หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 169

ไม่ต้องพูดถึงในวงการบันเทิงเลย แม้แต่สามัญชนคนธรรมดา ถ้ามาเจอกับเรื่องแบบนี้ หลายคนก็เลือกที่จะเก็บเงียบเอาไว้

และก็เพราะความเงียบเหล่านั้น ที่ช่วยส่งเสริมให้เหล่าคนโรคจิตวางมาดใหญ่โต

แต่เธอก็เข้าใจได้ถึงความเงียบของพวกเขา

เพราะโลกนี้มีคนจำนวนมากที่มีความคิดที่ไม่ปกติ ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ต่อว่านักโทษเหล่านั้น อีกทั้งยังถือโอกาสนี้ไปเลือกปฏิบัติกับเหยื่ออีกด้วย

“นลิน ฉันต้องการให้ไอ้คนนี้ติดคุก” ชัชนันท์ค่อยๆ พูดทีละคำ เธอพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธของตัวเองเอาไว้

ถ้าไอ้คนสารเลวคนนี้ใช้ชีวิตอยู่นอกคุกหนึ่งวัน ก็จะมีคนที่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน

ดังนั้น เธอจึงต้องการให้เขาติดคุกแบบที่ไม่มีวันได้ออกมาอีกเลยตลอดชีวิต

“แต่ว่า......เขามีแบ็คหลังใหญ่มากเลยนะ......พ่อและลุงของเขาใหญ่แค่ไหนคุณก็รู้อยู่ คนธรรมดาไม่มีทางจัดการได้หรอก แบ็คใหญ่ขนาดนี้ บรรดาเหยื่อเองก็คงไม่กล้าออกมาพูดแน่ๆ” สายตาของนลินเผยความกังวลออกมา

“ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณดี แต่ถ้าคุณทำอะไรบุ่มบ่ามกับคนๆ นี้ ฉันกลัวว่าพวกเราอาจจะทำอะไรเขาไม่ได้อีกเลย แล้วก็ยังจะส่งผลร้ายต่อXเอนเตอร์เทนเมนท์อีกด้วย แม้กระทั่งตระกูลรัตนากรกุลเอง ก็อาจจะโดนลูกหลงไปด้วยนะ” นลินกล่าว

“ดังนั้น ฉันจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามแน่ๆ ฉันจะหาวิธีที่สมบูรณ์เพียบพร้อม” พูดแล้วชัชนันท์ก็เคาะคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว และคัดลอกทุกสิ่งทุกอย่างในอัลบั้มของเขาลงในคอมพิวเตอร์ของตัวเอง

“คุณคิดว่าจะทำยังไง?”

“ฉันจะหาวิธีที่จะทำให้ผู้อยู่เบื้องหลังของเขาอดทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำในตอนที่เรามุ่งไปยังเขา” สายตาของชัชนันท์เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและแน่วแน่

“แต่นั่นมันพูดง่ายแต่ทำยากนะ?” นลินมีท่าทีสงสัย

“ฉันมีวิธีของฉัน” ชัชนันท์พูดอย่างมีแผนอยู่ในใจ

“แล้วคุณคิดจะเปิดเผยเรื่องทั้งหมดนี้ไหม? ถ้าเปิดเผยก็เหมือนทำให้เหยื่อได้รับบาดเจ็บขึ้นอีกครั้ง คงมีหลายคนที่ไม่ยอมให้เปิดเผยเรื่องนี้หรอก เพราะนอกจากจะทำให้พวกเขาต้องอับอายคนอื่นแล้ว ยังเป็นการเปิดเผยคนที่อยู่เบื้องหลังของพงศ์พรอีกด้วย พวกเขาคงจะไม่กล้าแน่ๆ” นลินถาม

“ฉันก็ไม่ได้คิดจะเปิดเผยเรื่องพวกนี้ และฉันเองก็คงไม่ไปติดต่อคนพวกนั้นให้มาเป็นพยานด้วย เพราะถ้าเกิดมีคนที่เดินออกมาจากเรื่องนี้ได้อย่างยากลำบากแล้ว แต่ฉันกลับเอาเรื่องเดิมมาพูดขึ้นอีกครั้ง แล้วทำให้พวกเขาต้องตกอยู่ในความสิ้นหวังอีก แบบนั้นไม่เท่ากับว่าฉันเป็นคนบาปหรอ?”

“ฉันจะเริ่มลงมือจากที่อื่นก่อน อย่างแรก ฉันต้องจัดการกับคนใหญ่คนโตที่อยู่เบื้องหลังก่อน” ชัชนันท์กล่าว

“ถ้าคุณมั่นใจ งั้นฉันก็สนับสนุนคุณ แต่ว่าเธอห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามเด็ดขาด เข้าใจไหมนันท์?” นลินจับมือชัชนันท์เบาๆ และกำชับอย่างจริงจัง

ชัชนันท์พยักหน้าเล็กน้อย “วางใจเถอะ”

ทันใดนั้น ความคิดมากมายนับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ

นลินอยู่ที่นี่จนถึงช่วงเย็นแล้วค่อยจากไป

หลังจากส่งนลินแล้วชัชนันท์ก็กลับมาที่โซฟา เธอหยิบคอมพิวเตอร์ขึ้นและเริ่มใส่รหัสล็อคข้อมูลที่คัดลอกมา จากนั้นก็แบ่งบันทึกไว้ในหลายๆ ที่

ประมาณหกโมงเย็น แทนไทก็เดินลงมา

ชัชนันท์จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยพอดี

เธอวางคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คลงข้างๆ อย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็เอนหลังพิงโซฟา สองมือยกขึ้นกอดอก หลับตาลงและขมวดคิ้วด้วยความโกรธ

ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ เธอก็ยังคงไม่สามารถดึงสติตัวเองออกมาจากภาพและคลิปวีดีโอเหล่านั้นได้

การกระทำที่ชั่วร้ายเหล่านั้นของพงศ์พร ทำให้เธอโกรธจัดจนแทบอยากจะตัดเขาออกเป็นชิ้นๆ ในทันที

............

เช้าวันรุ่งขึ้น ชัชนันท์ก็เข้าไลน์แต่เช้าเพื่อนัดเจอกับกชนิภ

เธอคิดจะเอาเครื่องประดับที่ก่อนหน้านี้เธอซื้อให้กชนิภมอบให้กับเธอ

กชนิภนัดเธอ 10.00 น.

ดังนั้น เธอจึงรีบลุกจากเตียงและเริ่มจัดการตัวเอง

เวลายังเหลืออีกมาก เธอจึงลงไปแช่น้ำนมในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่และมาส์กหน้า

จากนั้นก็แต่งหน้าบางๆ อย่างประณีต มัดผมหางม้าสูง และสวมสูทผ้าวูลสีม่วงอ่อน

ด้านบนคือเสื้อโค้ทสั้น คอเสื้อรวมถึงชายเสื้อด้านนอกมีขนสุนัขจิ้งจอกสีขาวราวหิมะประดับอยู่

ด้านล่างเป็นกระโปรงพลีท

การแต่งกายเช่นนี้ ทำให้ขาของเธอดูเรียวยาวเป็นพิเศษ มองดูทั้งตัวแล้วเหมือนกับเด็กสาววัยมัธยม

เธอเห็นว่าใกล้เวลาแล้วจึงสวมรองเท้าบูทเหนือเข่าและหยิบกระเป๋า Hermes สีขาวจากชั้นวางกระเป๋า จากนั้นจึงหยิบเครื่องประดับที่เธอซื้อให้กชนิภรวมถึงโทรศัพท์มือถือใส่ลงไปในนั้น เตรียมตัวออกจากบ้าน

และในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากในห้อง

เธอเหลือบมองทางเข้าห้องแต่งตัวอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็มองกระจกทองฝังเพชรและหยิบต่างหูเพชรของ Chanel มาสวมอย่างระมัดระวัง

“ทำไมคุณไม่เคาะประตูก่อนเข้ามาล่ะ ห้า? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” เธอถาม

แต่อย่างไรก็ตาม ด้านนอกกลับไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา

เธอรีบสวมต่างหูอีกข้างด้วยความรวดเร็วแล้วเงยหน้ามองไปยังทางเข้า

ในเวลานี้ ผู้หญิงแปลกหน้าที่สวมชุดรัดรูปสีดำสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเธอ

คนแปลกหน้าที่อยู่ๆ ก็บุกเข้ามา ทำให้เธอตกใจจนตัวสั่น

เธอก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัวและเต็มไปด้วยความระแวดระวัง “พวกคุณคือใคร? แล้วบุกเข้ามาได้ยังไง?”

