หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 177

แทนไทยกมือหยิบแก้วน้ำขึ้นมา เชื้อเชิญให้เขาชนแก้ว

พงศ์พรหยิบแก้วน้ำขึ้นมาชนแก้วกับเขาทันที “ฉันก็ด้วย”

จากนั้นก็ดื่มน้ำอย่างเป็นธรรมชาติ

แทนไทเหลือบมองลูกกระเดือกเขาขยับขึ้นลงอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นก็เอาริมฝีปากแตะขอบแก้ว แสร้งทำเป็นดื่มน้ำ

พงศ์พรเห็นดังนั้น ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ

น้ำนี่แค่ดื่มไปอึกเดียวก็ได้ผลแล้ว ไม่จำเป็นต้องดื่มเยอะเลย

ริมฝีปากแทนไทออกมาจากขอบแก้วช้าๆ สองมือประคองแก้วน้ำเอาไว้ขณะมองเขา “ละครใหม่ที่คุณพูดถึง คือละครอะไร?”

พงศ์พรพูดขึ้น “อ่อ……ละครพีเรียด”

สิ้นคำพูด พงศ์พรก็เริ่มรู้สึกว่าทั้งร่างร้อนผ่าว ไร้เรี่ยวแรง……

ความรู้สึกนี้ มันเหมือนกันเมื่อวานมากเลย

เขาตระหนักได้ทันทีว่ามันแปลกๆ ก็ทำหน้าเย็นชา หายใจหอบชี้ไปที่แทนไทแล้วถามขึ้น “นาย……นายทำอะไรกับฉัน? นายคิดจะทำอะไร?”

แทนไทแค่นเสียงเฮอะ จากนั้นก็ยืนขึ้นช้าๆ จัดเสื้อคลุมสีดำบนร่างตัวเองเล็กน้อย ปัดฝุ่นบนไหล่ที่ไม่รู้ติดอยู่ตั้งแต่เมื่อไร

ลางสังหรณ์บอกพงศ์พรว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเห็นท่าจะไม่ดี

ผู้ชายตรงหน้าไม่ธรรมดาแน่ๆ

เขาเกิดอารมณ์ฮึกเหิมอยากออกไปเดี๋ยวนั้น……

แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงนั้นเลย

………………

อีกด้านหนึ่ง หลังจากชัชนันท์ไถทวิตเตอร์สักพัก ก็รู้สึกหิวมาก จึงมองดูเวลา

นับๆ ดู ตั้งแต่คุณห้าออกมาจนถึงตอนนี้ก็เกือบชั่วโมงแล้ว

ตามหลักการ ตอนนี้เขาควรถึงนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่กลับเลย

ร้านอาหารเช้าฝั่งตรงข้ามถึงจะขายดีมาก บางครั้งต้องรอ แต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องรอนานขนาดนี้ไหม?

เธอหาบันทึกการโทรแล้วโทรหาเขาเดี๋ยวนั้น

แต่ทว่าทางด้านนั้นไม่สะดวกรับสาย

เธอรู้สึกว่าเขาคงจะกลับแล้ว จึงรอคอยอย่างอดทน……

แต่ว่าอีกหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เขาก็ยังไม่กลับมา

เธอเริ่มรู้สึกว่ามันแปลกๆ แล้ว หัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอโทรหาเขาโดยตรงอีกครั้ง

คราวนี้ปิดเครื่อง

ชัชนันท์ตะโกนออกไปนอกประตูเดี๋ยวนั้น “ใครก็ได้มานี่หน่อย”

ไม่นานชายชุดดำสองคนก็เดินมาตรงหน้าเธอพร้อมกัน ชายชุดดำคนหนึ่งถามขึ้น “คุณชัชนันท์ คุณต้องการสั่งอะไรครับ?”

“พวกนายรีบไปที่ร้านอาหารเช้าแสนอร่อยตรงข้ามแล้วดูหน่อยว่าคุณห้าอยู่ไหม ถ้าไม่อยู่ ให้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดประตูทางเข้าโรงพยาบาล แล้วก็กล้องวงจรปิดภายในร้านอาหารเช้า ดูว่าเขาไปไหน ฉันกลัวเขาเป็นอะไร” ชัชนันท์พูด

เขาเป็นมาเฟีย ศัตรูต้องเยอะมากแน่นอน

คนที่ใช้ชีวิตในเส้นทางนั้น ใครบ้างที่ชีวิตไม่เสี่ยงอันตรายอยู่ตลอดเวลา? การโดนศัตรูลอบฆ่าเป็นเรื่องปกติ

ยิ่งคิด ในใจเธอก็ยิ่งลุกลี้ลุกลน

เขาช่วยตนมากขนาดนั้น เธอไม่อยากให้เขาเป็นอะไร……

ชายชุดดำสองคนได้ยินดังนั้น ก็ทำหน้าประหม่าทันที พวกเขาเปล่งเสียงพร้อมกัน “ครับ!”

จากนั้นทั้งสองก็พาคนประมาณสิบกว่าคนวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

…………

ในเวลาเดียวกัน สถานีตำรวจท้องที่อีกด้านหนึ่ง

แทนไทและพงศ์พรถูกพาเข้าไปในห้องสอบสวนด้วยกัน

ผู้บัญชาการที่นั่งรอที่นี่ล่วงหน้าเห็นแทนไทก็สีหน้าเย็นชาทันที

เขาสั่งให้ลูกน้องปิดกล้องวงจรปิด

จากนั้นก็รีบก้าวเดินไปตรงหน้าพงศ์พร แล้วพยักหน้าให้เขาอย่างมีมารยาท

จากนั้นผู้บัญชาการก็มองตำรวจสองนายด้านหลังพงศ์พรอย่างเย็นชา “ยังไม่รีบปล่อยเขาอีก? ที่นี่มีหลายคนดูอยู่ ยังกลัวหนีอีกเหรอ?”

ตำรวจสองนายได้รับคำสั่ง ก็รีบแก้มัดพงศ์พรเดี๋ยวนั้น

พงศ์พรเหลือบมองแทนไทอย่างเฉยชา จากนั้นก็รีบเดินไปนั่งหน้าโต๊ะสอบปากคำ

ผู้บัญชาการมองแทนไทแล้วตำหนิอย่างไม่สบอารมณ์ “นาย……ก็มานั่ง”

ท่าทางโอหังอวดดีของเขา เหมือนพระราชาที่อยู่เหนือมวลชน

แทนไทเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา แต่ไม่พูดอะไร แค่เดินไปนั่งข้างพงศ์พรอย่างเงียบๆ

ถึงแม้ทุกคนรอบตัวเขาจะดูร้ายกาจอำมหิต แต่เขายังทำท่าทางมั่นคงแข็งแกร่งเหมือนทหารเข้าใกล้เมือง

ร่างที่สูงส่ง ตรงกันข้ามกับคนรอบกายอย่างสิ้นเชิง

ผู้บัญชาการรีบเดินไปฝั่งตรงข้ามพวกเขา แล้วนั่งลง

จากนั้นผู้บัญชาการก็มองพงศ์พรแล้วพูดขึ้น “เขาบอกว่าคุณใช้อำนาจกับเขา คุณบอกว่าเขาใส่ร้ายคุณ พวกคุณใครพูดความจริงกันแน่ อธิบายขั้นตอนโดยละเอียดให้ผมได้ไหม?”

พงศ์พรแค่นเสียงเฮอะ “ได้อยู่แล้ว แต่รอฉันแป๊บ”

จากนั้นเขาก็มองแทนไทข้างกายอย่างโหดเหี้ยม “นายคงคิดจริงๆ ใช่ไหมว่าเล่นงานฉันแบบนี้มันมีประโยชน์? อย่าว่าแต่ฉันไม่ได้ทำอะไรนาย ถึงฉันทำอะไรนายจริงๆ นายคิดเหรอว่าพวกเขาจะจับฉันเข้าคุก?”

“ถึงฉันไม่รู้ว่าทำไมนายต้องทำแบบนี้ แต่ฉันแนะนำนายไว้นะ อย่าคิดเพ้อเจ้อ คนไร้ค่าแบบนาย นายไม่มีวันสู้ฉันได้หรอก” พงศ์พรพูดตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม ลักษณะท่าทางยิ่งกำเริบเสิบสาน

จากนั้นพงศ์พรก็ไขว่ห้างตามอารมณ์ มองผู้บัญชาการฝั่งตรงข้ามแล้วพูดขึ้น “คนคนนี้ เขาใส่ร้ายฉัน ง่ายๆ แค่นี้ คุณเชื่อฉัน”

“ผมเชื่ออยู่แล้ว ถ้าผมไม่เชื่อคุณ ผมเชื่อเขาได้เหรอ?” ผู้บัญชาการมองพงศ์พรด้วยสีหน้าประจบประแจง

แทนไทไม่พูดอะไรสักคำ นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ เป็นจังหวะ นัยน์ตาไม่เกิดความปั่นป่วนสักนิด

ทั้งๆ ที่เขาอยู่ใกล้พวกเขามาก แต่ดูเหมือนมาจากคนละโลก

“ฉันว่า นาย……ชื่ออะไรนะ?” ผู้บัญชาการมองแทนไทแล้วถามขึ้น ด้วยท่าทีแสดงอำนาจบาตรใหญ่

“ชื่อผม คุณไม่สมควรที่จะรู้มันหรอก” เสียงแทนไทเหมือนซึมซาบไปด้วยน้ำแข็งพันปี

“นาย……นายว่าไงนะ?” สีหน้าอีกฝ่ายยิ่งเย็นชา

ตาดำแทนไทหรี่เล็กน้อย ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา “คุณจัดการคดีแบบนี้ เบื้องบนรู้ไหม?”

นัยน์ตาเขาไม่มีความปั่นป่วนแม้แต่นิด แต่ในตัวกลับมีความกดขี่ที่ยากจะเมินเฉย

ถึงแม้จะเป็นผู้บัญชาการที่อ่านคนมานับไม่ถ้วน ตอนนี้สบสายตากับเขา ก็ยังรู้สึกหายใจไม่ออกเลย

แต่ไม่นานเขาก็กลับมาเป็นปกติ ตำหนิอย่างไม่พอใจ “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน กล้าพูดจากับฉันแบบนี้เนี่ยนะ นายรู้ไหมว่าฉันส่งนายไปตายได้ทุกเมื่อ”

“คุณก็ลองดูสิ……” แทนไทพูดเรียบๆ สีหน้าสงบนิ่งมีความเย็นยะเยือกเล็กน้อย “ถึงตอนนั้นก็ดูสิว่าคนที่ตายจะเป็นใครกันแน่?”

“แม่งอวดดี? ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ ……” พงศ์พรกัดฟันกรอดมองเขาแล้วพูดอีกครั้ง “ถ้านายเป็นคนฉลาด วันนี้ก็อธิบายความผิดนายให้ชัดเจนซะ ไม่งั้นฉันจะให้พวกเขาต่อยนายจนฟันร่วงเต็มพื้นเลยนายเชื่อไหม?”

“นายคิดเหรอว่านายจัดการฉันได้? นายรู้ไหมว่าพ่อฉันเป็นใคร อาฉันเป็นใคร? นายไม่เจียมตัวจริงๆ เลยนะ! นายบ้าไปแล้วหรือไง”

“นายกล้าเล่นงานใส่ร้ายฉัน นายไม่อยากมีชีวิตอยู่จริงๆ แล้วแหละ……นายอย่าคิดนะว่าเงียบแล้วจะมีประโยชน์ ถึงนายไม่ยอมรับผิด ถ้าฉันอยากให้นายมีความผิด นายก็มีได้” พงศ์พรโอหัง ทำท่าทางอำนาจบาตรใหญ่ต่อไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว