“หรือว่าเขาแก้แค้นนลิน แล้วพี่สะใภ้ก็เข้าไปช่วย ดังนั้นจึงพัวพันกับเรื่องนี้ไปด้วย?” สายตาของคมสันเต็มไปด้วยความโกรธ
“คุณก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างพงศ์พรกับนลินก่อนหน้านี้หรอ?” แทนไทมองคมสันด้วยความเย็นชา
สายตาของเขาที่มองมาทำให้ในใจคมสันรู้สึกสั่นเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงเล่าเรื่องที่เมื่อวานตัวเอง กรรณและขจีเห็นและยินที่ร้านกาแฟชั้นล่างของโรงแรมนานาชาติฮิลล์ให้แทนไทฟัง
“ในตอนนั้น พวกเราสองคนได้ยินเรื่องที่คุยกันอยู่บ้าง เดาว่าพงศ์พรน่าจะต้องการตัวนลินหรือไม่ก็นักแสดงของXเอนเตอร์เทนเมนท์ แต่นลินไม่ยอม...... แต่รายละเอียดที่เจาะลึกลงไป พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน” คมสันกล่าว
“ทำไมคุณไม่บอกผม?” แทนไทเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและมองคมสันอย่างเย็นชา
“ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรก็เลยไม่ได้บอก” พูดจบคมสันก็กะพริบตาพร้อมทั้งอยากรู้ “เหตุผลมาจากเรื่องที่ผมพูดหรอ?”
แทนไทไม่ตอบ เขาขมวดคิ้วและโทรหาเกริก “ส่งคนสองร้อยคนไปรอนันท์และนลินที่หน้าโรงพยาบาลราษฎรแห่งที่ 1 เดี๋ยวนี้ พวกเธอเกิดเรื่องแล้ว”
“ครับ”
“จำเป็นต้องคุ้มครองพวกเธอให้ดีนะ” พูดจบเขาก็วางสายและขึ้นรถฮอนด้าสีดำของตัวเอง
ทั้งคมสัน กรรณ และจิตรินต่างก็ขึ้นรถไปกับเขา
กรรณนั่งอยู่ที่เบาะหน้าข้างคนขับ
จิตรินและคมสันนั่งที่เบาะหลัง
คมสันด่าอย่างรุนแรง “ไอ้ชาติหมาพงศ์พร กล้าดียังไงมารังแกพี่สะใภ้กู รอก่อนนะ กูจะต้องฆ่ามึงให้ได้”
“มีกูด้วย” กรรณถอนหายใจอย่างเย็นชา “กูว่ามึงคงไม่เหลือวันดีๆ อีกต่อไปแล้ว วอนหาที่ตายแล้วล่ะ”
“กล้ามาทำพี่สะใภ้พวกกู ต้องตายเท่านั้น” จิตรินพูดเสียงดังฟังชัด
“ห้า เรื่องมันเหมือนกับที่ผมบอกไปหรือเปล่า?” คมสันถาม
แทนไทไม่พูดอะไรตอบกลับและเหยียบคันเร่งจนสุดจนทำให้รถพุ่งเร็วเหมือนฟ้าแลบ
เมื่อเห็นแทนไทแสดงอาการไม่สนในอย่างชัดเจน คมสันจึงไม่กล้าถามอะไรต่อและนั่งเงียบๆ
………………
นลินรีบขับรถมาจนถึงโรงพยาบาลราษฎรแห่งที่ 1 ชัชนันท์ก็มองเห็นชายชุดดำกลุ่มหนึ่งยืนอย่างเป็นระเบียบอยู่สองฝั่งประตูทางเข้าโรงพยาบาล
และที่ประตูข้างก็ยังมีฮอนด้าสีดำของผู้ชายคนนั้นจอดอยู่
ด้านข้างฮอนด้าคือบุคลากรทางการแพทย์รวมถึงเปลหามและรถเข็น
เธอตกใจกับรูปแบบตรงหน้ามาก นึกไม่ถึงว่าคุณห้าจะจัดคนมาเยอะขนาดนี้
“นั่นคือคนของคุณห้าใช่ไหม?” นลินมองกลุ่มคนเหล่านั้นและถาม แรงของเธอแทบจะหมดเมื่อขับรถมาได้ถึงที่นี่ และเสียงพูดก็ค่อยๆ เบาลง
ชัชนันท์เองก็ตกใจกับรูปแบบที่อลังการขนาดนี้
“อืม......” ชัชนันท์เองก็ตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา
นลินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “แต่ละคนสวมชุดสูท มองไปแล้วดูดีมากๆ ดูแล้วทำให้คุณห้ามีหน้ามีตามากๆ เลย ไม่นึกเลยว่าคุณห้าจะโยกย้ายคนมากมายขนาดนี้ได้ในทีเดียว...... สมแล้วที่เป็นคนของพี่ใหญ่”
พูดจบเธอก็ขับรถมาถึงด้านข้างฮอนด้าด้วยความรวดเร็ว
ในเวลานี้ แทนไท จิตริน คมสัน กรรณ ต่างก็ลงมาจากรถอย่างเป็นระเบียบ
แทนไทรีบเดินมาด้านข้างรถ เมื่อเห็นชัชนันท์ข้างในก็รีบเปิดประตูรถด้วยความรวดเร็ว
สภาพของเธอที่เต็มไปด้วยเลือดทั้งตัวผ่านเข้ามาในสายตาเขา เขารู้สึกว่าในใจของเขาเหมือนถูกก้อนหินขนาดใหญ่กระแทกอย่างแรงในทันที
“Shit!” เขาด่า ดวงจาทั้งสองข้างเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง
พูดจบเขาก็อุ้มชัชนันท์ขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว ในเวลานี้บุคลากรทางการแพทย์ก็รีบเข็นรถเข็นและเปลหามสองคันพุ่งเข้ามา
แทนไทวางชัชนันท์ลงอย่างรวดเร็ว
อ้อมอกนี้สำหรับชัชนันท์แล้วเปรียบได้กับการที่ผ่านความยากลำบากมามากมายนับไม่ถ้วนในทะเลแล้วเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นประภาคารอันอบอุ่น ที่ทำให้หัวใจที่ร่วงหล่นไป ในที่สุดก็ได้กลับมาเข้าที่ยังไงยังงั้น
กรรณก็ไปเปิดประตูฝั่งที่นลินนั่งอยู่
นลินมองเขาด้วยความเหนื่อยหอบ เตรียมจะออกจากรถทั้งๆ ที่ตัวสั่นเทา
กรรณเข้าไปอุ้มเธอขึ้นมาพร้อมทั้งกัดฟันด่าด้วยความแค้น “พงศ์พร กูจะฆ่ามึงแปดชั่วโคตร”
“เธอเป็นยังไงบ้าง ยังโอเคอยู่ไหม?” กรรณถาม
นลินพยักหน้าเบาๆ “ขอบคุณค่ะ”
วินาทีถัดมา เธอก็พิงเข้าที่ตัวกรรณด้วยความหมดแรง
กรรณไม่พูดอะไรต่อและรีบเดินไปข้างหน้าด้วยขายาวๆ ของเขา
เพราะบาดแผลของนลินไม่หนักมากนัก กรรณจึงพาเธอไปลาท้องและพันแผล
ส่วนชัชนันท์ถูกคนกลุ่มหนึ่งเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
หลังจากประตูห้องฉุกเฉินปิดลง แทนไทก็นั่งลงที่เก้าอี้ยาวอย่างช้าๆ ความอาฆาตแค้นวนเวียนอยู่ทั่วตัวไม่มีที่สิ้นสุด
คมสันและจิตรินก็รีบนั่งลง
กลุ่มชายชุดดำยืนอย่างเป็นระเบียบอยู่ที่สองฝั่งของระเบียงทางเดินเตรียมพร้อมอย่างเต็มกำลัง
“ไอ้หมาชาติชั่วพงศ์พรมันลงมือได้เลวมากจริงๆ ไอ้เชี้ยเอ้ย” สองมือของคมสันกำหมัดไว้แน่น
“พ่อมันโคตรโชคร้ายเลยที่มีลูกอย่างมัน” จิตรินโมโห “อีกไม่นานมันต้องทำร้ายพ่อมันจนตายแน่ๆ”
“ยังใช้อีกไม่นานได้อีกหรอ? แค่นี้ก็จะทำร้ายปางตายแล้ว”คมสันรู้ดีว่าอารมณ์ของแทนไทเป็นอย่างไร
เขารู้ดีว่าแทนไทไม่มีทางปล่อยพงศ์พรไปแน่ๆ และยังจะพาลไปจัดการทั้งตระกูลอัครกุลอีกด้วย
แม้ว่าตระกูลอัครกุลจะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่เมื่อเทียบกับตระกูลพัฒนาวรวงศ์แล้ว ก็จะไปเทียบกันได้อย่างไร?
ตระกูลของพวกเขาไม่คู่ควรแม้แต่เป็นที่รองเท้าให้ตระกูลพัฒนาวรวงศ์
“ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด......”
ในตอนนั้นเอง ก็มีสายโทรเข้ามาจากกชนิภ
แทนไทรีบกดรับสาย
“ห้า นันท์นัดเจอกับฉันไว้ตอนบ่าย แต่ฉันรอมาสองชั่วโมงแล้วยังไม่เห็นเธอมาเลย โทรไปก็ไม่มีคนรับ ฉันเป็นห่วงเธอจัง” กชนิภกล่าวต่อ “จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าน่ะ?”
“เกิดเรื่องแล้วจริงๆ เธอรอผมอยู่ที่บ้านนั่นแหละ เดี๋ยวกลับไปแล้วผมค่อยเล่าให้ฟัง”
“อะไรนะ? เกิดเรื่องไรขึ้น?”
“เดี๋ยวกลับไปค่อยเล่า......”
จากนั้นแทนไทก็วางสาย
………………
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง แพทย์หลักที่ทำการรักษาชัชนันท์ก็เดินออกมา
เขายืนอยู่หน้าพวกแทนไททั้งสามคนและพูดว่า “คุณชัชนันท์ปลอดภัยแล้วครับ ตอนนี้ลูกกระสุนก็เอาออกมาแล้วและบาดแผลก็พันเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ก็ต้องพักผ่อนให้มากๆ และระวังอย่าให้บาดแผลโดนน้ำแค่นั้นเองครับ”
ในที่สุดหัวใจที่ห้อยอยู่ของแทนไทก็หล่นลงมาได้ “ครับ”
และในตอนนั้นเอง ชัชนันท์ก็ถูกบุคลากรทางการแพทย์กลุ่มหนึ่งเข็นออกมา
เธอเปลี่ยนมาใส่ชุดคนไข้ลายสีฟ้าขาว และรู้สึกตัวอยู่ เลือดที่เลอะอยู่ตามร่างกายก็ถูกเช็ดทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว
ใบหน้าของเธอนั้นยังคงขาวซีดอยู่ ริมฝีปากเองก็เช่นเดียวกัน
ที่มือของเขามีสายน้ำเกลือห้อยอยู่ และของเหลวในขวดก็แกว่งเล็กน้อยไปตามการเคลื่อนไหวของรถเข็น
เมื่อเห็นแทนไท ชัชนันท์ก็ส่งยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนโยน
แทนไทก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและก้มตัวลงถามเธอ “เป็นไงบ้าง? เจ็บไหม? หืม?”
ชัชนันท์ส่ายหัว “ในยาแก้อักเสบที่ฉันฉีดเข้าไปได้เพิ่มยาแก้ปวดไปด้วย ตอนนี้เลยไม่เจ็บแล้วล่ะ”
“อืม”
“นลินล่ะ? เธออยู่ที่ไหน?” ชัชนันท์รีบถามหา
“เธอไม่เป็นไร กำลังรักษาแผลทั่วๆ ไปอยู่”
ใจที่ห้อยอยู่ของชัชนันท์ค่อยๆ กลับลงมาเข้าที่ “อืม วันนี้ขอบคุณที่คุณมากนะคะที่พาคนเยอะแยะขนาดนี้มาปกป้องฉัน”
“มันเป็นหน้าที่ผมอยู่แล้ว” เขาเอ่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว
บทที่ 244-339 หาอ่านได้ที่ไหนค่ะ...
คมสันกับขจีจบลงยังไงคะ...