“ถ้าหากผมไม่ได้เดาผิด ถ้าผมไม่มีเงิน คุณจะขู่ผมด้วยความรุนแรงใช่ไหม?”
เมื่อมองดูชายร่างกำยำตรงหน้า เย่เทียนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม
ชายหนุ่มที่ได้ยินเช่นนี้ก็ถึงกับหน้าสั่นเล็กน้อย แต่ไม่นานเขาก็ตั้งตัวได้และพูดด้วยความโกรธว่า “มิจฉาชีพอะไร? คุณว่าใครเป็นมิจฉาชีพ?”
“ทุกคนมาตัดสินกันหน่อย ผมกับแม่ผมแค่จะมาขายส้มเพื่อหาเลี้ยงชีพเท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่าไอ้สารเลวนี่มันจะขับรถชนแม่ผม มันไม่ขอโทษก็แล้วไป แต่มันยังมาโทษพวกผมว่าเป็นมิจฉาชีพมาแบล็กเมล์อีกด้วย”
ชายหนุ่มดูทั้งเศร้าทั้งโกรธและชี้ไปที่ส้มบนพื้นแล้วพูดกับเย่เทียนด้วยความโมโห “อย่าคิดว่านายมีเงินหน่อยแล้วจะตัดสินทุกอย่างได้ ความจริงมันขึ้นอยู่กับสายตาของคนส่วนใหญ่มากกว่า!”
“ใจร้ายใจดำ สมัยนี้สังคมมันช่างเสื่อมโทรมจริงๆ!”
“ไอ้หมอนั่นจะใจร้ายเกินไปไหม? ขับรถชนคนอื่นแล้วไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย แต่กลับโทษคนอื่นว่าเป็นมิจฉาชีพอีกด้วย”
ซึ่งทักษะการแสดงของชายหนุ่มกับหญิงวัยกลางคนคนนั้นยอดเยี่ยมเกินไป ทำให้ผู้สัญจรไปมาเกือบทั้งหมดเข้าข้างพวกเขา และทำให้เย่เทียนต้องกลายเป็นคนผิดในสายตาของผู้คน
เย่เทียนขมวดคิ้วอย่างกะทันหัน แม้เขาจะไม่กลัวการถูกคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์ แต่ไม่มีใครมีความสุขได้หรอกถ้าต้องเจอเรื่องแบบนี้
ในเวลานี้ เฉินหวั่นชิงที่เห็นสถานการณ์ผิดปกติก็ได้เดินออกจากรถ “เย่เทียน คุณขับรถชนคนเหรอ?”
เย่เทียนที่ได้ยินเช่นนี้ก็แทบจะต้องคุกเข่าให้กับเฉินหวั่นชิง เพราะถ้าเธอถามแบบนี้ต่อหน้าทุกคน นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอกำลังยอมรับว่าเขาเป็นคนผิดหรือ!
ผู้หญิงคนนี้ซื่อจริงหรือว่าแค่แกล้ง? หรือว่าเธอต้องคำสาปของคำที่พูดว่า ‘หน้าอกใหญ่แต่ไร้สมอง’ คำนั้น?
และแน่นอนว่าประโยคคำถามของเฉินหวั่นชิงทำให้ชายหนุ่มคนนั้นได้โอกาสจับผิดพวกเขา ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นอย่างเสียงดังว่า “ทุกคนได้ยินแล้วใช่ไหม? ผู้หญิงคนนี้กับผู้ชายคนนี้มาด้วยกัน แม้แต่เธอยังยอมรับเลยว่าพวกเขาขับรถชนคนอื่นจริงๆ แต่ผู้ชายคนนี้กลับโยนความผิดให้คนอื่น!”
เฉินหวั่นชิงที่ได้ยินคำนี้ก็เหลือบมองไปที่เย่เทียนทันที เธอเพิ่งเปลี่ยนมุมมองสำหรับเย่เทียนไปเมื่อครู่นี้เท่านั้น แต่ไม่นึกเลยว่าหลังจากเกิดอุบัติเหตุ เย่เทียนจะไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยากจริงๆ!
แต่เย่เทียนจะรู้ได้อย่างไรว่าเฉินหวั่นชิงกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นแววตาที่ผิดปกติของเธอ เขาจึงพยายามจะอธิบายให้เธอฟัง
แต่เฉินหวั่นชิงกลับก้าวไปข้างหน้าก่อนแล้วพูดกับชายหนุ่มคนนั้น “เรื่องนี้พวกเราผิดเองค่ะ แต่พวกเรายังมีธุระด่วนต้องไปทำ เอางี้นะคะ พวกคุณต้องการค่าเสียหายเท่าไหร่คะ?”
“ต้องคุณผู้หญิงคนนี้สิถึงจะดูมีเหตุผลหน่อย ไม่เหมือนใครบางคน ขับรถชนคนอื่นแล้วยังโทษคนอื่นผิด หน้าไม่อายจริงๆ!”
ชายหนุ่มพูดอย่างประชดประชัน จากนั้นยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วส่ายไปมา “เอางี้นะครับ คุณให้ตามนี้ก็พอ”
“ได้สิ หนึ่งหมื่นก็หนึ่งหมื่น”
เฉินหวั่นชิงเปิดกระเป๋าเพื่อจะหยิบเงินและเธอยังไม่ลืมพูดว่า “คุณอย่าลืมพาแม่คุณไปหาหมอด้วยนะ เผื่อบาดเจ็บตรงไหน”
“ให้ตายสิ คุณคิดว่าผมเป็นขอทานงั้นเหรอ?!”
แต่ว่า ก่อนที่เฉินหวั่นชิงจะหยิบเงินออกมา ชายหนุ่มคนนั้นก็พูดด้วยความโกรธ “ผมหมายถึงหนึ่งล้าน!”
เฉินหวั่นชิงที่คิดจะใช้เงินแก้ไขปัญหานี้ก็รู้สึกตกใจและขมวดคิ้วแน่นๆ “หนึ่งล้านเลยเหรอ? ฉันว่าแม่คุณก็ไม่เป็นอะไรมากนะ คุณจะโลภมากไปหน่อยไหม?”
“คุณรู้ได้ไงว่าแม่ผมไม่เป็นอะไรมาก?”
ชายหนุ่มใช้การเปรียบเทียบว่า “ถึงผมจะเป็นคนบ้านนอก แต่ผมก็ดูข่าวเหมือนกันนะ ก่อนหน้านี้ยังมีข่าวรายงานว่ามีคนถูกรถชนแต่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย แต่หลังจากกลับบ้านไปแค่สองวันเขาก็เสียชีวิต แล้วจากนั้นส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลก็พบว่าเขาช้ำใน”
“ต่อให้แม่ผมจะดูไม่เป็นไร แต่ถ้าเกิดเธอช้ำในล่ะ?!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่