“ไม่ใช่ นี่คุณ…..” เย่เทียนอยากรีบอธิบาย
แต่ยังไม่ทันที่เย่เทียนจะได้พูดต่อ ชิโปโตะก็พูดขัดจังหวะทันที “ท่านผู้นำไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะหลบไปก่อน ผมจะไปรอพวกคุณที่หน้าประตูนะครับ”
พูดจบ ไม่สนว่าเย่เทียนจะตอบสนองยังไง เขาก็เดินออกนอกประตูไป เหลือเพียงเย่เทียนที่ทำตัวไม่ถูกกับช่ายเหมยเป่าที่ยิ้มร่าเท่านั้น…
“นี่ ที่รัก คุณรีบมาช่วยฉันเปลี่ยนเสื้อสิคะ!” ช่ายเหมยเป่าพูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน พร้อมจ้องมองเย่เทียนด้วยสายตาที่หวานย้อย ไม่รอให้เย่เทียนได้ตอบ เธอก็ชิงหัวเราะจนต้องเอามือกุมท้อง
“เชี่ย” เย่เทียนตบกระบานตัวเองอย่างหมดคำพูด แล้วทำเป็นจ้องมองช่ายเหมยเป่าด้วยสายตาดุๆ “หัวเราะอะไรหนักหนา ยังไม่รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก! เดี๋ยวผมก็จะไปรอข้างนอกเหมือนกัน!”
พูดจบ เย่เทียนก็ไม่อยากสนใจอะไร เดินดุ่มๆ ออกจากห้องไป
ดาดฟ้าเรือนอกประตู ชิโปโตะจ้องมองไปยังท้องทะเลที่มืดมิดแต่เงียบสงบ ลมทะเลในยามค่ำคืนนั้นค่อนข้างเย็น ถ้าเป็นคนทั่วไปคงถูกพัดจนตัวสั่นแล้ว
“คือ พวกเราไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะครับ” เย่เทียนเดินเข้าไป แล้วอธิบายอย่างไม่รู้จะพูดยังไง
“คุณไม่ต้องห่วง ท่านผู้นำ ผมเองก็เคยผ่านช่วงอายุอย่างคุณมาก่อน ผมเข้าใจดีครับ!” ชิโปโตะยิ้มร่า แสดงท่าทางประมาณว่าผมเข้าใจ ระหว่างที่พูด ก็ได้ล้วงบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าซองหนึ่ง แล้วยื่นมันให้เย่เทียน
พอได้ยินอย่างนั้น เย่เทียนก็ทำได้แค่ขำออกมาอย่างขมขื่น และไม่คิดจะอธิบายต่อแล้ว เห็นได้ชัดว่าชิโปโตะนั้นเชื่อไปแล้ว พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ยื่นมือไปรับบุหรี่มา แล้วถามไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่า “ท่านจ้าวล่ะครับ?”
ชิโปโตะยิ้มอย่างอายๆ “ท่านผู้นำ ถ้าคุณไม่ถามผมก็ลืมไปแล้ว ท่านจ้าวฝากผมมาบอกว่า เนื่องจากพฤติกรรมที่อยู่บนเรือ ทำให้ตอนนี้เริ่มมีคนจับตาคุณแล้ว ดังนั้นเพื่อให้มั่นใจว่าคนอื่นๆ จะปลอดภัยดี ตอนนี้เขาเลยพาพวกปรมาจารย์จิ่วเจี้ยล่วงหน้าไปก่อน แล้วค่อยมารวมตัวกับคุณอีกทีหลังจากที่ขึ้นฝั่งแล้วครับ”
เย่เทียนดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ยิ้มๆ ถึงว่าก่อนหน้านี้ที่เรือสำราญถูกผู้ก่อการร้ายจี้แล้วพวกท่านจ้าวไม่ทำอะไรเลย ก็จริง ยังไงตอนนี้ก็อยู่โลกภายนอก มีพวกคอมพวกมือถืออยู่ ก็ต้องมีคนสังเกตเห็นเขาอยู่แล้ว
ชิโปโตะได้ล้วงธนบัตรออกมาจากกระเป๋าอีกใบ จุดด้วยไฟแช็ก บุหรี่ที่ปากก็ถูกจุดขึ้นมาเหมือนกัน หลังจากที่ดูดไปทีหนึ่ง ในค่ำคืนที่มืดมิดแสงจากไฟดวงเล็กๆ ที่สั่นไหวก็ยังดูสว่างและโดดเดี่ยว “ยังไงเงินก็ทำให้คนบ้าคลั่งได้จริงๆ”
“ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าเงินได้ยังไง?” เย่เทียนยิ้มร่า รับบุหรี่จากมือชิโปโตะมา จุดไฟแล้วเริ่มสูบเหมือนกัน
ห้านาทีหลังจากนั้น ช่ายเหมยเป่าออกมาพร้อมกับกระเป๋าสะพายใบเล็ก เสื้อผ้าก็ถูกเปลี่ยนไปเรียบร้อย ผมก็มันเสียเรียบร้อย ดูเป็นมากประสบการณ์ขึ้นมาทันที
“เอาละ จะไปกันได้รึยัง?” ช่ายเหมยเป่าถามด้วยท่าทีที่สบายๆ
พอได้ยินอย่างนั้น ชิโปโตะก็ก้มมองนาฬิกาข้อมือ แล้วดูดบุหรี่อย่างแรงอีกครั้ง จากนั้นก็โยนลงทะเล “ไปครับ ใกล้ได้เวลาแล้ว”
พูดจบก็ไม่สนใจการตอบสนองของเย่เทียนกับช่ายเหมยเป่า หมุนตัวแล้วเดินไปทางดาดฟ้าที่อยู่ตรงท้ายเรือ
เย่เทียนก็รีบโยนบุหรี่ในมือลงในทะเลเหมือนกัน หันมาสบตากับช่ายเหมยเป่าทีหนึ่ง ไม่พูดอะไรแล้วทั้งสองก็รีบเดินตามไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่