วิลล่าแห่งนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยที่สูงมาก ถ้าไม่มีรหัสผ่านและกุญแจจะเปิดประตูทุกๆ บานได้ยากมากๆ

ถ้าหากงัดประตูเข้ามา ระบบเตือนภัยอัจฉริยะภายในบ้านก็จะต้องส่งเสียงเตือนขึ้นมา

และที่กำแพงก็ติดตั้งระบบเตือนภัยฉุกเฉิน ถ้าคนธรรมดาคิดจะปีนเข้ามา ไม่มีทางเลยที่จะไม่สังเกตเห็น

ดังนั้น เธอจึงลงมติว่า สองคนนี้ที่บุกเข้ามาได้ง่ายๆ โดยไม่ถูกสังเกตเห็นได้นั้น จะต้องไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญธรรมดาแน่ๆ

“ห้า......ห้า......” เธอร้องตะโกนเรียกเสียงดังและรีบยื่นมือไปหาโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งตำรวจ

เธอกลัวว่าตัวเองจะรับมือกับทั้งสองคนนี้ไม่ได้

ใจเธอเต้นเร็วขึนเรื่อยๆ

พวกเธอทั้งสองมองหน้ากันแล้วส่งเสียงให้สัญญาณเล็กน้อย จากนั้นก็เข้ามาโจมตีเธอพร้อมๆ กัน

ชัชนันท์โต้กลับอย่างสุดกำลังแต่สุดท้ายแล้วก็ยังสู้พวกเธอไม่ได้และยังถูกพวกเธอทั้งสองคนกดลงกับพื้นไว้แน่น

“ห้า......ช่วยด้วย......” เธอร้องตะโกน

“พวกเราดูมาแล้วว่าที่บ้านเธอไม่มีใคร พวกเราถึงได้เข้ามา” ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดหนังพูดอย่างเย็นชา

วินาทีถัดมา เขาก็ยกมือขึ้นและสับลงไปที่ท้ายทอยของชัชนันท์

ชัชนันท์เห็นแต่ความมืดและไม่รับรู้อะไร

............

ในตอนที่ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นอีกครั้ง เธอก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องเล็กๆ ที่ดูมืดครึ้มมาก

กำแพง เพดาน พื้น ทั้งหมดล้วนทำจากปูนซีเมนต์ พื้นที่แคบมากๆ จนแทบจะมองไม่เห็นประตู

ดูแล้วเหมือนเป็นห้องลับ

ไฟเป็นหลอดไฟแบบธรรมดาที่มีกำลังวัตต์ต่ำมาก ทั่วทั้งพื้นที่เห็นเพียงแสงสลัวๆ

เธอถูกมัดไว้กับเก้าอี้สีขาวราวหิมะตัวหนึ่ง และข้างๆ เธอก็ยังมีนลินอีกด้วย

นลินและเธอถูกจับมัดไว้กับเก้าอี้เหมือนกัน แต่อีกฝ่ายยังอยู่ในอาการไม่ได้สติและความดันหัวก็ต่ำมาก

มีคนยืนอยู่หลายคนรอบๆ ตัวเธอ ทุกคนล้วนสวมชุดสูทสีดำ เสื้อเชิร์ตสีดำ รองเท้าหนังสีดำ และตัดผมทรงสกินเฮดสีดำ

สัญชาตญาณบอกเธอว่า คนที่เป็นคนจัดการเธอและนลินในวันนี้ คือพงศ์พร

“พวกคุณคือคนของพงศ์พร?” ชัชนันท์ถามเรียบๆ

ในตอนนั้นเอง ประตูหินก็ค่อยๆ เปิดออก

พงศ์พรคาบไม้จิ้มฟันอยู่ในปากและเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ “เธอฉลาดจังเลย คุณชัชนันท์......”

เมื่อเห็นสิ่งที่เขาทำเหล่านั้น ชัชนันท์เห็นหน้าเขาแล้วก็เกลียดเข้ากระดูก

“คุณคิดจะทำอะไรพงศ์พร?” ชัชนันท์ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว