก็ซื้อรุ่นนั้นแหละ” คมสันพูดสบายๆ

“ยังไม่รีบขอบคุณอีก?” คมสันยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ขอบคุณนะคะคุณกรรณ” ขจีเอ่ย

“คมสัน ช่วยผมคิดหาวิธีที่จะได้ไลน์นลินมาให้ด้วย” กรรณเอ่ย

เมื่อได้ยินเช่นนี้ คมสันก็ตกตะลึง “เดี๋ยวนะ......คุณดูไม่ออกหรอว่าเธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่สนใจคุณ?”

“ตอนนี้ไม่สนใจ แต่จะรู้ได้ยังไงว่าอนาคตก็ยังจะไม่สนใจ?” กรรณกล่าวอีกครั้ง

“......โอเค ถ้าจะให้ช่วยคุณหาไลน์ของเธอมา งั้นคุณก็ต้องซื้อกระเป๋าลิมิเต็ด อิดิชั่นให้ขจีสองใบนะ” เมื่อพูดจบคมสันก็เอาคางไปวางไว้บนไล่ของขจี แต่สายตายังคงมองอยู่ที่กรรณ

กรรณโบกให้เขาอย่างจนปัญญา “เออ ก็ได้”

............

ในเวลาเดียวกันที่อีกด้าน ชัชนันท์กับแทนไทยังคงกินข้าวและดื่มกันอยู่

ชายหนุ่มทำกับข้าวอร่อยมาก จริงๆ เธอกินอิ่มแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่ายังกินต่อได้อีกหน่อยอยู่ตลอด

เวลาพักผ่อนที่หาได้ยากภายในเวลาหนึ่งปีทำให้ชัชนันท์รู้สึกหลงใหลมากเป็นพิเศษ

เวลาล่วงเลยผ่านไป พวกเขาก็ดื่มไวน์แดงหมดไปสองขวดโดยที่ไม่ทันได้รู้ตัว

แก้มของเธอก็แดงระเรื่อภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์

ส่วนใบหน้าของแทนไทก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยสักนิด

ชัชนันท์พูดมากกว่าปกติเป็นเท่าตัว เธอเริ่มดึงเขาและเล่าถึงอดีตของตัวเอง

เล่าว่าทำไมถึงถูกมาวินหักหลัง และช่วงเวลาหลังจากถูกหักหลังแล้วมันเจ็บปวดมากมายเพียงใด

เขาตั้งใจฟังมาโดยตลอด สีหน้าของเขาเย็นชาและขมวดคิ้วบ้างเป็นบางครั้ง

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้แจ้งกระจ่างชัดถึงเรื่องราวในอดีตของเธอ แต่สิ่งที่ตัวเองค้นหามาได้ก็ไม่เท่ากับฟังคำอธิบายจากปากของเธอเอง ซึ่งมันจะส่งผลกระทบต่อเขาได้มากกว่า

เมื่อพูดถึงตอนจบ ชัชนันท์ก็ดื่มไวน์ในแก้วจนหมด จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ “ดังนั้น ตอนนี้ฉันได้เห็นความเศร้าโศกในตอนจบของสองคนนั้นแล้ว ฉันก็รู้สึกดีจริงๆ...... ไอ้หมามาวิน แล้วก็ยังมีผู้หญิงชาติหมา ชลิตา พวกมันทั้งสองคนไม่สมควรที่จะมีชีวิตสงบและเป็นปกติสุข”

“อืม” แทนไทตอบและมองหน้าเธออย่างลึกซึ้ง

“ความรักมันช่างทำให้คนต้องเจ็บปวดจริงๆ” ชัชนันท์ยิ้มอย่างขมขื่น

“แล้วคุณยังเชื่อในความรักอยู่ไหม?” แทนไทถาม

“เชื่อสิ ทำไมฉันถึงต้องไม่เชื่อด้วยล่ะ? ฉันไม่ปล่อยให้ตัวเองหมดความหวังในความรักเพราะไอ้ผู้ชายห่วยๆ คนนั้นหรอก มันดูโง่เกินไป จริงไหมล่ะ?” ชัชนันท์พูดสบายๆ

ชัชนันท์รู้สึกหิวน้ำเล็กน้อย เธอจึงลุกขึ้นอย่างโซเซพร้อมมองไปที่แทนไทแล้วพูดว่า “ฉันออกไปเทน้ำสักแก้วนะ”

แทนไทดึงมือเธอเอาไว้ “ผมไปเอง”

วินาทีต่อมา ชัชนันท์ก็ขาอ่อนและตกลงมานั่งลงตรงตักเขาพอดี

เธอหันกลับมามองหน้าเขาโดยไม่รู้ตัว จากนั้น ริมฝีปากของทั้งคู่ก็สัมผัสกันโดยตรง

ในช่วงเวลาที่ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกัน ร่างกายของชัชนันท์ก็สั่นเทา

เธอรู้สึกว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ดูเหมือนจะหายไปค่อนข้างมากและหัวสมองของเธอก็ปลอดโปร่งขึ้นเป็นพิเศษอย่างบอกไม่ถูก

ใจเธอเต้นแรงมาก ราวกับกำลังนั่งรถไฟเหาะตีเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ดูเหมือนว่าเดี๋ยวก็ทำให้อกสั่นขวัญแขวน เดี๋ยวก็กระหน่ำขึ้นและตกลงไปยังที่ไกลๆ

ตัวเธอแข็งทื่อไปหมดและไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีไปชั่วขณะ

และที่แย่ที่สุดก็คือ ไม่รู้ว่าตอนไหนที่มือของเธอไปวางอยู่ในที่ที่ไม่ควรจะวาง

และตำแหน่งนั้น ก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมาจริงๆ

สัมผัสจากฝ่ามือของเธอทำให้ใบหน้าของเธอแดงมาจนถึงลำคอ เธอเกร็งไปหมดทั้งตัว แม้แต่ลมหายใจก็ยังติดขัด

“ซี๊ด......” เขาคำรามเสียงต่ำ ลมหายใจร้อนผ่าวแพร่กระจายไปทั่วใบหน้าของเธอ

“ติ๊งต่อง......ติ๊งต่อง......”

เสียงกริ่งของประตูบ้านดังขึ้นคนที่กำลังกุ๊กกิ๊กกันอยู่ในห้อง

ชัชนันท์ได้สติขึ้นและดีดตัวลุกขึ้นยืนในทันที เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความเขินอายและเรียกสติทั้งหมดกลับคืนมา “เดี๋ยวฉันไปเปิดประตูก่อนนะ......”

แต่เธอเพิ่งจะก้าวออกไปเพียงแค่ก้าวเดียวก็โซซัดโซเซจนตกลงมานั่งบนตักเขาอีกครั้ง

ความรู้สึกจากการสัมผัสในที่แห่งหนึ่งก็ทำให้ร่างกายของเธอแข็งทื่อขึ้นมาอีกครั้ง

“หืม? คุณจะทำอะไรอ่ะ? อาลัยอาวรณ์หรอ?” แทนไทถามเบาๆ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขี้เล่น

แต่ชัชนันท์กลับมองบนใส่เขาด้วยความเขินอายในทันทีและลุกขึ้นยื่นพร้อมกับจับมุมโต๊ะเอาไว้ “ฉันแค่ดื่มมากไปหน่อยก็เลยยืนได้ไม่มั่นคงต่างหากย่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว