เข้าสู่ระบบผ่าน

หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1249

“ขอบคุณน้ำใจของคุณหนูอย่างยิ่ง...”

ลู่เจาเจาและคนอื่น ๆ มีความสามารถที่จะยึดแหล่งน้ำแห่งนี้ไว้ได้ แต่พวกเขากลับไม่เคยคิดที่จะทำเช่นนั้นเลย แถมยังยกให้พวกเขาอีกด้วย

ชายหลายคนรู้สึกละอายใจและก้มลงกราบ

ไม่มีใครเข้าใจความคิดของพวกเขาที่แอบติดตามลู่เจาเจามา

ในปีที่เกิดภัยพิบัติ ทุกครัวเรือนไม่มีน้ำและอาหาร ความเป็นมนุษย์เป็นสิ่งแรกที่ถูกทอดทิ้ง

ลู่เจาเจาไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแค่ถามว่า “พวกเจ้าไม่คิดจะเดินทางต่อไปข้างหน้าแล้วหรือ?”

ในหมู่ผู้ลี้ภัย ผู้อาวุโสคนหนึ่งส่ายหัว “หลังจากภัยแล้ง ก็เกิดฝูงตั๊กแตนระบาด เราเดินทางมาหลายที่แล้ว แต่ก็ยังหาที่ที่เหมาะสมสำหรับตั้งถิ่นฐานไม่ได้”

“ที่นี่มีแหล่งน้ำ ถ้าเราเฝ้าแหล่งน้ำนี้ไว้ อย่างน้อยก็มีชีวิตรอดต่อไปได้”

ตราบใดที่มีน้ำ พวกเขาก็สามารถหาอาหารจากรากไม้และพืชป่า และบางครั้งก็อาจจับปลาได้บ้าง ซึ่งก็ช่วยให้พวกเขามีชีวิตรอดต่อไปได้อีกหน่อย

“ในโคลนตมมีปลาและกุ้งที่ตายมานานแล้วมากมาย นั่นคือดินที่อุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง”

“ทำไมไม่ลองหว่านเมล็ดพืชที่เติบโตเร็วลงในแม่น้ำดูล่ะ”

ทุกคนมีสีหน้าขมขื่น “เราหนีภัยมาจนถึงตอนนี้ สิ่งที่กินได้ก็ถูกนำมาใช้เพื่อเอาชีวิตรอดแล้ว จะมีเมล็ดพันธุ์เหลืออยู่ได้อย่างไร” ตลอดการเดินทาง พวกเขาต้องแย่งชิงแม้กระทั่งรากไม้และดิน

ลู่เจาเจาชะงักไป

สิ่งที่นางทำไปโดยไม่ตั้งใจในตอนนั้น ตอนนี้กลับกลายเป็นความหวังในการเอาชีวิตรอด ราวกับว่าทุกสิ่งถูกกำหนดไว้แล้ว

อาหมานกะซิบเบา ๆ “จูเอ๋อร์เฝ๋ย”

จูเอ๋อร์เฝ๋ยเติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแรง เพียงสิบห้าวันก็สามารถงอกใบอ่อนสีเขียวสดได้หนึ่งรอบ เก็บเกี่ยวไม่หมด งอกแล้วงอกอีก

ก่อนออกดอก จะมีกลิ่นหอมของหญ้าอ่อน ทั้งนุ่มและกรอบ

ข้อเสียอย่างเดียวคือ กินแล้วอ้วน

แต่ในช่วงเวลาขาดแคลน กลับกลายเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตได้

“ข้าจะไปขอเขาสักกำมือ” อาหมานหันหลังกลับไปที่รถม้าทันที

“เจาเจา เจ้าหลีกไปสักครู่”

นางกับท่านเซียนเยี่ยนชิงติดต่อกันอยู่เสมอ เพียงแต่ท่านเซียนเยี่ยนชิงไม่สามารถปรากฏตัวได้หากไม่มีมนุษย์อัญเชิญ

อาหมานหาสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีผู้คน ยกมือสองข้างถือของดูต่างหน้าของท่านเซียนเยี่ยนชิง ขณะที่ปากพึมพำเรียกชื่อเขาเบา ๆ

ท่านเซียนเยี่ยนชิงรับรู้ถึงการเรียกหาของลูกสาว คิ้วและดวงตาแสดงความยินดีเล็กน้อย

วิญญาณเทพส่วนหนึ่งลงมาสู่โลกมนุษย์

“อาหมาน ในที่สุดเจ้าก็คิดได้ ยินยอมที่จะกลับแดนเทพกับพ่อแล้วหรือ?” ท่านเซียนเยี่ยนชิงยิ้มเล็กน้อย สีหน้าค่อนข้างอ่อนโยน

อาหมานขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ข้าไม่อยากกลับแดนเทพ วันนี้ข้าอยากจะขออะไรบางอย่าง...”

ท่านเซียนเยี่ยนชิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “อาหมานอยากได้อะไร? บอกพ่อมาเถอะ…”

ลูกสาวของเขาเป็นคนบริสุทธิ์และมีจิตใจดี สมควรได้รับสิ่งดี ๆ ทุกอย่างในโลกนี้

ยิ่งได้ใกล้ชิดกับอาหมาน เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงความผูกพันทางสายเลือด

เขาต้องพาลูกสาวกลับไปยังแดนเทพ ก่อนที่โลกมนุษย์จะถูกทำลาย

ท่านเซียนเยี่ยนชิงค่อย ๆ จางหายไป โดยที่อาหมานไม่หันกลับมามองเลย

อาหมานวิ่งกลับมาด้วยเหงื่อท่วมตัว ดวงตาเป็นประกายราวกับดวงดาว “ทำสำเร็จแล้ว ได้เมล็ดพันธุ์มาแล้ว”

“ข้าจะไปสอนพวกเขาปลูก” เสียงอาหมานตื่นเต้นอย่างมาก

ลู่เจาเจาพยักหน้ายิ้ม

อาหมานรีบไปเอาชามน้ำพุศักดิ์สิทธิ์มาหนึ่งชามพร้อมกับคนอื่น ๆ แล้วแช่เมล็ดลงไป นางถือชามและพึมพำอะไรบางอย่าง

น้ำเสียงอ่อนโยนและเป็นกันเอง

“พืชก็มีชีวิต ถ้าเราสื่อสารกับพวกมันก่อนปลูก พวกมันก็จะหยั่งรากและแตกหน่อได้เร็ว” นางค้นพบตั้งแต่เด็กว่า สิ่งที่นางปลูกนั้นเติบโตได้ดีมาก

“สื่อสาร...กับพืช?” ชายชราหยุดชะงัก เขาทำไร่ไถนามาทั้งชีวิต ยังไม่เคยได้ยินว่าพืชสามารถสื่อสารได้ด้วย

เขาเดินตามเด็กสาวไปด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย และได้ยินเด็กสาวพึมพำภาษาโบราณลึกลับบางอย่าง

ชายชราเกิดและเติบโตในชนบท ใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่กับพืชผลทางการเกษตร เขาไม่เคยได้ยินว่าสามารถสื่อสารกับพืชได้

“ถ้าสื่อสารได้จริง ชาวนาอย่างพวกเราก็คงไม่ต้องอดตายกันมากมายขนาดนี้…” ถึงแม้ชายชราจะไม่เชื่อ แต่เขาก็ยังไม่จากไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์