หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 179

แทนไทค่อนข้างประหลาดใจนิดหน่อยกับการมาของพวกเขา

กรรณรีบเดินไปข้างหน้า “เรื่องนี้……เดี๋ยวขึ้นรถค่อยว่ากัน”

ดูจากท่าทางการพูดคุยของแทนไทต่อกรรณและคมสันแล้ว ตอนนี้พงศ์พรลุกลี้ลุกลนอย่างแท้จริง

พวกเขาตระกูลอัครกุลถึงแม้จะสุดยอด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลพิสุทธ และตระกุลภักดีดำรงณแล้วก็ไม่มีค่าอะไรเลย

คนตรงหน้าที่ตอนนี้กล้าพูดคุยกับตระกูลพิสุทธและตระกุลภักดีดำรงณสองท่านี้ได้ ก็แสดงว่าฐานะเขาต้องสูงกว่าพวกเขา!

ผู้บัญชาการข้างกายเข้าใจเหตุผลนี้เช่นกัน เขามองแทนไทด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น “ท่านครับ ยกโทษให้กระผมด้วยครับ ถือว่าผมไม่มีค่าอะไร ปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่ควรทำแบบนั้นกับท่าน ผมผิดไปแล้วจริงๆ”

“ผม……ผมก็ผิดไปแล้ว แบบนี้เราก็ปรับความเข้าใจกันแล้ว เราไม่ทะเลาะกันไม่รู้จักกัน วันนี้เรามาเป็นเพื่อนกันดีกว่าครับ” พงศ์พรมองแทนไทอย่างประจบประแจง มาดใหญ่โตกำเริบเสิบสานหายไปหมดเลย

แต่คมสันยกเท้าขึ้นมาเตะก้นพงศ์พรทันที “เป็นเพื่อนกับเขา? นายคู่ควรเหรอ?”

เขาเตะแรงมาก พงศ์พรถูกเตะล้มลงไปกับพื้นเลย

มือบาดเจ็บอยู่แล้ว ตอนนี้โดนเตะล้มลงกับพื้นรุนแรงแบบนี้ พงศ์พรเจ็บจนยืนไม่ขึ้น เขาทำตัวต่ำต้อยถ่อมตนอยู่ที่พื้น มองคมสันอย่างเอาใจแล้วพูดขึ้น

“คุณคมสัน พ่อผม แล้วก็อาผม ก็ถือว่าเป็นเพื่อนกับพ่อคุณ เห็นแก่พวกเขาได้ไหม……”

“นายหาเรื่องคนที่ไม่ควรติดต่อกันสองครั้ง วันนี้จะไม่เห็นแก่หน้าพ่อใครทั้งนั้นแหละ” กรรณทำหน้าเหยียดหยาม

“สอง……สองครั้ง?” พงศ์พรทำหน้าฉงน

สองครั้งที่ไหนกัน? นอกจากวันนี้ เขาก็ไม่ได้หาเรื่องคุณชายคนนี้นี่หน่า?

“ผู้บัญชาการ วันนี้คดีนี้ จัดการตามที่เพื่อนฉันบอก แล้วก็เมื่อวานนายคนนี้คุมขังภรรยากับเพื่อนของเพื่อนฉันแบบผิดกฎหมายด้วย เกือบทำให้พวกเธอย่ำแย่ รวมสองข้อหานี้ด้วยกัน จำคุกตลอดชีวิตไม่มีปัญหาใช่ไหม?”

กรรณเหลือบมองผู้บัญชาการท่านนั้นด้วยความเฉยเมยขณะถามขึ้น

เมื่อพงศ์พรได้ยินคำพูดนี้ ร่างกายก็สั่นสะท้าน เข้าใจอย่างแท้จริงแล้ว

แสดงว่าชัชนันท์และนลินที่เขาหาเรื่องเมื่อวาน หนึ่งในสองคนนั้นคือภรรยาของคุณชายท่านนี้?!

“ขอโทษครับคุณชาย ผมไม่รู้ตัวตนของพวกเธอ ถ้ารู้จะไม่ทำแบบนี้แน่ๆ ท่านยกโทษให้ผมเถอะ” พงศ์พรคลานหัวซุกหัวซุนไปหาแทนไท กอดน่องเขาเอาไว้ แล้ววิงวอนอย่างต่ำต้อย

แทนไทไม่มองเขาเลย ไม่เคยมองแม้แต่ครั้งเดียว เย็นยะเยือกเหมือนสระน้ำเย็นเฉียบพันปี

“คือ……” ในชั่วขณะหนึ่งผู้บัญชาการไม่รู้ว่าควรทำยังไง

ไม่ว่าจะเป็นตระกูลอัครกุล หรือตระกุลภักดีดำรงณเขาก็ขัดใจใครไม่ได้ทั้งนั้น

ขัดใจทางใดทางหนึ่ง เขาก็ตายหมด

“ทำตามที่ผมบอก ผมรับประกันความปลอดภัยของนาย” คมสันทำเสียงเฮอะ “หรือนายไม่อยากเอาบุญล้างบาป”

“อยาก……อยาก……อยากครับคุณคมสัน ได้ครับ ผมเข้าใจแล้ว” ผู้บัญชาการเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก พร้อมพยักหน้ารัวๆ

“หลักฐานที่เขาข่มเหงภรรยากับเพื่อนของเพื่อนฉัน อยู่นี่” กรรณควักแฟลชไดรฟ์สีดำอันหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วโยนให้ผู้บัญชาการ

ผู้บัญชาการรับแฟลชไดรฟ์มาอย่างรวดเร็ว แล้วพยักหน้ารัวๆ อีกครั้ง

ไม่มีทางเลือก ตอนนี้เขาต้องตัดสินใจ ถึงแม้พวกคมสันบอกว่าจะปกป้องพวกเขา เขาก็ต้องยืนข้างพวกเขาโดยธรรมชาติ

สำหรับข้อเท็จจริงคืออะไรกันแน่ นั่นไม่สำคัญเลย

“ได้ครับ ได้ครับ” ผู้บัญชาการพูดอีกครั้ง

“ไปล่ะ……” แทนไทเตะพงศ์พรอย่างแรง ก้าวขายาวออกไปข้างนอกด้วยออร่าเต็มที่

คมสัน กรรณ และเกริกเดินตามไป

เหล่าชายชุดดำก็เดินตามไปติดๆ ด้วยอานุภาพเกรียงไกร

“คุณคมสัน……คุณกรรณ……คุณชาย……พวกคุณให้อภัยผมเถอะ ผมไม่กล้าจริงๆ ไม่กล้าอีกแล้ว……” พงศ์พรมองแผ่นหลังพวกเขาอย่างสิ้นหวัง ขอร้องวิงวอน

แต่ไม่มีใครหันศีรษะกลับไปสักคน

“ปัง——”

ประตูปิดอย่างรวดเร็วเท่าที่จะเร็วได้

โลกทั้งใบกลับสู่ความสงบ

พงศ์พรนอนลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง มองเพดานด้วยความสิ้นหวัง ไม่ขยับไปไหน

เขารู้ว่าตัวเองจบเห่แล้ว

โดนตระกุลภักดีดำรงณ แล้วก็ตระกูลพิสุทธคุณชายพวกนั้นจับตามอง ถึงจะเป็นพ่อและอาตัวเอง ก็ไม่มีทางปกป้องเขาได้

สิ่งที่น่ากลัวสุดคือ คราวนี้แย่แล้ว ครอบครัวพวกเขาอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องเพราะเขา

ความสำนึกผิดอย่างรุนแรง ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจมาก

ผู้บัญชาการถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไร้เรี่ยวแรง จากนั้นก็รีบเปิดประตูอย่างไว มองเหล่าตำรวจนอกประตูแล้วเอ่ยสั่ง “ส่งเขาเข้าไปในห้องขังคดีอาญาร้ายแรง รอคำตัดสิน”

จากนั้นเขาก็รีบตามฝีเท้าทีมใหญ่ พาคุณชายไปส่งด้วยความเคารพ

เดินออกมาจากสถานีตำรวจท้องที่ แทนไทก็ควักบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวน ใส่ไว้ในปาก

ผู้บัญชาการส่งไฟแช็กให้เขาอย่างมีน้ำใจ

เขาเหลือบมองผู้บัญชาการเรียบๆ แล้วควักไฟแช็กออกมาจุดไฟเอง

สูดเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง ก่อนเขาจะเดินตรงไปที่ขบวนรถหรูสีดำที่จอดอย่างเผด็จการอยู่หน้าประตู

สุ่มๆ หาโรลส์รอยก๊อบปี้คันหนึ่งเจอแล้วเข้าไปนั่ง

พวกกรรณ คมสัน และเกริกก็ขึ้นรถตามไป

เกริกนั่งเบาะคนขับ ส่วนกรรณ คมสันแยกกันนั่งข้างๆ แทนไท

ผู้บัญชาการคนนั้นยืนอยู่นอกรถด้วยความเคารพอยู่เสมอ พยักหน้าโน้มตัว ไม่กล้าติดตามเลยสักนิด

แทนไทสูบบุหรี่ด้วยความสง่า กายเอนพิงเบาะหนังแท้นุ่มด้วยความเกียจคร้าน สองขาเรียวยาวไขว่ห้าง “เกริก กลับโรงพยาบาล”

“ครับ คุณชายห้า” เกริกพยักหน้าอย่างเคารพ

ในเวลานี้ เหล่าชายชุดดำก็ต่างขึ้นรถของตัวเอง

เกริกบีบแตรทันที บ่งบอกให้ทุกคันมุ่งหน้า

ไม่นานขบวนรถหรูก็สตาร์ทรถอย่างมั่นคง รวมเป็นหนึ่งกับการจราจร ขับไปตลอดทาง

“พี่สะใภ้เป็นห่วงแย่แล้วมั้ง นายโทรหาพี่สะใภ้หน่อยสิ” คมสันมองแทนไทแล้วพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้นายซื้ออาหารเช้า จู่ๆ ก็หายตัวไป ติดต่อก็ไม่ได้ พี่สะใภ้รอไปรอมา ก็สงสัยว่านายจะเป็นอะไร”

ได้ยินดังนั้น สีหน้าแทนไทก็อ่อนโยนทันที “จากนั้นล่ะ?”

“จากนั้นพี่สะใภ้ก็สั่งให้คนจำนวนหนึ่งที่เฝ้าเธอไปตามหานาย และตรวจสอบกล้องวงจรปิดช่วงเวลาที่นายออกมาจากห้องผู้ป่วย ประตูโรงพยาบาลแล้วก็ที่ร้านอาหารเช้าแสนอร่อย”

“คนพวกนั้นบอกเกริกทันที ตอนนั้นฉันกับกรรณกำลังกินข้าวเช้ากับเกริกอยู่พอดี เราเลยไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามที่พี่สะใภ้บอกมา”

“เราเห็นนายขึ้นรถพงศ์พรไป ตอนนั้นเราก็เข้าใจทันที ว่านายขึ้นไปทำไม และพอจะรู้ว่านายจะทำอะไร”

“จากนั้นเราก็สืบตำแหน่งพวกนายต่อ พบว่านายอยู่สถานีตำรวจท้องที่ ตอนนั้นเราสรุปว่านายคงทำสำเร็จแล้ว เราไม่วางใจ กลัวคนที่สถานีตำรวจท้องที่ทำให้นายลำบากใจ ก็เลยรีบตามมาด้วยกัน……”

คมสันพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ พูดจบก็จุดบุหรี่ให้ตัวเองหนึ่งมวน นั่งไขว่ห้างแล้วสูบบุหรี่อย่างเอื่อยเฉื่อยตามอารมณ์

แทนไทไม่พูดอะไร โทรหาชัชนันท์ทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว