หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 196

“จริงๆแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร……ก็แค่ ทางฝั่งฉันน่ะ ได้การ์ดเชื้อเชิญของงานประมูลวัตถุโบราณ ฉันไม่มีเวลาไป อยากให้หนูไปแทนฉันหน่อย ……ช่วยฉันประมูลปิ่นปักผมหยกเขียวในสมัยราชวงศ์ถังชิ้นหนึ่ง ไม่ทราบว่าได้ไหม?”กชนิภยิ้มพร้อมพูดถาม

“เมื่อไหร่คะ?”ชัชนันท์ถาม

“ตอนสองทุ่มของอาทิตย์ถัดไป”หลังจากนั้นเธอก็หยิบการ์ดเชิญออกมาจากในกระเป๋า เลื่อนไปตรงหน้าของชัชนันท์

งานประมูลวัตถุโบราณในครั้งนี้ เธอก็ได้ฟังมาหมดแล้ว ว่ากันว่าในงานประมูลครั้งนี้ วัตถุโบราณที่ประมูลเป็นของล้ำค่าหายากมากทั้งหมด วัตถุโบราณทั้งหมดที่มีเป็นเริ่มต้นที่สิบล้าน

และงานประมูลในครั้งนี้ มีเพียงแค่เงินอย่างเดียว คุณก็เข้าไปไม่ได้ด้วยซ้ำ

คุณไม่เพียงแค่ต้องมีเงิน ยิ่งไปกว่านั้นต้องมีสถานะที่สูงศักดิ์ด้วย

“ได้ค่ะ”ชัชนันท์ตอบกลับไปอย่างตรงๆ

“หนูประมูลได้อย่างวางใจ จะมีคนคอยจ่ายเงินให้”กชนิภตบหลังมือของเธอเบาๆ ยังคงมีท่าทางที่สนิทสนมอย่างมาก

“จริงสิ นอกจากนี้ยังมีสร้อยคอเพชรไพลินที่ได้รับความเคารพสูงสุดจากประเทศ Fในปี1950 ถึงตอนนั้นหนูก็ช่วยประมูลมาด้วยเลย……ราคาไม่สำคัญ ตราบใดที่มีคนเพิ่มราคา หนูก็เสนอในราคาที่สูงขึ้น ก็พอแล้ว”กชนิภพูดเสริม

“โอเค ฉันเข้าใจแล้วค่ะคุณป้ากชนิภ”ชัชนันท์ยิ้มๆแล้ว

“นอกจากนี้ ถ้าหากว่าคุณชอบสิ่งของอื่นๆชิ้นไหน ก็ประมูลมาได้ ป้าจ่ายเงินให้หนูเอง”กชนิภพูดอย่างสบายๆมาก

“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณป้า……ถ้าหากมีสิ่งของที่ชอบ ฉันจะประมูลมาเอง”เธอจะให้กชนิภช่วยจ่ายเงินให้ตัวเองได้ยังไงกัน?

กชนิภให้ของเธอมากพอแล้ว เธอจะถึงขั้นที่ไม่ละอายใจเช่นนี้ได้ยังไงกัน?

“นังหนูคนนี้นี่”กชนิภส่ายหน้าอย่างจนใจแล้ว ลูบผมของชัชนันท์เบาๆ อย่างตามใจ แสดงสีหน้าออกมาอย่างอ่อนโยน

“อุ๊ย……นี่ใครกันละเนี่ย……”

น้ำเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหู ชัชนันท์ขมวดคิ้วเบาๆ หันหน้ามองผู้ที่มาเยือน

ในเวลานี้ มารีญาโมโหสีหน้าดูแย่มาก ยืนอยู่ข้างหลังของเธอ สองมือกอดอก มองหน้าเธอด้วยท่าทางที่สูงส่งอยู่เหนือกว่า ทำท่าทำทางอย่างกับว่าคนทั่วทั้งโลกอยู่ใต้เท้าของเธอทั้งหมด

ชัชนันท์คำนวณเวลาแล้ว วันนี้มารีญาน่าจะเพิ่งออกมาจากสถานที่คุมผู้ต้องสงสัย

เธอมองมารีญาอย่างเยือกเย็น “แกมีธุระ?”

“ฉันไม่มีธุระอะไรก็มาคุยกับแกสักหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?”พูดแล้ว มารีญาก็เดินเข้าไปนั่งข้างกายของชัชนันท์เลย ไม่สนใจกชนิภที่อยู่ตรงข้ามเธอเลยโดยสิ้นเชิง

กชนิภมองไปที่มารีญาอย่างไม่แยแสแวบหนึ่ง และไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ดื่มน้ำเปล่าที่อยู่ตรงหน้าของตัวเองอย่างเงียบๆ

“ระหว่างเรามีอะไรให้น่าพูดคุยเหรอ?”

“แกคิดว่าไม่มี แต่ฉันคิดว่ามีอย่างมาก……แค่เรื่องกากๆเล็กน้อยขนาดนั้น……แกก็ส่งตัวฉันเข้าไปกักขังนานขนาดนี้แล้ว ทำไมผู้หญิงอย่างแกถึงได้ชั่วร้ายขนาดนี้?”มารีญาพูดกล่าวอย่างเยือกเย็น พูดเสร็จ ก็เงยหน้าขึ้นมองกชนิภที่อยู่ตรงข้าม “นี่……ผู้หญิงคนนี้ คุณอยู่ให้ห่างจากเธอหน่อยจะดีกว่านะ เธอชั่วร้ายมากนะ”

“อ๋อ?คุณลองพูดมาสิ เธอมีความชั่วร้ายมากแค่ไหนกันแน่?”กชนิภค่อยๆเงยหน้าขึ้น สายตามองไปที่หน้าของมารีญาอย่างสงบนิ่ง มุมปากโค้งขึ้นเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

“ส่งคนเข้าคุกได้อย่างหน้าไม่อาย คุณคิดว่าเธอชั่วร้ายหรือเปล่าละ?”

“งั้นถ้าหากว่าไม่มีความผิด คุกก็คงไม่รับหรอกนะ?ที่รัก ทางนี้ขอแนะนำคุณไปตรวจสมองหน่อยนะ”กชนิภกดฐานแก้วไวน์เบาๆด้วยมือข้างเดียว เลื่อนไปซ้ายขวาหน้าหลังเบาๆ

น้ำเปล่าธรรมดากระเด้งอยู่ในแก้วอย่างกำเริบเสิบสาน แสงแดดส่องเข้ามา ส่องแสงระยิบระยับหลากหลายสีสัน ราวกับว่านอนหลับแล้วถูกโรยด้วยผงเงินยังไงอย่างงั้นเลย

เพียงหนึ่งประโยค ทำให้มารีญาหน้าดำคล้ำทันที “คุณพูดว่าอะไรนะ?”

“ที่รัก หูไม่ดีแนะนำให้คุณไปตรวจดูหูหน่อยนะ”กชนิภพูดอีก ใบหน้าดูสงบนิ่ง แต่ปากไม่ยอมถอยให้เลยแม้แต่น้อย

“คุณ……คุณเป็นใครกัน?คิดไม่ถึงว่าจะกล้าพูดกับฉันอย่างนี้?”มารีญาพูดถามอย่างกัดฟันด้วยความแค้น

พูดจบ เธอก็สังเกตมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียดครู่หนึ่ง แม้ว่าผู้หญิงคนนี้แต่งตัวหรู แต่ว่าเสื้อกันหนาวผ้าขนสัตว์สีขาวที่สวมใส่บนตัว กลับว่าเป็นแบรนด์เนมแต่คอลเลกชันล้าสมัยแล้ว

ดังนั้น เธอตัดสินชี้ชัดว่า คนๆนี้เป็นเพียงคนที่แสร้งว่ามีเงินคนหนึ่งเท่านั้น

มีเงินเล็กน้อย แต่ว่าไม่ได้มีเงินก้อนใหญ่อะไร

“ผู้หญิงคนหนึ่งที่คุณเอื้อมไม่ถึง คุณไม่พอใจ?ไม่พอใจก็อดกลั้นไว้สิ”พูดจบ ส่วนโค้งที่มุมปากของกชนิภลึกมากยิ่งขึ้นอยู่หลายนาทีแล้ว นัยน์ตาก็โค้งงอเป็นจันทร์เสี้ยวเพราะรอยยิ้มที่ลึกขึ้น

ได้ฟังคำพูดที่กชนิภโต้กลับเหล่านี้ ชัชนันท์แอบรู้สึกดีอย่างมาก อารมณ์ขึ้นมาเป็นพิเศษแล้ว

เธอยิ่งอยู่ยิ่งชอบคุณป้ากชนิภที่อยู่ตรงหน้าท่านนี้แล้ว

คุณป้าท่านนี้ ไม่เพียงแค่หน้าตาสวย นิสัยยังดีมากอีกด้วย

ความโกรธที่อยู่ในก้นลึกของหัวใจมารีญา ถูกกระตุ้นออกมาโดยสิ้นเชิง เธอกำหมัดอย่างรุนแรง มองไปที่หน้าของกชนิภ “คุณชื่ออะไร?”

“ชื่อของเธอ แกไม่เหมาะที่จะรู้”ชัชนันท์เหลือบมองมารีญาอย่างเยือกเย็นแวบหนึ่ง

“ทำไม ไม่กล้าบอกชื่อใช่ไหม?มีปัญญายั่วยุฉัน ไม่มีปัญญาบอกชื่อฉัน?ขี้ขลาดขนาดนี้เลยเหรอ?”พูดจบ มารีญาก็เหลือบมองกชนิภอย่างดูถูกแล้ว

ดูเหมือนว่าไม่ใช่บุคคลที่เจ๋งอะไรจริงๆด้วย ไม่เช่นนั้นทำไมแม้แต่ชื่อของตัวเองก็ไม่กล้าบอกละ?

คิดมาถึงตรงนี้ มารีญาก็รีบหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาข้างมือชัชนันท์แล้ว เตรียมสาดไปที่หน้าของกชนิภ

และตอนที่เธอเตรียมสาดน้ำ ชัชนันท์จับข้อมือของเธอไว้แล้ว และหลังจากนั้นดันข้อมือของเธอขึ้นไปแล้วครู่หนึ่ง

วินาทีถัดมา น้ำในแก้วก็สาดไปใบหน้า ลำตัวของมารีญาทั้งหมดแล้ว เธอกลายเป็นลูกหมาตกน้ำโดยสิ้นเชิงแล้ว

“ห๊ะ……!”มารีญากรีดร้องอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ ใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน ยังมีคราบน้ำบนตัว

ใบหน้าที่แต่งหน้าก็เปรอะเปื้อน เพราะการกระทำที่หยาบคายเกินไป มาสคาร่าสีดำ ถูกเช็ดไปรอบเบ้าตา เหมือนกับหมีแพนด้าเลยยังไงอย่างนั้น

ภาพฉากนี้ ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากนับไม่ถ้วน ทุกคนเห็นหน้าของเธอ ต่างก็แอบขำกันอย่างช่วยไม่ได้

“พู……”แต่กชนิภและชัชนันท์หัวเราะกันอย่างเปิดเผย

“พวกแกมองอะไรกัน?หัวเราะอะไรกัน?ระวังฉันจะควักลูกตาของพวกแก ออกมาเหยียบเป็นฟองทั้งหมด!”มารีญาเช็ดหน้าของตัวเองไปพลาง พร้อมทั้งมองไปยังคนเหล่านั้นที่หัวเราะเยาะตัวเองอยู่รอบๆอย่างไม่พอใจไปพลาง ด่าทอเสียงดัง

กชนิภมองไปที่มารีญาอย่างนิ่งๆแวบหนึ่ง และหลังจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ส่งข้อความวีแชทออกไปแล้ว……

มารีญารู้สึกเสียหน้ามาก ชี้ไปที่ชัชนันท์อย่างรุนแรง “ชัชนันท์ พวกแกรอฉันกันให้หมดเลยนะ ฉันไม่ปล่อยแกไปง่ายๆแน่นอน”

พูดจบ เธอก็เดินออกไปอย่างกระหืดกระหอบแล้ว

เมื่อออกจากประตูไป เธอก็พบว่าล้อรถทั้งสี่ข้างของรถซูเปอร์คาร์ลัมโบร์กีนีสีขาวของตัวเอง ไม่มีลมทั้งหมดแล้ว

ล้อแบนหมดเลย

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

นี่มันเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ!

จะต้องมีใครจงใจเจาะยางล้อรถของเธอแน่นอน ต้องใช่แน่ๆ!มันเป็นใครกันแน่ ทุเรศขนาดนี้?!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว