หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 172

ชัชนันท์ไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ “อ่า ปล่อยคุณงั้นหรอ? ตอนนั้นคุณเคยคิดจะปล่อยพวกเราไหมล่ะ?”

เมื่อเห็นว่าเขายังมีเข็มฉีดยาอยู่ในกระเป๋า ชัชนันท์ก็ใช้มืออีกข้างหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมาและออกแรงแทงไปที่ต้นขาของเขา

จิ้มเอาไว้

จากนั้นก็ปล่อยให้ของเหลวที่เหลืออยู่ในนั้นไหลเข้าไป

สีของของเหลวกับในนั้นเหมือนกันกับที่ก่อนหน้าเขาฉีดให้กับเธอและนลินไม่มีผิดเพี้ยน เธอรู้ทันทีว่านี่ก็เป็นยาปลุกเซ็กส์เช่นกัน

หลังจากฉีดยาปริมาณมาก ไม่นาน พงศ์พรก็เริ่มกระหืดกระหอบและหน้าดำหน้าแดง

ขณะนั้น รถก็ได้ขับออกมาไกลมากๆ แล้ว

เมื่อมั่นใจว่าไม่มีคนตามมาด้านหลัง ชัชนันท์ก็มองนลินและออกคำสั่ง “หยุดรถเถอะ”

นลินหยุดรถในทันที

ชัชนันท์หยิบโทรศัพท์มือถือของพงศ์พรออกมาจากกระเป๋าเขาอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ผลักเขาออกไปที่ถนนนอกรถ

ถนนสายนี้ ไม่ค่อยมีคนเข้ามาถึง

เมื่อมองออกไปรอบๆ ก็ไม่เห็นแม้แต่รถสักคัน

พงศ์พรขดตัวงออยู่ที่พื้นโดยที่ตัวยังคงไม่หยุดสั่น และปากก็ส่งเสียงที่ไม่น่าฟังออกมาไม่หยุด

เขามีความกระหายอยากจนถึงขีดสุดแต่กลับไม่พบหญิงสาวสักคน......

ชัชนันท์กลับไปที่รถด้วยความรวดเร็ว จากนั้นนลินก็เร่งความเร็วขับออกไป

ไหล่ของเธอที่ได้รับบาดเจ็บนั้นฉีกออกจากกันเพราะออกแรงมาก ทำให้ตอนนี้เธอเจ็บปวดจนแทบจะทนไม่ไหว และเลือดก็ไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

ขณะนั้น ริมฝีปากของชัชนันท์ก็ซีดมากๆ แม้แต่แรงในร่างกายของเธอก็แทบจะไม่มีเหลือ

“เดี๋ยวฉันพาคุณไปส่งโรงพยาบาลก่อน” นลินร้อนใจเป็นอย่างมาก ความปรารถนาในตัวเธอยังคงหลงเหลืออยู่ แต่ก็ยังกัดฟันอดทนระงับตัวเองไว้ได้

“คุณเป็นยังไงบ้าง? ให้ฉันจอดรถข้างทางแล้วหยุดเลือดให้คุณก่อนดีไหม?” นลินถาม

“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ชัชนันท์พยักหน้า จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมออกอย่างยากลำบากและดึงกระดาษทิชชู่ข้างตัวมากดตรงบริเวณที่ยิงกระสุนอย่างแรงเพื่อเป็นการห้ามเลือด

การกดเช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บเหมือนถูกแทงที่หัวใจ

เธอกัดฟันอดทนเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรออกมา

นลินเห็นภาพนี้แล้วรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก เธออดไม่ได้ที่จะด่าพงศ์พรในใจไปสิบแปดชั่วโคตร

“ไม่ได้ ถ้าไปโรงพยาบาล ฉันกลัวว่าพงศ์พรจะให้คนมาสร้างปัญหาให้กับพวกเราอีก” นลินรู้สึกตัวขึ้นมา

“เขาน่าจะไม่มีแรงไปสักพัก ปริมาณยาที่เขาถูกฉีดเข้าไป เป็นสองเท่าของพวกเรา ถ้าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะทำซ้ำๆ จนเขาหายอยากได้ในช่วงเวลาสั้นๆ หรอก...... เมื่อเขารู้สึกตัวกลับมา ตอนนั้นพวกเราก็มีคนมาช่วยเหลืออยู่ข้างๆ แล้วล่ะ”

เธอจำเป็นต้องไปโรงพยาบาล

ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถเอาลูกกระสุนออกได้ด้วยตัวเอง และแผลภายนอกของเธอกับนลิน เธอก็จัดการได้ วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าเธอก็ให้หมอประจำตระกูลมาฉีดให้ที่บ้านได้

แต่เธอไม่อยากรบกวนหมอประจำตระกูลของตระกูลรัตนากรกุล เธอกลัวว่าถ้าพ่อรู้เรื่องเข้าแล้วจะเป็นห่วง ตอนนี้แค่ต้องรับเรื่องของชลิตาคนเดียวก็มากพอสำหรับเขาแล้ว

“พวกเรารีบไปรีบกลับก็พอแล้ว ถึงตอนนั้นเดี๋ยวให้คุณห้าส่งลูกน้อง 2-3 คนมาคอยคุ้มกันพวกเรา เขาก็ไม่มีทางทำอะไรพวกเราได้แล้ว”

“นอกจากวิธีที่ใช้ในวันนี้แล้ว เขาไม่ใช้วิธีอื่นหรอก เขาไม่มีทางกล้าใช้กฎหมายหรอก”

“เพราะตอนนี้พวกเรามีโทรศัพท์มือถือเขาอยู่ในมือ และในนั้นก็มีหลักฐานการก่ออาชญากรรมของเขามากมายแน่นอน เพราะฉะนั้น เขาไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก”

ชัชนันท์พูดคำต่อคำ ใบหน้าไม่สะทกสะท้านอะไร

“สาเหตุที่เขาทำวันนี้ อย่างแรกก็เพื่อแก้แค้นพวกเรา อย่างที่สองก็เพื่อถ่ายคลิปวิดีโอสกปรกโสโครกของพวกเราทั้งสองคน ทำให้พวกเราทั้งสองคนไม่กล้าเอาเรื่องทั้งหมดนี้ไปป่าวประกาศเพราะเขาก็ไม่คลิปของพวกเราเหมือนกัน” ชัชนันท์กล่าวต่อ

“คุณพูดถูก” นลินเห็นด้วย

“ในใจคุณยังมีข้อสงสัยอะไรอยู่อีกใช่ไหม? อย่างเช่น ทำไมถึงปล่อยเขาไป แทนที่จะจับเขาส่งให้ตำรวจ?” ชัชนันท์ยิ่งพูดยิ่งอ่อนแรงลง

ในเวลานี้ เธอรู้สึกว่าโลกที่อยู่ตรงหน้าเริ่มหมุนแล้ว

“คุณทำอะไรไปก็ต้องมีเหตุผลของคุณอยู่แล้ว” นลินยิ้ม

“ตอนนี้คุณยังปล่อยให้เขาลอยนวลอยู่ข้างนอก แสดงว่าในใจคุณต้องมีแผนที่สมบูรณ์แบบไว้แล้วแน่ๆ และแผนนี้ก็สามารถทำให้เขาถูกจำคุกไปตลอดชีวิต......และกระทั่งพ่อกับลุงของเขา ก็ไม่กล้าออกมาปกป้อง”

“ถึงแม้ว่าเรื่องในวันนี้จะดูใหญ่โตแล้ว แต่เมื่อตัดสิน อย่างมากก็แค่ 2-3 ปี ดังนั้น คุณก็เลยอยากให้เขายังอยู่ด้านนอกและทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ต่อไป เพราะยิ่งก่อเรื่องใหญ่แค่ไหน ก็จะถูกจำคุกนานมากขึ้นเท่านั้น” นลินพูดความคิดในใจของตัวเองออกมาทั้งหมด

เธอรู้ความคิดทั้งหมดในใจของชัชนันท์ ไอเดียของเธอชัดเจนมาก เธอไม่อยากเปิดโปงวิธีการสกปรกเหล่านั้นของพงศ์พร ถ้าจะแก้แค้นให้เหยื่อ กวาดล้างขยะให้สังคม เธอก็จำเป็นต้องใช้วิธีการอื่น เห็นได้ชัดว่าเธอวางแผนเรียบร้อยแล้ว

“นลิน เธอสมแล้วที่เป็นเพื่อนสนิทฉัน” ชัชนันท์ยิ้มอย่างปลอบโยน “เธอเป็นยังไงบ้าง? แผลเธอรุนแรงไหม? ยานั้นส่งผลกระทบต่อเธอมากหรือเปล่า?”

“ฉันโอเค......นอกจากจะเจ็บปวดทางกายและไม่ค่อยมีแรงก็ไม่มีอะไรแล้ว ยานั้นยังส่งผลกระทบกับฉันอยู่แต่ว่าฉันทนได้” นลินตอบตามความจริง

“เดี๋ยวหาโทรศัพท์สาธารณะโทรหาคุณห้า ให้เขาพาลูกน้องมารอพวกเราที่หน้าโรงพยาบาลราษฎรแห่งที่หนึ่ง เพื่อจะได้ช่วยปกป้องพวกเราตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาล......” พูดจบชัชนันท์ก็บอกเบอร์โทรศัพท์ของชายหนุ่มคนนั้นออกมา

ขณะนั้น นลินก็เห็นตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ด้านนอกพอดี เธอรีบหยิบเหรียญ 2-3 เหรียญจากในกระเป๋าออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ลงจากรถ

ไม่นานก็โทรติด

หลังจากฝั่งตรงข้ามรับโทรศัพท์ นลินก็รีบเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ให้ชายหนุ่มในสายฟัง

หลังจากนั้นก็บอกสิ่งที่ชัชนันท์กำชับทั้งหมดกับเขา

เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาใหม่ที่จะแทรกเข้ามา เธอจึงไม่รอคำตอบของฝั่งตรงข้ามและรีบวางสาย จากนั้นก็กลับมาที่รถและเร่งความเร็วไปต่อ

ชัชนันท์โอนภาพและคลิปทั้งหมดในโทรศัพท์มือถือของพงศ์พรไปยังโมรศัพท์มือถือของตัวเอง

………………

อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ แทนไทกำลังนั่งเล่นไพ่นกกระจอกอยู่กับคมสัน กรรณ และจิตรินที่ห้องส่วนตัวสวนลอยฟ้าชั้นบนสุดของบาร์ไม่ลา

หลังจากรับสาย หน้าของเขาก็ดูเครียดขึ้นมา จากนั้นก็รีบทิ้งไพ่นกกระจอกในมือลง

เขากดก้นบุหรี่ในมือลงในที่เขี่ยบุหรี่คริสตัลด้านข้าง และลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่เครียด “พงศ์พร รนหาที่ตายซะแล้ว!”

ปฏิกิริยาของแทนไททำให้ผู้คนโดยรอบตกใจมาก กลุ่มคนที่นั่งคุยเล่นหัวเราะสนุกสนานกันก็พร้อมใจกันส่งสายตามองไปยังใบหน้าของเขาทันที

แต่ไหนแต่ไรมา แทนไทก็เป็นคนที่ไม่ชอบแสดงความรู้สึกอะไรออกมาทางสีหน้าตลอด

พวกคมสันไม่กี่คนต่างก็รู้สึกว่า เขาเป็นคนที่สงบเสงี่ยม ไม่สนอะไรใดๆ ในโลก

“เกิดอะไรขึ้น ห้า? พงศ์พรทำไมหรอ?” คมสันเงยหน้ามามองแทนไท

“มันแตะต้องชัชนันท์” แทนไทกล่าว

พูดจบเขาก็หยิบเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำย้อนยุคที่แขวนอยู่บนราวแขวนเสื้อริมผนังมาสวมและเดินจากไปด้วยความรวดเร็ว

กระบวนการทั้งหมด ใช้เวลาไปยังไม่เกินสามวินาทีเลย

หลังจากคมสัน กรรณ และจิตรินมองหน้ากันแล้ว พวกเขาก็รีบสวมเสื้อของตัวเองและตามเขาออกไปอย่างรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว