หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 171

เธอคาดหวังว่าภาพในวันนั้นจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง

แต่เธอรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้

จะมีใครที่โชคดีแบบนั้นได้ทุกครั้งกัน?

สติสัมปชัญญะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ......

เธอแทบจะบ้าแล้วจริงๆ

ด้านข้าง นลินก็เป็นเช่นเดียวกัน เธออดไม่ได้ที่จะส่งเสียงที่ไม่สามารถบรรยายได้ออกมา และเหงื่อเย็นยะเยือกก็ผุดขึ้นมาเต็มหน้าผาก

“เรียนรู้จากเพื่อนเธอสิ ไม่ต้องดึงดันต่อไปแล้ว เธอจะร้องออกมาก็ได้นะ แค่พวกเธอขอร้องผม ผมก็จะให้หมาทิเบตันแมสติฟฟ์ของผมเข้ามา”พงศ์พรยังคงตั้งหน้าตั้งตาถ่ายคลิปพวกเธอทั้งสองคน

เขารู้สึกว่า การที่เขายืนถ่ายอยู่เฉยๆ ที่พื้นยังไม่เต็มอิ่มมากนัก ดังนั้น เขาจึงเข้าไปใกล้ๆ และถ่ายจ่อหน้าพวกเธอเพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ ของพวกเธอเอาไว้ให้หมด

เขาทั้งตื่นเต้นมากๆ เมื่อเห็นแต่ละฉาก

ชัชนันท์พยายามยกขาขึ้นเตะเขา แต่ขาทั้งสองข้างกลับถูกมัดเอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีทางที่จะขยับได้เลยสักนิด

ทั่วทั้งตัวเหมือนมีแรงดันสูงมากๆ คล้ายกับหม้อที่กำลังจะระเบิด

ถ้าเธอออกไปได้แล้ว เธอจะต้องให้คนๆ นี้ชดใช้อย่างสาสมแน่นอน!

เมื่อถึงเวลานั้น เธอจะลากไอ้คนๆ นี้ให้จมดิ่งลงไปด้วยกัน!

ในขณะที่เธอกัดฟันแน่นขึ้นเรื่อยๆ มุมปากของเธอก็เริ่มมีเลือดสีแดงสดไหลลงมาเป็นทาง

นลินเองก็ยังคงดึงดัน ก่อนที่สติสัมปชัญญะจะหมดไป เธอก็กัดด้านในของริมฝีปากล่างไว้แน่น และไม่หยุดที่จะใช้ความเจ็บปวดมากระตุ้นตัวเอง

เวลาผ่านไปยี่สิบนาทีเต็ม พวกเธอทั้งสองคนก็ยังคงยืนหยัดอยู่

พงศ์พรเองก็หมดความอดทนแล้ว เขาจึงยกเก้าอี้มานั่งและเงยหน้านั่งไขว่ห้าง จากนั้นก็โบกมือเรียนคนรอบตัว “ไปเอาหมา ทิเบตันแมสติฟฟ์ สองตัวนั้นเข้ามา”

เขานึกไม่ถึงเลยว่า ผู้หญิงสองคนนี้จะอดทนได้มากขนาดนี้

เมื่อลูกน้องเหล่านั้นอดใจไม่ไหวแล้วกว่าจะได้ยินเสียง

ทันทีที่พงศ์พรออกคำสั่ง ลูกน้องคนหนึ่งก็ลากหมา ทิเบตันแมสติฟฟ์ สีดำสองตัวพุ่งเข้ามาทันที

แค่หมาทิเบตันแมสติฟฟ์สองตัวนั้นอ้าปาก ก็เห็นได้ถึงความดุร้ายของมัน ในปากไม่มีฟันแม้แต่ซีกเดียว

มุมปากของพวกเธอล้วนมีเลือดไหลออกมา

เมื่อได้กลิ่น หมาทิเบตันแมสติฟฟ์สองตัวนั้นก็ตื่นเต้นเป็นพิเศษ พวกมันพุ่งเข้าใส่พวกเธออย่างบ้าคลั่งด้วยความรวดเร็วในทันที

ความน่ากลัวที่เด่นชัดได้เข้ายึดสมองของเธอ และน้ำตาแห่งความผิดหวังของชัชนันท์ก็ไหลออกมา เธอพยายามลุกขึ้นอย่างสุดชีวิต แต่ทันทีที่ลุกขึ้น ก็ถูกคนเตะล้มลงกับพื้น

วินาทีถัดมา หมาทิเบตันแมสติฟฟ์ตัวหนึ่งก็มาถึงข้างตัวเธอและกัดต้นขาของเธอไว้แน่น

ฟันของหมาทิเบตันแมสติฟฟ์ถูกถอนออกไปหมดแล้ว แต่เมื่อมากัดคน ก็ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด

“พงศ์พร คุณจะต้องไม่ตายดี!” ชัชนันท์ออกแรงตะโกน ความเจ็บปวดทำให้เธอแสดงอาการบิดเบี้ยวและทั่วทั้งตัวก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นยะเยือก

เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดแล้ว เธอยังกลัวความคาดหวังต่อไปของพงศ์พรมากกว่าอีก ช่างเป็นเรื่องที่โหดร้ายและวิปริตเหลือเกิน

เธอจะทำอย่างไรดี......

ควรจะทำอย่างไรต่อไปดี?

ถ้าเกิดเธอถูกหมาทิเบตันแมสติฟฟ์ตัวนี้ครอบครองจริงๆ งั้นเธอก็ไปตายไม่ดีกว่าหรอ

พงศ์พรเอนตัวขึ้น จากนั้นก็มองลงและถ่ายคลิปวีดีโอ

และในตอนนั้นเอง ปืนพกที่อยู่ที่เอวของพงศ์พรก็หล่นลงมากระแทกด้านหลังมือเธอพอดี

และหมาทิเบตันแมสติฟฟ์ก็ปีนขึ้นมาบนตัวเธอด้วยความรวดเร็ว

เธอหยิบปืนพกขึ้นมาทันทีและรีบบรรจุกระสุนใส่เข้าไป จากนั้นก็ยิงไปที่หัวของหมา ทิเบตันแมสติฟฟ์ นัดหนึ่ง

“ปัง......” เสียงกระสุนดังขึ้นครั้งหนึ่ง และระเบิดใส่หัวของมัน เลือดสดสาดกระจาย และหมาทิเบตันแมสติฟฟ์ก็ล้มลงที่พื้น

และในอีกวินาทีต่อมา เธอก็เอาปากกระบอกปืนจ่อไปที่ไหล่ซ้ายของตัวเองและยิงด้วยความรวดเร็ว

ความเจ็บปวดจากการที่กระดูกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้สติสัมปชัญญะของเธอกลับมาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ภายในร่างกายและความปรารถนาภายในร่างกายก็แตกกระเจิงหายไป

ในเวลานี้ ลูกน้องของพงศ์พรก็รวมตัวกันและพยายามชักปืนขึ้นมา

เธออาศัยช่องว่างที่พวกเขาก้มหน้ายื่นแขนออกไปคว้าเนคไทของพงศ์พรและดึงเขาเข้ามาในอ้อมแขนของตัวเอง จากนั้นก็เอาปืนจ่อเข้าที่หลอดเลือดแดงตรงคอของเขาอย่างโหดเหี้ยม

การกระทำทั้งหมดนี้ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที

แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่เธอก็ยังคงดูสงบมาก

สายตาของเธอดูเย็นยะเยือกจนทำให้คนตกใจ ไม่มีความอ่อนโยนเหมือนปกติเลยแม้แต่น้อยนิด

บรรยากาศเปรียบเสมือนทั้งสิ่งทุกอย่างมาผสมปนเปกันโดยที่มีผู้หญิงเป็นใหญ่

“ไอ้ผู้หญิงบ้า แกคิดจะทำอะไรของแก? ปล่อยกู ได้ยินไหม?”พงศ์พรออกคำสั่งอย่างเย็นชา ขาทั้งสองข้างของเขาสั่น ส่วนมือทั้งสองข้างก็ยกขึ้นสูงโดยไม่รู้ตัว

เธอไม่เคยคิดเลยว่าชัชนันท์จะมีทักษะเช่นนี้

ในตอนนั้น คนอื่นๆ ก็ยกปืนขึ้นมาบรรจุกระสุนและเล็งไปยังหัวของเธอ

ชัชนันท์ยังคงจ่อปืนอยู่ที่คอของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้ว่าจะต้องตาย เธอก็ไม่ยอมปล่อยมือ “ให้ลูกน้องคุณเอาหมาทิเบตันแมสติฟฟ์บนตัวนลินออกไป”

เธอยังคงสงบนิ่งถึงแม้ว่าเลือดยังคงไหลไม่หยุด

ขณะนั้น ทางด้านของนลิน หมาทิเบตันแมสติฟฟ์ตัวนั้นกำลังกระโดดเข้าใส่เธอ แต่เธอก็ควบคุมตัวเองและพยายามหลบมัน

“ทำตามคำสั่งของคุณชัชนันท์ซะ เร็วเข้า อย่ามัวอืดอาด”พงศ์พรตัวสั่น

ลูกน้องหลายคนที่ได้รับคำสั่งจากพงศ์พรก็รีบยิงใส่หมาทิเบตันแมสติฟฟ์

ไม่นานหมาทิเบตันแมสติฟฟ์ก็ล้มลงกับพื้น

ที่ว่างภายในห้องที่ปิดมิดชิดส่งผลให้กลิ่นเลือดมนุษย์และเลือดสุนัขผสมปนเปกัน ส่งกลิ่นเค็มและคาวตลบอบอวลไปหมดจนน่าคลื่นไส้

ทั้งใบหน้าและเท้าของเธอล้วนเต็มไปด้วยเลือด

แต่เธอก็ยังคงใจเย็นและสงบนิ่ง ยืนอยู่โดยไม่พูดไม่จาอะไร

“คุณพาพวกเราออกไปเพียงลำพัง......” ชัชนันท์กัดฟันด้วยความแค้นและลากพงศ์พรเดินถอยหลังมาจนตัวพิงกำแพงเพื่อป้องกันไม่ให้มีใครมายิงเธอจากทางด้านหลัง

ในช่วงความเป็นความตายเช่นนี้พงศ์พรก็ไม่กล้าขัดขืนเลยแม้แต่น้อย เขามองลูกน้องและเอ่ย “พวกแกหลบไปให้หมด ไม่ว่าใครก็ห้ามตามมา”

“นลิน......เธอเดินเองไหวไหม?” ชัชนันท์มองนลินแล้วถาม

นลินใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเหลืออยู่ดันตัวลุกขึ้นยืนอย่างพยายามฝืน ผิวหนังทั่วทั้งตัวของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเพราะต่อสู้กับหมาทิเบตันแมสติฟฟ์

แต่ความเจ็บปวดนี้ทำให้ความปรารถนาของเธอลดลงไปมาก แม้จะยังมีเหลืออยู่บ้าง แต่ร่างกายก็ยังพอรับได้

นลินประคองกำแพงไว้ด้วยความยากลำบาก จากนั้นจึงเดินอย่างกระหืดกระหอบไปยังด้านข้างของชัชนันท์ ถึงแม้ว่าร่างกายเธอจะไม่มีแรงและเหนื่อยล้ามาก แต่เธอก็สามารถอดทนได้

เธอช่วยสังเกตการณ์รอบๆ ไปพร้อมๆ กับเดินตามชัชนันท์และพงศ์พรออกไป

พวกลูกน้องของพงศ์พรต่างก็ยืนอยู่กับที่อย่างเชื่อฟัง ไม่มีใครกล้าตามออกมา

ภายใต้การนำของพงศ์พร พวกเธอก็ออกมาจากห้องลับได้

ในเวลานี้ พวกเธอถึงได้รู้ว่าที่ๆ พวกเธออยู่ คือวิลล่าขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพสูง

พงศ์พรพาพวกเธอเดินมาจนถึงลานบ้าน

ในลานบ้าน มีรถจอดอยู่หลายคัน

เมื่อทอดสายตามองไปก็พบว่าเป็นบีเอ็มดับเบิลยูเหมือนกันทั้งหมด

“มีกุญแจรถไหม?” ชัชนันท์ถามเรียบๆ ไหล่ข้างซ้ายของเธอปวดจนแทบจะทนไม่ไหว เธอจึงทำได้เพียงแค่อาศัยกำลังใจของตัวเองอย่างแรงกล้า

“อยู่ในกระเป๋าผม”พงศ์พรตัวสั่น

“ขี้ขลาด” นลินเยาะเย้ยอย่างเย็นชา จากนั้นจึงหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาและกดเปิดรถ

ไม่นานก็มีรถตอบกสนองกลับมา

ชัชนันท์ยังคงจ่อปืนไปที่คอของพงศ์พร จากนั้นจึงมองนลินและถาม “คุณเป็นยังไงบ้าง? ขับรถไหวไหม?”

นลินพยักหน้า

จากนั้น ชัชนันท์ก็เริ่มควบคุมพงศ์พรให้เข้าไปนั่งที่เบาะหลังของรถ

นลินนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับ

ความปรารถนาในร่างกายเริ่มที่จะกลับมาอีกครั้ง

เธอกัดฟันอดทนสตาร์ทรถและขับออกไป

พงศ์พรมองชัชนันท์ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “เธอ......เธอปล่อยผมได้แล้ว? ทำแบบนี้ถ้าเกิดกระสุนปืนลั่นขึ้นมาจะทำยังไง?”

“ที่แท้คนอย่างคุณก็กลัวเป็นเหมือนกันหรอ?” ชัชนันท์ส่งเสียงในลำคออย่างเย็นชา ขณะนั้น บนร่างกายของเธอก็มีเลือดไหลย้อมมาเกินครึ่งตัว

“ผมกลัวแล้ว......เธอ.....เธอปล่อยผมเถอะนะ คุณผู้หญิง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว