หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 211

“งั้นเอาตามนี้เลยแล้วกัน ตอนนี้สาววายที่ชอบจิ้นคู่รักชายชายนั้นมีเยอะ ถ้าหากเป็นแบบนี้ จะต้องดึงดูดสาววายจำนวนมากให้ติดกับ ถึงตอนนั้นความนิยมของพวกเขาทั้งสอง ก็จะไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้......” นลินพูดขึ้นอีก

“อืม......เรื่องที่จะยกเลิกการเชื่อมต่อหลังจากนี้ค่อยว่ากัน ตอนนี้เธอไปหาธนิดาวรกับเกตน์พูดเรื่องนี้ก่อน”

หลังจากนั้น ชัชนันท์ก็วางสาย เธอสวมเสื้อกันลมสีฟ้าอ่อน และออกจากบ้าน

ชัชนันท์ออกไปซูปเปอร์มาร์เก็ต ซื้อผักจำนวนนึง

หลังจากนั้นก็กลับบ้าน มาทำอาหารกับน้ำแกง

หลังจากที่อาหารทั้งหมดถูกเสิร์ฟบนโต๊ะ เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ คิดจะส่งข้อความหาเขา

ขณะที่พิมพ์คำว่า “เมื่อไหร่จะกลับมากินข้าว” ประโยคนี้ เธอก็กดลบไปทัน

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ระหว่างพวกเขาก็มีความเข้าใจแบบรู้กัน ไม่ว่าใครกลับมาถึงบ้านก่อน ทำอาหารเสร็จ ก็จะส่งข้อความถามอีกคน ว่าเมื่อไหร่จะกลับมากินข้าว

หากว่าอีกฝ่ายบอกว่าใกล้แล้ว ก็จะรอให้อีกฝ่ายกลับมาก่อนแล้วค่อยทาน

ตอนนี้ เธอรู้ว่าความเคยชินนี้ตนจำเป็นจะต้องแก้ไขแล้ว เขาเป็นคนมีแฟนแล้ว ยังส่งข้อความอะไรแบบนั้นอีกมันจะไม่เหมาะ

เธอสูดหายใจเข้าลึก กุมหน้าอกแน่นอยู่ครู่ จากนั้นเธอก็หยิบตะเกียบขึ้น และกินคนเดียว

กับข้าวล้วนแต่เป็นของที่ตัวเองชอบ แต่กลับไม่รู้สึกอยากอาหาร

เธอบังคับตัวเองให้ยัดข้าวเข้าไปครึ่งชาม หลังจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ ขึ้นไปอาบน้ำ และก็กอดโน๊ตบุ๊ค นั่งทำงานอยู่บนเตียง

จนเวลาเดินมาถึงสองทุ่มครึ่ง อย่างไม่รู้ตัว

หลังจากที่เธอทำงานทั้งหมดเสร็จ ก็พับจอโน๊ตบุ๊ค บีบนวดหว่างคิ้ว และเดินไปที่ระเบียงอย่างปกติ พลางมองไปทางด้านในสวน

เขายังไม่กลับมา

เธอคิดว่า ตอนนี้เขาน่าจะกำลังอยู่กับแฟนมั้ง หญิงสาวคนนั้นตอนนี้คงต้องมีความสุขมากๆ แน่เลย

ในใจก็รู้สึกเจ็บแปล๊บอย่างเงียบๆ

เธอกลับมานอนลงบนเตียง และก็กลิ้งไปกลิ้งมา แต่ทำยังไงก็นอนไม่หลับ

…… ……

ขณะเดียวกัน อีกฝั่งในกลุ่มคนมึนเมาด้านในผับที่ใหญ่ที่สุดใจกลางเมืองสินธุ ธนิดาสวมเสื้อยืดเอวลอยสีขาว กับกางเกงยีนรัดรูป กำลังเต้นอย่างเครื่องติด

ในพื้นที่ที่กว้างขวาง ผู้คนแออัด แสงสีสาดส่อง เคลื่อนไหวตามเสียงเพลงเร้าใจของ DJ บรรยากาศในนี้ ทำเอาถึงขีดสุด

ร่างของหญิงสาวนั้นอ่อนมาก ท่าทางการเต้นมีพลังรอบทิศทาง ระหว่างท่าทางยกมือ ก็เต็มไปด้วยความสดใส

บนสะดือก็มีเพชรสีขาวเม็ดนึงแปะอยู่ ภายใต้แสงสี ก็ส่องประกายสีรุ้งออกมา แพรวพราวเป็นพิเศษ

ผมของเธอปล่อยลงมาหมด สะบัดผมนิดหน่อย ยิ่งทำให้มีเสน่ห์เกินต้าน

ข้างกายธนิดามีผู้คนจำนวนมาก แต่กลับไม่มีแม้สักคน ที่ดูดีไปกว่าเธอ

ใบหน้ามีเต็มไปด้วยคอลลาเจนของเธอ ถึงแม้จะไม่ได้แต่งหน้า แต่กลับฆ่าพวกหญิงสาวแต่งหน้าจัดที่อยู่ด้านข้างพวกนั้นลงได้อย่างง่ายดาย

ช่วงนึงก็จะมีคนเข้ามาคุยด้วย แต่ธนิดากลับไม่ได้สนใจทั้งนั้น

บริเวณระเบียงชั้นสอง สองพี่น้องแทนไทกับธันวาก็เอนตัวลงอย่างเงียบๆ ดื่มไปพลางมองลานเต้นด้านล่าง และก็พูดคุยกันบ้างคำสองคำ

แทนไทสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ กับกางเกงสีดำสบายๆ ส่วนธันวาสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงคาร์โก้สีดำ ใส่หมวกแก๊ป และแว่นกันแดดอันใหญ่

แม้แสงสีในผับจะแยงแสบตา แต่ยังคงปกปิดแสงออร่าจากตัวพวกเขาไม่ได้

คนรอบข้างมากมายเต็มไปหมด แต่สายตาของพวกสาวๆ ต่างก็จับจ้องไปที่พวกเขา

ส่วนสายตาของพวกเขา กลับมองตรงลงไปที่เด็กสาวคนนั้นที่อยู่ด้านล่าง

ธนิดาเต้นจนเหนื่อยแล้ว จึงวิ่งขึ้นมาข้างบน ยืนหายใจหอบอยู่ระหว่างพวกเขาสองคน ยิ้มตาหยีพลางมองพวกเขา “พวกพี่นี่น่าเบื่อจริงๆ ตกลงกันแล้วว่าจะมาสนุกกัน สุดท้ายก็ไม่มีใครลงไปเต้น แค่มาดูฉันเต้นคนเดียว”

นิ้วของธันวาลูบเบาๆ ลงบนจมูกของเธอ ในดวงตาภายใต้แว่นกันแดด เต็มไปด้วยความเอ็นดู “เหนื่อยแล้วใช่มั้ย?”

จากนั้น เขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวรางหิมะออกมาจากกระเป๋า และซับเหงื่อบนใบหน้าของเธออย่างระวัง

ธนิดารับผ้าเช็ดหน้ามา และเช็ดมันอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดขึ้น “ได้อยู่......พี่หก ฉันขออะไรพี่อย่างได้มั้ย?”

ธันวาตอบรับอย่างไม่ต้องคิด “ระหว่างเธอกับฉันจำเป็นจะต้องพูดขอร้องคำนี้ด้วยเหรอ?”

สิ้นเสียง มุมปากของเธอก็ยกขึ้นยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ฮี่ฮี่......ช่วยฉันขอลายเซ็นเกตน์กับธนิดาวรให้หน่อยได้มั้ย?” ธนิดากะพริบดวงตากลมโตเป็นประกาย และพูดถาม

“พาเธอไปเจอยังได้เลย......เธอชอบพวกเขาสองคน?” มุมปากของธันวายังคงมีรอยยิ้มอยู่ รอยยิ้มของเขา ในที่ที่มั่ววุ่นวายนี้ มันชัดเจนเป็นพิเศษ

“อื้ม ชอบมาก ไปเจอนี่ไม่ต้องหรอก ดวงดาวในอยู่บนท้องฟ้าแสนไกล ส่วนพวกเราที่คอยไล่ตาม ขอแค่ยืนอยู่บนพื้นดินมองดูจากที่ไกลๆ ก็พอแล้ว หากดวงดาวมาตกลงอยู่ตรงหน้า ก็ไม่มีความลึกลับแล้ว ระยะห่างสร้างความงดงาม......” ธนิดาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

สำหรับเธอแล้ว ตามไอดอลไม่จำเป็นจะต้องเข้าใกล้ไอดอลมากเกินไป เธอชอบความงดงามที่เลือนรางแบบนี้ ไอดอลเฉิดฉายอยู่บนเวที เธออยู่ในฝูงผู้ชมเปิดแท่งไฟให้อย่างเงียบๆ แค่นี้ก็พอแล้ว

หลายสิ่งหลายอย่าง หากเข้าไปใกล้เกิน ฝันก็จะสลายหายไปง่ายๆ

“อายุแค่นี้ รู้เยอะดีจริง......” ธันวาลูบผมเธอเบาๆ อย่างเอ็นดูอีกครั้ง เขาคิดอย่างละเอียดอยู่ครู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้น

ธนิดายิ้ม “ยังไงก็ตามอย่าลืมช่วยฉันขอลายเซ็นนะ ถ้าเป็นลายเซ็นบนรูปจะดีที่สุด แล้วก็ ช่วยฉันดูแลพวกเขาสองคนหน่อยนะ เข้าใจมั้ย?”

“ครับๆๆ เข้าใจแล้ว องค์หญิงน้อย” ธันวาตอบอย่างอ่อนโยน

แทนไทที่ไม่ได้เข้าร่วมวงสนทนากับพวกเขา ดื่มเหล้าค็อกเทลลงไปอึกนึง จากนั้นก็เปิดหน้าไทม์ไลน์ของชัชนันท์ ดูความเคลื่อนไหวของเธอวันนี้

เห็นเธอโพสต์รูปอาหารเย็น เขาจึงกดไลค์ จากนั้นก็เลื่อนดูสิ่งอื่นต่อ

รอบด้านที่วุ่นวาย ล้วนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย

……

นอนไม่ค่อยหลับมาทั้งคืน วันถัดมาตื่นขึ้น ชัชนันท์ก็รู้สึกว่าทั่วร่างไม่สบาย หัวมึนๆ งงๆ หัวหนักกว่าห้าร้อยกิโล

หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำเย็น เธอจึงรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

เธอเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านสีฟ้าอ่อน จากนั้นก็ลงไปด้านล่าง เตรียมอาหารเช้ากิน

เมื่อคืนทั้งคืน เขาอยู่กับแฟนของเขา คาดว่าต้องไม่ได้กลับมา ข้าวเช้าวันนี้เธอเลยจำเป็นต้องทำเอง

ในห้องนั่งเล่นด้านล่าง พระอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า ในอากาศ ก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของขนมปังปิ้ง

กลิ่นลอยมาแตะจมูก ราวกับสามารถเยียวยาหัวใจ

เธอประหลาดใจเล็กน้อย และเดินเข้าไปในห้องครัว

เขาสวมชุดอยู่บ้านทำจากผ้าไหมแท้สีดำ ยืนอยู่หน้าเตา กำลังทอดเบคอน ควันในห้องครัว ไม่สามารถปกคลุมออร่าดูแพงบนตัวเขาได้เลย

เธอถอนหายใจอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้ เขานี่เป็นเทพบุตร ที่ยอมที่ทำงาน แล้วเข้าครัวทำอาหารจริงๆ

นึกถึงตรงนี้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะอิจฉาแฟนคนนั้นของเขาแล้ว

เมื่อเห็นชัชนันท์นึกคิดอะไรหงอยๆ แทนไทจึงถามขึ้น “คิดอะไรอยู่? ทำไมดูแล้วสีหน้าไม่ดีแบบนี้?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว