หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 186

ชลิตาลืมตาอย่างรวดเร็ว มองหน้าชัชนันท์ที่สะท้อนผ่านหน้าต่างอย่างเย็นชา ข้อต่อมือสองข้างกำแน่นจนซีดขาว

หทัยได้ยินหัวข้อนี้ สีหน้าก็บูดบึ้งเย็นชาไม่กี่วินาที จากนั้นก็กลับสู่สภาพเดิมอย่างไร้ร่องรอย

“นันท์ยินดีด้วยนะที่เธอได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลรัตนากรกุล” หทัยฝืนยิ้มออกมา มองชัชนันท์แล้วพูดขึ้น

เห็นหน้าเธอ ชัชนันท์ก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มปลงในใจ คนตรงหน้าไม่ไปเป็นนักแสดงนี่น่าเสียดายจริง

ถึงจะขยะแขยงในใจ แต่เธอยังยิ้มขณะมองหน้าหทัย ยังคงท่าทีสุภาพและกิริยางดงามที่ควรมี “ขอบคุณค่ะคุณป้า”

จริงๆ แล้ววันนี้ เธอได้เป็นผู้สืบทอดรัตนากรกุลกรุ๊ปได้เร็วขนาดนี้ เธอก็ต้องขอบคุณหทัยและชลิตาเหมือนกัน

เธอรู้ดี ที่พ่อกำหนดให้ตนเป็นผู้สืบทอดในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ นอกจากพอใจในความสามารถตนแล้ว ยังมีเรื่องหนึ่งที่สำคัญกว่าก็คือ เขาอยากใช้เรื่องนี้มาปลอบอารมณ์เธอ

ถ้าไม่มีพวกเธอสองแม่ลูกซึ่งรนหาที่ตายอย่างเต็มที่ ชลิตาไม่เข้าคุก ไม่เป็นโรคซึมเศร้า เรื่องพินัยกรรมคงไม่กำหนดเร็วขนาดนี้หรอก

“ขอบคุณค่ะคุณป้า” ชัชนันท์ยิ้มต่อ ยิ้มลึกซึ้งขึ้น เสียงนุ่มนิ่มเช่นเคย แม้แต่เส้นผมก็ยังมีความอ่อนโยน

“นันท์ ต่อไปเธอต้องสู้ๆ นะ เพราะภาระที่แบกไว้บนไหล่มันหนัก” หทัยพูดอีกครั้ง

ถึงแม้ใบหน้าหทัยจะยิ้มตาหยี แต่ในใจอยากจะถลกหนังกลืนกินชัชนันท์ทั้งเป็น

คิดไปคิดมา เธอรู้สึกไม่พอใจเลย เธอกับชลิตาวางแผนไปวางแผนมา สุดท้ายได้รับอะไร? พวกเธอไม่เหลืออะไรทั้งนั้น

ในสงครามต่อสู้รัตนากรกุลกรุ๊ป ยังออกสถานการณ์ล่วงหน้าด้วยซ้ำ

ทำไมวันชัยกำหนดพินัยกรรมเร็วขนาดนี้? เพราะในใจเขาไม่คำนึงถึงความรู้สึกชัชนันท์ เลยรู้สึกผิดเรื่องที่พาชลิตาออกมา

แผนการต่างๆ ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาสองแม่ลูกจะเล่นงานชัชนันท์ ไม่ใช่แค่ไม่กลายเป็นมีดแทงชัชนันท์ให้ตาย แต่กลับกลายเป็นหินที่ก้าวไปข้างหน้าสู่ความสำเร็จของชัชนันท์

อะไรที่เรียกว่าเอาหินขึ้นมาทุบเท้าตัวเอง? พวกเธอสองคนเป็นแบบนั้นแหละ

แต่เธอจะไม่ยอมแพ้แบบนี้ ไม่เด็ดขาด!

“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะสู้ๆ” ชัชนันท์พูด

…………

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา วันชัยได้รับหนังสือแจ้งรักษาตัวนอกเรือนจำของชลิตาภายในห้องคนไข้

วันนี้ร่างกายเขาแข็งแรงเป็นปกติแล้ว

อาการชลิตาก็ทรงตัวขึ้นเล็กน้อย

พวกเขาจึงทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลพร้อมกัน กลับสู่ตระกูลรัตนากรกุล

เมื่อกลับถึงบ้าน ชลิตาก้มศีรษะลง ขึ้นไปข้างบนด้วยใบหน้าระทมทุกข์

ส่วนหทัยก็วิ่งตามขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว

เมื่อสองแม่ลูกเข้าไปในห้อง ชลิตาก็แค่นเสียงเฮอะทันที ความระทมทุกข์บนใบหน้าหายไปเป็นปลิดทิ้ง มุมปากยกยิ้มภูมิใจ

หทัยรีบล็อกประตู จากนั้นก็พาชลิตานั่งบนเตียงด้วยกัน

ต่อมาชลิตาก็นอนลงอย่างสบาย

เตียงนุ่มมันยวบลึกลงไปเพราะเธอนอนมัน เธอเตะรองเท้าบนเท้าออกตามอารมณ์ สองขาดิ้นพล่านอย่างมีความสุข “ยังไงที่บ้านก็ดีกว่า เตียงเน่าๆ ในห้องคุกนั่นนอนไม่ได้เลย”

หทัยก็นอนลงเช่นกัน ตะแคงตัวเอามือข้างหนึ่งเท้าคาง มืออีกข้างกอดชลิตาเบาๆ กดเสียงทุ้มต่ำ “แม่ฉลาดไหม? ช่วยลูกคิดวิธีแกล้งเป็นโรคซึมเศร้า ให้ลูกได้รักษาตัวนอกเรือนจำ”

“นั่นสิคะ ถ้าไม่ใช่วิธีนี้ที่แม่คิด ฉันจะได้รับอิสระง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง?” ขณะที่พูด ชลิตาก็กอดหทัยแน่น พูดอย่างออดอ้อน “แม่สุดยอดจริงๆ ค่ะ”

“ลูกก็สุดยอดเหมือนกัน แม่ไม่คิดเลยนะว่าลูกจะทำเหมือนที่แม่บอกได้จริงๆ เพื่อผลลัพธ์ที่สมจริง และเพื่อให้พ่อเธอสงสารมากขึ้น ต้องลงมือกับตัวเองรุนแรงแบบนั้น ลูกสาว ลูกสุดยอดมาก” หทัยชื่นชม

“แม่คิดวิธีให้ฉันบริโภคคาเฟอีนเกินขนาดเพื่อแกล้งเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงได้ไง? ยาคาเฟอีนที่แม่ให้มา พอฉันกินมันลงไป ก็เหมือนเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงจริงๆ แม้แต่เครื่องมือทดสอบพวกนั้น ก็ตรวจไม่เจอว่าฉันไม่ได้เป็นจริงๆ เพราะช่วงเวลานั้นฉันซึมเศร้าจริง”

ชลิตาพูดเน้นย้ำต่อไป นัยน์ตามีแต่ความเทิดทูนหทัย

“เรื่องนี้ต้องเริ่มตั้งแต่ตอนแม่วัยรุ่น ตอนแม่วัยรุ่นชอบดื่มกาแฟมากเป็นพิเศษ มีวันหนึ่งอดไม่ได้ดื่มไปสองสามแก้ว ต่อมาแม่ก็เริ่มเกิดอาการฉุนเฉียว โมโห ซึมเศร้า เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ แม่ตกใจมากรีบไปโรงพยาบาล หมอบอกว่าเป็นเพราะบริโภคคาเฟอีนเกินขนาด”

“หมอบอกว่าพอคนบริโภคคาเฟอีนเกินขนาด จะเป็นพิษคาเฟอีน ส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้า ร้อนรนใจและอาการอื่นๆ ชั่วคราว” หทัยอธิบายอย่างตั้งใจ

“อย่างนี้นี่เอง……” ชลิตาพยักหน้าช้าๆ

“ดังนั้น ตอนที่แม่คิดจะให้ลูกใช้วิธีโรคซึมเศร้าให้หลุดพ้นจากคุก เพื่อให้ลูกหลอกเครื่องมือ แม่ก็นึกถึงยาคาเฟอีนบริสุทธิ์ แม่เลยไปซื้อมาหนึ่งขวด หยิบออกมาสองเม็ด แล้วไปยัดเงินผู้คุมคนหนึ่ง ให้เขาเอายาคาเฟอีนเข้าไปส่งถึงมือลูกในนามของการส่งเสื้อผ้า”

“ก่อนที่จะส่งยาคาเฟอีนให้ลูก แน่นอนว่าแม่ก็ตรวจสอบข้อมูลหลายอย่าง พอตรวจสอบดูว่าปริมาณแค่ไหนสามารถรับรองความปลอดภัยทางร่างกาย และบรรลุเป้าหมายของแม่ได้ จากนั้นแม่ก็ตรวจสอบได้ว่าต้องใช้สองเม็ด” หทัยอธิบายอีกครั้ง

“แม่เก่งจริงๆ พวกเราสุดยอดมากเลย” ชลิตานั่งไขว่ห้างอย่างดีอกดีใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ในเมื่อรู้แล้วว่าแม่เก่ง ต่อไปลูกก็ฟังแม่เยอะๆ นะ ช่วงต่อจากนี้ลูกต้องแกล้งป่วยต่อไป……เสแสร้งจนถึงวันที่รับโทษจบแล้วค่อยหยุด……แบบนี้จะได้ไม่ต้องกลับไปอีก” หทัยลูบผมเธอเบาๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยแผนการร้ายเข้มข้น

“ฉันรู้แล้วค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ” ชลิตามั่นใจเต็มร้อย การแกล้งเป็นโรคซึมเศร้าต่างๆ เธอเชี่ยวชาญที่สุด

“ต่อหน้าชัชนันท์ ลูกต้องเสแสร้งให้ดี ห้ามโป๊ะแตกเด็ดขาด ยัยนั่นมันฉลาดมากเลย” พูดถึงชัชนันท์ หทัยก็เกลียดจนกัดฟันกรอด

ชลิตาก็เช่นกัน เธอกำหมัดแน่น แล้วพูดอย่างโหดเหี้ยม “ฉันรู้แล้ว นังชั้นต่ำชัชนันท์ ดูสิว่าต่อไปฉันจะจัดการเธอให้สาสมยังไง พ่อทำพินัยกรรมแล้วยังไง? พินัยกรรมมันเปลี่ยนได้ตลอด แค่ทำให้เธอล้มก็พอแล้ว”

………………

เทศกาลโคมไฟคืนนี้ ชัชนันท์แต่งหน้าได้สวยงามเลิศเลอ

สวมเสื้อเชิ้ตคอเต่าสีขาว คู่กับกางเกงเดฟสีฟ้าอ่อนเก้าส่วน เสื้อคลุมขนสัตว์ตัวบางแบบสั้นสีเขียวอ่อน

ปลายเท้าสวมรองเท้าส้นเข็ม Chanel สีดำ ถือกระเป๋าแอร์แม็สสีดำหนึ่งใบ

ใช้ที่คาดผมผ้าไหมแท้สีเขียวอ่อนคาดไว้บนผม มัดหางม้าต่ำตามอารมณ์ แล้วหนีบหน้าม้าซีทรู

ยืนตรงหน้ากระจก ทั้งร่างเปล่งประกาย

หลังจากมั่นใจแล้วว่าแต่งหน้าแต่งตัวไม่มีปัญหา เธอก็ลงไปชั้นล่าง เตรียมเข้าร่วมงานคืนสู้เหย้า

ด้านล่าง แทนไทกำลังนั่งดื่มชาหน้าโต๊ะช้า เส้นผมดำหนา จัดทรงหวีไปทางด้านหลังหลวมๆ ดูแล้วทั้งแมนทั้งหล่อ

เสื้อเชิ้ตขาว คู่กับสูทดำ ขับให้บุคลิกดูเย็นชาและสูงส่ง

สูงส่งราวกับคนธรรมดามองเขาเหมือนของสุรุ่ยสุร่าย

เห็นชัชนันท์ลงมา เขาก็หยิบกุญแจรถมาเซราติคันแดงของเธอ ลุกขึ้นเดินไปหาเธอ “ออกไปตอนนี้เลยไหม?”

ชัชนันท์พยักหน้า ก้มหน้ามองดูเวลา “เวลาที่ทุกคนนัดคือสองทุ่ม ตอนนี้ทุ่มหนึ่ง ออกไปตอนนี้คงพอดี”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว