ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 116

สรุปบท บทที่ 116 พนันกันเองสักตา: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

สรุปตอน บทที่ 116 พนันกันเองสักตา – จากเรื่อง ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ โดย Light-Knight

ตอน บทที่ 116 พนันกันเองสักตา ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ โดยนักเขียน Light-Knight เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งแสน สำหรับคนทั่วไปแล้วบางทีอาจเป็นจำนวนเงินที่มากก้อนหนึ่ง แต่ในสายตาของบรรดาลูกคนรวยอย่างพวกเขาไม่ถือว่าเป็นอะไรทั้งสิ้น

ถ้าจ่ายเงินหนึ่งแสนไป สามารถสร้างภาพประทับใจ ต่อหน้าสาวสวยยอดเยี่ยมระดับเฉินหวั่นชิงคนนี้ได้ แม้กระทั่งให้เฉินหวั่นชิงกระโจนเข้าอ้อมกอดด้วยตนเองได้ นี่ถือว่าได้กำไรเกินคาดแล้ว

ชายหนุ่มจมอยู่ในความเพ้อฝันที่งดงาม แต่ไม่นาน เขาก็ค่อยๆ ผิดหวังขึ้นมา

ไม่มีอะไรอื่น เพียงเพราะเฉินหวั่นชิงเดิมทีไม่ได้มองเขาสักแวบเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในที่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอสักนิด

เย่เทียนใช้หัวนิ้วโป้งเท้าคิด ยังรู้ว่าเจ้าหมอนี่กำลังมีแผนการอะไร

เพียงแค่ มีคนโง่เง่าส่งเงินมาให้ถึงที่ เขาย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอน

“หายากที่นายจะใจกว้างขนาดนี้ งั้นฉันขอรับไว้ด้วยความเคารพดีกว่าจะปฏิเสธไป รับรองจะไม่ทำให้นายผิดหวัง!”

พูดจบ เย่เทียนจับมือของเฉินหวั่นชิงไว้ มุ่งหน้าเดินไปบริเวณหยกหินหยาบราคาหนึ่งแสน

มองภาพด้านหลังเย่เทียนที่ก้าวเดินอย่างยืนหยัดแน่วแน่ ผู้คนที่ชอบความตื่นเต้นดูเรื่องสนุกอดส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาไม่ได้

“เจ้าหมอนี่หนังหน้าหนาพอตัวจริงๆ นึกไม่ถึงยังไปจริง?”

“โชคดีที่คุณชายเฉียนจิตใจดี ถ้าไม่อย่างนั้นอาศัยเงินเดือนน้อยนิดของเจ้าหนุ่มนั้น เกรงว่าแม้แต่หินหยาบก้อนหนึ่งยังซื้อไม่ได้”

“เงินหนึ่งแสนได้ดูอะไรตลกๆ เงินก้อนนี้คุณชายเฉียนจ่ายไปคุ้มค่า!”

คนส่วนมากล้วนยืนอยู่ฝั่งของจางเวย เยาะเย้ยเย่เทียนขึ้นมาโดยไม่เกรงใจเลยสักนิด

คำพูดพวกนี้เกือบทำให้เฉินหวั่นชิงโมโหจนระเบิดอารมณ์ ใบหน้าน้อยๆ เปลี่ยนไปแดงมากเพราะความโกรธ ถ้าไม่ใช่เย่เทียนดึงมือของเธอเอาไว้ ไม่แน่ว่าเธอคงวางภาพลักษณ์ของหญิงสาวงดงามลง เข้าไปโต้แย้งกับพวกเขาสักหน่อยแล้ว

มีเงินแล้วเหนือกว่ามากหรือไง! มีเงินก็สามารถทำตัวไร้มารยาทเยาะเย้ยคนอื่นได้มั่วซั่วงั้นเหรอ!

พอมาดูเย่เทียนในฐานะผู้ถูกกระทำ กลับนิ่งสงบอยู่มาก แม้กระทั่งเดิมทีไม่ได้สนใจพวกเขา

ภายใต้การนำทางของเหล่าซุนเถ้าแก่ลานพนันหิน ไม่นานทั้งสามคนจึงมาถึงโซนหินหยาบราคาหนึ่งแสนแล้ว

เย่เทียนหรี่ดวงตาเล็กกวาดมองหยกหินหยาบที่แสดงราคาชัดเจน และจัดเรียงเป็นระเบียบอยู่ตรงหน้า ถือโอกาสชี้ไปอย่างไม่สนใจ “ก้อนนั้นแล้วกัน!”

เหล่าซุนรีบมองตามเข้าไปทางนิ้วมือของเขาทันที ตอนที่มองเห็นชัดว่าเป็นหินหยาบก้อนไหนกันแน่ สีหน้าอดเปลี่ยนไปแปลกประหลาดขึ้นมาไม่ได้

ไม่มีอะไรอื่น หินหยาบก้อนนั้นที่เย่เทียนชี้เดิมทีไม่อยู่ด้านในขอบเขตหนึ่งแสน แต่เป็นขอบเขตที่คนงานด้านข้างคัดสรรแบ่งประเภท

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าที่ซื้อเข้ามาเขาไม่อาจดึงมาใส่ราคาหนึ่งแสนได้ทั้งหมด

ย่อมต้องผ่านมือของคนงาน มาตัดสินว่าหินหยาบแบบไหนต้องวางไว้ด้านในขอบเขตราคาอย่างไหนบ้าง

ส่วนหินหยาบสี่เหลี่ยมจัตุรัสก้อนนั้นที่เย่เทียนชี้ไป แม้กระทั่งไม่อาจนับเป็นหินหยาบได้ เพียงแค่เขามองหินก้อนนี้ยังถือว่าราบเรียบ จงใจเอามาให้คนงานจำแนกเป็นหินหยาบ

ก้อนหินแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งแสนเลย แม้แต่หนึ่งหมื่นเกรงว่ายังไม่มีคนยอมควักเงินซื้อ!

“ถ้าไม่อย่างนั้นนายเลือกใหม่อีกอันเถอะ?” เหล่าซุนกลั้นหัวเราะไว้พูดเตือนสติด้วยความหวังดี

“ทำไม? ผมดูอันนั้นก็ไม่เลวมากนะ!”

เย่เทียนยักไหล่ พูดแบบไม่สนใจไยดี “ในเมื่อไม่ต้องให้ผมจ่ายเงิน เงินของพวกหมาบ้านรวยถึงแม้ขาดทุนจริงผมก็ไม่เจ็บใจ”

พูดแบบนี้ออกมา กลับทำให้เย่เทียนอดมองเหล่าซุนเพิ่มหน่อยไม่ได้ รู้ว่านี่คือความหวังดีของเขา

เพียงแต่ ในที่นี้เป็นใครพนันหินแม่นที่สุด นั่นคือเย่เทียนแบบไม่ต้องสงสัยเป็นอันขาด!

เมื่อสักครู่ตอนที่เลือก ดูจากลักษณะภายนอกบางทีเขาเพียงแค่ชำเลืองมองง่ายๆ ในความเป็นจริงเขาสัมผัสถึงก้อนหินที่ส่งกลิ่นอายมหัศจรรย์ออกมาก้อนนี้ตั้งแต่แรกแล้ว

“ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายขนาดนั้นหรอกครับ ผมว่าก้อนนี้ดีมากแล้ว” เย่เทียนปฏิเสธคำแนะนำของเหล่าซุน

เหล่าซุนได้ยิน ส่ายหน้าแบบจำใจ มุมปากกลับยกรอยยิ้มขึ้น

โดยเฉพาะ ร้านนี้เป็นของเขา ถ้าเย่เทียนหาเงินได้นั่นแสดงว่าเขาขาดทุน เขาได้เตือนสติด้วยความหวังดีแล้ว อย่างน้อยด้านชื่อเสียงก็คงรอดไปได้ ในเมื่อเย่เทียนไม่ฟัง นั่นก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา

เวลานี้ คนที่ดูเรื่องสนุกกลุ่มหนึ่งล้อมรอบเข้ามาแล้ว มองหินหยาบก้อนนั้นถูกคนงานย้ายไปยังลานตัดด้วยความสนใจเต็มที่

“หินหยาบก้อนนี้ใหญ่ขนาดนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีหยกสักหน่อยจริงๆ ก็ได้มั้ง?”

“นายคิดมากไปแล้ว ตัวเองแหกตาโตๆ ดูริ้วรอยของหินก้อนนี้หน่อย มีตรงไหนที่เหมือนใกล้จะเป็นหินหยาบสักนิด?”

“เชอะ! หินกากๆ ก้อนหนึ่ง ถ้าพนันได้เงินจริง ฉันจางเวยจะกินเศษหินที่ตัดลงมาแบบนั้นเลย!”

ในการพนันหินอาชีพนี้จางเวยจ่ายค่าเรียนไปไม่น้อย ยอมรับว่าตนเองยังมีแววตาอยู่พอควร ถ้าหินก้อนหนึ่งสามารถมีหยกออกมาได้ง่ายดาย งั้นการพนันหินอาชีพนี้เกรงว่าคงสูญหายไปตั้งนานแล้ว

“โถๆ ดูท่าทางนายมีความมั่นใจมากเลยสินะ?”

พอเย่เทียนได้ยิน มุมปากวาดรอยยิ้มที่มีความหมายลึกล้ำขึ้น บอกว่า “ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเรามาพนันกันเองสักตา?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่