หย่าร้ายพ่ายรัก นิยาย บท 11

ตอนที่ 11 เด็กใบ้ก็อยู่ที่นี่ด้วย

กลางดึกคืนนั้น เลอศิลป์ย่องเข้าไปในห้องของไอรดาภายในบ้านตระกูลฟ้าศิริสวัสดิ์และห่มผ้าให้เธอ เขามองดูเด็กหญิงตัวน้อยหลับสนิทอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้อง เมื่อเขาออกมาจากห้องนอนลูก ครรชิตก็ก้าวเข้ามารายงานความคืบหน้า “คุณเลอศิลป์ครับ ผมไปสืบเรื่องนี้ที่ร้านมาแล้ว แต่ว่า ผมไม่เจออะไรเลยเพราะกล้องวงจรปิดที่ร้านนั้นเสียครับ” “บังเอิญมากไปไหม?” เมื่อได้ยินอย่างนั้น เลอศิลป์ก็ขมวดคิ้ว กล้องวงจรปิดจะต้องมาเสียในเวลาที่ฉันสงสัยอย่างนี้น่ะหรือ? ครรชิตดูเป็นกังวลและตอบอย่างลังเลว่า “มันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ได้ครับ เพราะยังไงเราก็ไม่เคยได้ยินข่าวคราวของคุณผู้หญิง เอ่อ ผมหมายถึงคุณรษิกา เลยนะครับตั้งแต่เธอออกไปจากบ้านเมื่อหลายปีก่อน ผมไม่คิดว่าจู่ๆ เธอจะมาปรากฏตัวในเมืองนี้หรอกครับ” ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็เห็นว่าเจ้านายมีท่าทีเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิม หัวใจของครรชิตเต้นรัวไม่เป็นส่ำ เขาก้มหน้าลงและไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก “เข้าใจแล้ว” เลอศิลป์ตอบกำกวมก่อนจะหันกลังและเดินตรงกลับห้องนอนตัวเองไป เช้าวันต่อมา หลังจากทานมื้อเช้าแล้ว รษิกาก็พาลูกชายทั้งสองไปที่โรงเรียนอนุบาลคุณภาพสูงที่เมธินีแนะนำมา ด้วยความที่เธอเป็นคนมีประสิทธิภาพสูง รษิกาค้นหาข้อมูลจนดึกและเข้านอนหลังจากตัดสินใจเลือกโรงเรียนอนุบาลเสร็จแล้ว เธอตั้งใจว่าจะให้พวกเขาสมัครเรียนที่นั่นทันที จากที่เมธินีบอก ข้อกำหนดในการเข้าเรียนของโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ค่อนข้างเข้มงวด นักเรียนทั้งหมดล้วนมาจากตระกูลที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียง ยิ่งไปกว่านั้น โรงเรียนอนุบาลยังเข้มงวดในการคัดกรองผู้ปกครองของนักเรียนแต่ละคนอีกด้วย ทันทีที่รษิกามาถึงห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงเรียน เธอก็ได้รับแจ้งให้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับอาชีพการงานของเธอและรายได้ต่อปีพร้อมกับเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โชคดีที่เธอเตรียมตัวมาเรียบร้อยแล้วตามที่เมธินีได้เตือนไว้ล่วงหน้า แม้ว่ารษิกาไม่ได้เป็นผู้บริหารระดับสูงหรือผู้อำนวยการอะไรก็ตาม แต่เธอก็ทำเงินได้มากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาจากความเชี่ยวชาญของเธอในด้านการแพทย์ ดังนั้น รายได้รวมต่อปีของเธอจึงสูงกว่าข้อกำหนดขั้นต่ำของโรงเรียนไปมาก หลังจากตรวจสอบเอกสารของเธอเรียบร้อยแล้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนก็พูดอย่างสุภาพว่า “คุณรษิกาคะ ฉันดำเนินการให้เด็กๆ เข้าเรียนได้เรียบร้อยแล้ว รบกวนช่วยเซ็นตรงนี้ด้วยค่ะ” รษิกาจรดปากกาเซ็นเอกสารตามที่ร้องขอ ไม่นานนัก ผู้อำนวยการโรงเรียนก็เรียกคุณครูมาด้วยท่าทียินดียิ่ง เธอสั่งให้คุณครูพาเด็กทั้งสองคนไปยังห้องเรียน เพื่อที่พวกเขาจะได้คุ้นชินกับสิ่งแวดล้อมและเพื่อนร่วมชั้น เด็กทั้งสองโบกมือให้รษิกาอย่างไม่ยินดียินร้ายและเดินจากไปพร้อมกับคุณครู รษิกาละสายตาหลังจากพวกเขาเดินลับตาไป จากนั้นเธอก็หันมาพยักหน้าให้ผู้อำนวยการโรงเรียนก่อนจะกลับออกไป รษิกาไม่เหมือนกับพ่อแม่คนอื่นๆ เธอไม่มีอะไรต้องกังวลเกี่ยวกับลูกชายทั้งสองคนของเธอเลย เธอเริ่มพาพวกเขาไปสถาบันวิจัยด้วยกันเมื่อหลายปีก่อน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พวกเขาไม่เหนียมอายเพราะคุ้นเคยกับการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นและสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี นอกจากนั้น หลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียนอนุบาลก็ง่ายนิดเดียวสำหรับอัจฉริยะตัวน้อยทั้งสองคนนี้ แทนที่จะถูกเด็กคนอื่นในโรงเรียนรังแก รษิกากลับเป็นห่วงว่าลูกชายทั้งสองจะไปรังแกคนอื่นมากกว่า เพราะถึงอย่างไร เหล่าผู้คนเปี่ยมความสามารถที่ทำงานในสถาบันวิจัยก็ยังเคยตกเป็นเหยื่อกลอุบายของพวกเขามาก่อน ในอีกด้านหนึ่ง เด็กชายทั้งสองมองไปรอบๆ ด้วยความฉงนสนเท่ห์ตลอดทางที่คุณครูพาพวกเขาไปยังห้องเรียน นาทีที่ทั้งสองก้าวเข้าไปในห้องเรียน คุณครูก็แนะนำพวกเขาอย่างอ่อนโยนให้เด็กทุกคนรู้จัก “ทุกคนจ๊ะ นี่เพื่อนใหม่ของเรานะ ช่วยกันต้อนรับเขาด้วยล่ะ โอเคไหม?” เด็กคนอื่นๆ ต่างก็จ้องมองไปที่เด็กชายทั้งสองคนด้วยความสนอกสนใจ ในขณะเดียวกัน ทั้งคู่ก็แนะนำตัวเองอย่างสุภาพ ความน่ารักและร่าเริงของทั้งสองทำให้เด็กอื่นแทบต้านไม่ไหว และหลังจากแนะนำตัวเสร็จ เด็กๆ ทุกคนก็ปรบมือด้วยความตื่นเต้น เบนนี่กวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะสะดุดตากับใครคนหนึ่งเข้า เขาดึงชายเสื้อของอชิและกระซิบกระซาบ “อชิ ดูสิ! นั่นไม่ใช่น้องสาวต่างแม่ของเราหรอกเหรอ? เธอเรียนอยู่ห้องเดียวกับเราเลยแฮะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้ายพ่ายรัก