หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 227

ฝั่งเกริกตอบมาว่าไม่มี

แต่ธนิดากลับไม่ปล่อยเกริกไปง่ายๆ โกหกว่าไปห้องน้ำ แล้วโทรไปคุยกับเกริก

ไม่นานเกริกก็รับสาย

“นายว่า…...พี่ห้าฉันเป็นอะไรไปกันแน่? ถ้านายไม่บอก ฉันจะบอกพี่ห้า ว่าฉันกลับประเทศมาครั้งนี้นายดูแลฉันไม่ดี ให้พี่เขาหักเงินเดือนนาย” ธนิดายืนอยู่หน้าอ่างล้างมือ ซักไซ้ไม่หยุดหย่อน

เธอเชื่อว่าเกริกอยู่กับพี่เขาทุกวัน จะต้องรู้เป็นแน่

เกริกที่อยู่ในห้องทำงาน พอได้ยินก็ถอนหายใจออกมา นวดขมับอย่างหมดปัญญา “คุณหนูเจ็ด คุณอย่าเล่นไม้นี้ได้ไหมครับ?”

คุณชายห้ารักน้องสาวเจ็ดของตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าเขาไปพูดมั่วซั่วต่อหน้าคุณชายห้า คุณชายห้าก็ฆ่าเขาน่ะสิ?

เขาถอนหายใจยาว แล้วรายงานเรื่องทั้งหมดไปตามความจริง

หลังจากนั้น เขาก็พูดกำชับอย่างระมัดระวัง “คุณหนูเจ็ด คุณห้ามขายผมเด็ดขาดนะครับ......”

พอธนิดาได้ยินว่าชัชนันท์ผ่าตัดจากเกริก ก็รีบถามต่อ “พี่สะใภ้ห้าฉัน ยังโอเคดีใช่ไหม?”

เกริกตอบไปตามความจริง “โอเคดีมากครับ คุณวางใจได้”

เธอเลยวางใจ หลังจากนั้นก็พูดต่อ “นายวางใจเถอะ ฉันไม่ขายนายหรอก”

แล้วเธอก็วางสายโทรศัพท์ หลังจากนั้นก็ถามตัวเองในกระจก เริ่มครุ่นคิดในสมอง ทำไมพี่สะใภ้ห้าของตนเองถึงทำกับพี่ห้าของตนเองเช่นนี้

พอคิดแล้ว เธอก็รู้สึกว่าเหตุผลข้อสองที่เกริกพูดนั้นดูมีความเป็นไปได้มากที่สุด นั่นก็คือช่วงนี้พี่สะใภ้ห้าไปชอบผู้ชายคนอื่นแล้ว......!

ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆล่ะก็ พี่ห้าของเธอคงจะน่าเวทนาอย่างมาก!เธอจะทนได้เหรอ?

เธอทนไม่ได้อย่างไม่ต้องสงสัย!

เธอรีบถกแขนเสื้อขึ้นอย่างรวดเร็ว มองตัวเองในกระจก พูดด้วยความโมโห “ไม่ว่าใครหน้าไหน แย่งผู้หญิงกับพี่ห้าของฉัน ก็คือศัตรูทั้งหมด!เจ้าคนหน้าด้าน รอดูฉันได้เลย!แกตายแน่!”

เธอจะต้องหาให้เจอให้ได้ ช่วงนี้พี่สะใภ้ห้าสนิทกับใครเป็นพิเศษ หลังจากนั้นตัดขาดความสัมพันธ์ชองพวกเขาซะ

หลังจากที่สืบจนเจอแล้วว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เธอจะทำยังไงให้ฝ่ายตรงข้ามออกไปจากชีวิตพี่สะใภ้ห้าล่ะ?

หรือว่าให้เงิน? หรือหาคนไปขู่คนนั้นสักหน่อย?

ดูเหมือนว่าจะได้ทั้งสองอย่าง แต่รายละเอียดจะทำยังไงนั้น ก็ต้องดูสถานะของฝ่ายตรงข้ามก่อน ถ้าเป็นคนมีเงินล่ะก็ ให้เงินก็คงจะไม่มีประโยชน์ ถ้าหลอกล่อไม่ได้ก็ต้องบังคับ

ถ้าไม่มีเงินล่ะก็ ให้เงินไปนิดหน่อยก็น่าจะไล่ไปได้แล้ว

ทำไมเธอฉลาดขนาดนี้นะ?! เก่งจริงๆ!

เธอดีดนิ้วด้วยความมั่นใจ แล้วก็กลับเข้ามาในร้าน

ในเวลานี้แทนไทนั่งก้มหน้าดูเอกสาร สีหน้าของเขาจริงจังและเยือกเย็นอย่างมาก

ธนิดากุมขมับของตัวเอง หลังจากนั้นก็กลับมาที่ตรงหน้าของแทนไท ตบเบาๆที่หลังมือของเขาด้วยท่าทางจริงจัง “พี่ห้า ไม่ว่าพี่จะอารมณ์ไม่ดีเพราะเรื่องอะไรก็ตาม แต่ขอให้พี่เชื่อฉัน ทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างแน่นอน”

เธอจะทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม

เขาเหลือบมองเธอ “จู่ๆก็พูดอะไรของเธอ?”

“ไม่มีอะไร” เธอฝืนยิ้มออกมา หลังจากนั้นก็หยิบเบอร์เกอร์ไก่เผ็ดที่ยังไม่ได้กินขึ้นมา แล้วถามเขา “กินไหม?”

“เธอกินเลย” เขาตอบ “พี่มีงานต้องจัดการ”

แทนไทอยู่เป็นเพื่อนธนิดากินข้าวที่ KFC จนเสร็จ แล้วก็กลับเซ็นเทอรี่ลอง

ธนิดานั้นนั่งอยู่ใน KFC ต่อ ส่งไลน์ไปหาผอ.โรงพยาบาลราษฎรที่หนึ่ง ขอร้องให้ฝ่ายตรงข้ามบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าห้องผู้ป่วยของชัชนันท์ ส่งเข้ามาในมือถือของตนเอง

ฝ่ายตรงข้ามตอบรับคำขอ ถึงขนาดว่าไม่ได้ถามเหตุผล

ธนิดาเลยถอนหายใจยาวด้วยความพอใจ เก็บมือถือ แล้วออกจาก KFC ไป

………………

ในขณะเดียวกัน อีกฝั่งหนึ่ง กชนิภากับกชมนทั้งสองคน นำบอดี้การ์ดกลุ่มใหญ่ถือของบำรุง เดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยของชัชนันท์อย่างโจ่งแจ้ง

คนเข้ามาเยอะขนาดนี้ ทำเอาชัชนันท์และนลินนิ่งอึ้งไป

ทั้งสองพึ่งจะเคยเจอสถานการณ์ที่โอ่อ่าขนาดนี้ นี่มันเหมือนกับอะไรนะ?

ในหัวของชัชนันท์ จู่ๆก็มีภาพที่ตัวเองเคยเห็นในเรื่องตำนานเจินหวนเมื่อเจ็ดปีก่อนผุดขึ้นมา ฉากแบบว่าฮ่องเต้พระราชทานสมบัตินับไม่ถ้วนให้เจินหวนยังไงอย่างงั้น

เธอลองนับอย่างละเอียด บอดี้การ์ดมีประมาณสามสิบคน ในมือทุกคนต่างก็ถือของบำรุงคนละสามกล่องขึ้นไป

มูลค่าของทุกชิ้น ราคาห้าหลักขึ้นไปทั้งนั้น

กชนิภาโบกมืออย่างสบายๆ มองบอดี้การ์ดพวกนั้นแล้วพูด “หาที่ว่างสำหรับวางของพวกนั้นได้เลย”

พวกบอดี้การ์ดก็ทยอยกันวางของบนโต๊ะชา บนโซฟา บนพื้น......

ผ่านไปไม่นาน บนโต๊ะชาก็ถูกของบำรุงนับไม่ถ้วนยึดครอง

กชนิภาจูงมือของกชมน แล้วรีบเดินมาตรงหน้าเธอ ถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง “นันท์......เธอเป็นไงบ้าง? ยังเจ็บอยู่บ้างไหม?”

ชัชนันท์ค่อยๆได้สติกลับมาจากความตกใจ ยิ้มแล้วพูด “หนูสบายดีค่ะ คุณน้ากชนิภา คุณน้ากชมน ทำไมคุณน้าถึงให้ของหนูเยอะขนาดนี้ล่ะคะ?”

มองไปที่ของพวกนั้น เธอก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกเป็นอย่างมาก

ตนเองมีความสามารถ มีคุณสมบัติพอที่จะได้รับของพวกนี้จากพวกเขาทั้งสองเหรอ?

กชมนตอบ “เป็นพวกของที่บำรุงหลังการผ่าตัดน่ะ ไม่แพงเท่าไหร่หรอก หวังว่าเธอจะชอบนะ ของพวกนี้เป็นของที่น้ากับน้ากชนิภาซื้อมาด้วยกัน เงินก็ออกกันคนละครึ่ง”

ไม่แพงเท่าไหร่หรอก? ในใจของชัชนันท์เวลานี้เต็มไปด้วยคำถาม

ทุกชิ้นมันแพงมากเลยนะ?

“พวกคุณน้าให้หนูเยอะขนาดนี้ หนูคงกินไม่หมดจริงๆ......ถ้างั้นคุณน้าเอากลับไปสักหน่อยเถอะค่ะ” ชัชนันท์ตอบอย่างระมัดระวัง

“มีใครให้ของแล้วเอากลับคืนกันบ้าง? กินหมดสิ ของพวกนี้เก็บได้ตั้งหนึ่งปีเชียวนะ” กชนิภายิ้มตาหยีพูด

หลังจากนั้น เธอก็นั่งลงข้างเตียงด้วยความสงสาร แล้วกอดชัชนันท์ไว้แน่น “เด็กน้อยที่น่าสงสารของฉัน ตอนนั้นที่ไส้ติ่งอักเสบอาการกำเริบ คงจะเจ็บมากล่ะสิ?”

พอนึกถึงฉากนั้น กชนิภาก็รู้สึกว่าตัวเองใจแตกสลาย

ทันใดนั้นหัวใจของชัชนันท์ก็อบอุ่นขึ้นมา กอดตอบกชนิภา “เจ็บมากค่ะ แต่มันก็ผ่านไปแล้ว หนูตอนนี้หายแล้วค่ะคุณน้า”

“นันท์น่าสงสารจริงๆเลย” สีหน้าของกชมนก็เต็มไปด้วยความสงสารเช่นกัน

พอได้รับความห่วงใยและความรักจากพวกเขา นัยน์ตาของชัชนันท์ก็แดงก่ำขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

กชนิภาตบไปที่ด้านหลังของชัชนันท์เบาๆ แล้วปล่อยกอดจากเธออย่างรวดเร็ว “นันท์ ของที่พวกน้าเอามา เธอต้องกินนะเข้าใจไหม? อย่าพูดถึงว่าจะคืนของกับพวกน้าอีกเลย......พวกน้าจะโกรธจริงๆด้วย”

ชัชนันท์พยักหน้าอย่างจำใจ “ขอบคุณนะคะคุณน้ากชนิภา ขอบคุณนะคะคุณน้ากชมน”

“เด็กเอ๋ย กับน้ายังต้องเกรงใจอะไร?” กชมนลูบศีรษะชัชนันท์อย่างเอ็นดู

“จริงสิ สาวสวยคนนี้คือ?” กชนิภามองไปยังนลินที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างเป็นกันเอง

“หนูจะแนะนำให้คุณน้าทั้งสองรู้จักเองค่ะ คนนี้คือเพื่อนสนิทของหนูเอง แล้วก็เป็นหุ้นส่วนที่ทำงานด้วย ชื่อนลินค่ะ......” ชัชนันท์ยิ้มเล็กน้อยแล้วแนะนำ

ในขณะเดียวกัน คุณผู้หญิงทั้งสองที่ส่งของบำรุงกองใหญ่มา และมาถามไถ่อาการของชัชนันท์ ก็ทำเอาทั้งโรงพยาบาลสั่นคลอน

พวกหมอพยาบาล รวมถึงผู้ป่วยแต่ละแผนก ต่างก็พากันซุบซิบนินทาเรื่องนี้

มารีญาที่ทั้งตัวพันด้วยผ้าพันแผล นอนอยู่ในห้อง ICU ก็พึ่งจะได้ยินคำซุบซิบที่พยาบาลเขาคุยกัน ได้ยินถึงคำแนะนำ รวมถึงความอิจฉาริษยาที่พวกเขามีต่อชัชนันท์

เวลานี้ ในใจของมารีญา ก็เริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา

อิจฉาทำให้เธอกลายเป็นอีกคน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว