ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 126

สรุปบท บทที่ 126 เหลืออดเหลือทนแล้ว: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

สรุปตอน บทที่ 126 เหลืออดเหลือทนแล้ว – จากเรื่อง ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ โดย Light-Knight

ตอน บทที่ 126 เหลืออดเหลือทนแล้ว ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ โดยนักเขียน Light-Knight เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้เฉินหวั่นชิงจะจากไปด้วยความขุ่นเคือง แต่เย่เทียนกลับไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับไป

เพราะเมื่อกี้เฉินหวั่นชิงยังอยู่ จึงทำให้เขายากที่จะลงมือปฏิบัติ แต่ตอนนี้เขาอยู่ตัวคนเดียวแล้ว มันจึงเป็นโอกาสที่ดีในการดูดซับหินทิพย์ไม่ใช่หรือ?

ทันใดที่รถได้จอดลงข้างทาง มือข้างหนึ่งของเย่เทียนก็ได้กดทับไปที่หินหยกเม็ดเป้งชิ้นนั้น จากนั้นเขาหลับตาลงและเข้าสู่สภาวะการฝึกวิชา

แม้ว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการนำหินทิพย์ที่อยู่ตรงกลางออกโดยตรง แต่เมื่อคิดดูว่าหยกเม็ดนี้จะต้องนำไปมอบให้นายท่านเฉินเป็นของขวัญวันเกิดแล้ว เย่เทียนจึงจำเป็นต้องเลือกใช้วิธีนี้

ซึ่งข้อเสียอย่างเดียวคือ มันจะสร้างความเสียหายให้กับหินทิพย์นี้อย่างแน่นอน

ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไปเย่เทียนถึงจะลืมตาขึ้น จากนั้นเขาเลียริมริมฝีปากอย่างมีนัย

และพูดพึมพำเบาๆ ว่า “ถ้าหากมีอีกสักสามถึงสี่ก้อน คิดว่าเราน่าจะไปถึงการฝึกพลังชั้นที่ห้าได้”

แต่ว่าหินหยกชิ้นนั้น ถ้าสังเกตให้ดีแล้วจะเห็นว่ามีส่วนที่เป็นสีขาวจางๆ อยู่ใจกลางของหิน

หลังจากยืดเส้นยืดสายเสร็จแล้ว เย่เทียนก็ได้สตาร์ทรถอีกครั้งและขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลเฉิน

และนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ลำบากใจเช่นกัน ถึงแม้จะไม่พูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับเฉินหวั่นชิง แต่หยกชิ้นนี้ยังไงก็ต้องผ่านการเจียระไนแน่นอน ดังนั้นถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องให้เฉินหวั่นชิงมาจัดการอยู่แล้ว!

แต่หลังจากที่เย่เทียนไปถึงบ้านตระกูลเฉิน เขายังไม่ทันได้เข้าประตูบ้านของตระกูลเฉินก็ได้พบกับเฉินหยังก่อน!

“เย่เทียนเหรอ?”

เฉินหยังที่กำลังจะออกจากบ้าน แววตาก็เปลี่ยนเป็นความไม่สบอารมณ์ทันที “เอ็งมาทำอะไรที่นี่?”

เย่เทียนได้สัมผัสถึงน้ำเสียงอันไม่เป็นมิตรของเฉินหยัง และตอบเขาอย่างไม่พอใจว่า “ผมมาหาหวั่นชิง”

“ยังมีหน้ามาหาหวั่นชิงอีกเหรอ?”

เฉินหยังแสยะยิ้ม: “เย่เทียน ข้าคิดว่าเอ็งควรรีบหย่ากับหวั่นชิงซะ เลิกฉุดรั้งชีวิตที่ดีงามของหวั่นชิงสักที”

เย่เทียนขมวดคิ้วแน่นๆ “ผมจะหย่ากับหวั่นชิงหรือไม่ คงไม่ต้องลำบากคุณมายุ่งด้วยหรอกนะ?”

“ข้านามสกุลเฉิน! แล้วทำไมถึงไม่มีสิทธิ์มายุ่งด้วยล่ะ?” เฉินหยังพูดด้วยความโกรธ

เย่เทียนขี้เกียจเสียเวลากับคนกระแดะแบบนี้ “หลบไป!”

“ข้าไม่หลบ แล้วจะทำไม? ถ้าไม่ได้เกรงใจท่านปู่ เด็กกำพร้าอย่างเอ็งน่ะเหรอ ข้าจะฆ่าทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้!” เฉินหยังไม่มีทีท่าว่าจะกลัว

เย่เทียนไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่กลับยิ้มตอบว่า “ฟังจากคำพูดของคุณแล้ว ผมควรต้องกลัวใช่ไหม?”

“กลัวน่ะเหรอ? เอ็งไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะกลัวหรอก! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” เฉินหยังโมโหจนสุดขีด เขาไม่มองเย่เทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ

เย่เทียนหรี่ตาลง ถ้าไม่เห็นแก่เฉินหยังที่เป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลเฉิน เขาคงเลือกที่จะลงมือจัดการไปนานแล้ว

แต่ว่า ความนิ่งเฉยของเย่เทียนกลับทำให้เฉินหยังรู้สึกโกรธมากขึ้น เขาจึงได้คืบจะเอาศอกและผลักเย่เทียนอย่างไม่พอใจ “ยังจะยืนทื่ออยู่ทำไม? ยังไม่รีบไสหัวไปให้พ้นอีก?”

การยอมคนของเย่เทียนนั้นทำให้เฉินหยังได้ใจและเย่อหยิ่งมากขึ้น ฉะนั้น ในเมื่อเฉินหยังไม่คิดจะไว้หน้ากัน เย่เทียนก็ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติกันอีก

“ไสหัวงั้นเหรอ? โทษทีนะ ผมเย่เทียนคนนี้ยังไม่เคยไสหัวมาก่อน หรือว่าคุณจะลองไสหัวเป็นตัวอย่างหน่อยไหม?”

“ยังต้องสาธิตให้ดูงั้นเหรอ? ไอ้เวร นี่สงสัยเอ็งจะโดนประตูหนีบหัวจนสมองมีปัญหาแล้วใช่มั้ย?”

เฉินหยังโมโหมาก และฝ่ามือของเขาก็ฟาดออกไปโดยไม่คำนึงถึงอะไรอีก

ผ๊วะ!

แต่เย่เทียนก็จับฝ่ามือของเฉินหยังได้อย่างแม่นยำ และสายตาอันเยือกเย็นก็ประกายขึ้นผ่านดวงตาสีดำของเขา “คุณเป็นคนลงมือก่อนนะ แล้วอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”

ทันทีที่เสียงพูดนั้นสิ้นสุดลง เย่เทียนก็ได้ถีบเข้าไปที่หน้าท้องของเฉินหยังอย่างเคียดแค้น

เพียงแต่ว่า ทันทีที่เสียงพูดของเฉินหยังสิ้นสุดลง เขาก็รู้สึกว่าดวงตามืดมัว มือไม้อ่อน และหัวใจก็แทนจะกระเด็นถึงคอหอย

ตามที่คาดการณ์ไว้ เมื่อเขาตั้งสติได้อีกครั้ง ไม่รู้ว่าปืนของเขาถูกเย่เทียนคว้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ และปากกระบอกปืนอันเย็นเยือกนั้นก็เล็งมาที่เขาแทน

“เย่ เย่เทียน เอ็งอย่าเพิ่งวู่วามนะ! มีอะไรพูดกันดีๆ ฆ่าคนมันมีโทษถึงกับต้องประหารชีวิตเลยนะ!”

เฉินหยังถึงกับยอมรับผิดทันทีและตกใจกลัวจนขาสั่นไปหมด

“คนไร้ประโยชน์อย่างคุณ ฆ่าไปก็เป็นการดูถูกตัวเองมากกว่า!”

เย่เทียนเม้มปากและขยับมือทั้งสองข้างเบาๆ จากนั้นปืนพกก็กลายเป็นกองชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายไปทั่วพื้น “แต่ว่า โทษตายนั้นเว้นได้ แต่โทษเป็นนั้นเว้นยาก!”

“เอ็ง เอ็งคิดจะทำอะไร?! ข้าจะบอกเอ็งนะ ถ้าเอ็งกล้าแตะต้องข้าแม้แต่ผมเส้นเดียว พ่อข้า ลุงข้า จะไม่ปล่อยเอ็งไว้แน่!”

เมื่อมองดูสีหน้าไร้ความรู้สึกของเย่เทียนแล้ว เฉินหยังก็ตกใจกลัวอย่างสุดใจ

แต่ถ้าจะให้ก้มหัวให้กับเด็กกำพร้าคนหนึ่ง แล้วคนโอหังอย่างเฉินหยังจะยอมรับได้อย่างไร?

เขาเพียงหวังว่าคำพูดของเขาจะข่มขู่เย่เทียนได้สำเร็จ หรือว่าทำให้เย่เทียนคิดไตร่ตรองอีกครั้ง ให้เย่เทียนรู้ว่าการที่ทำร้ายเขาแล้วจะรับผิดชอบกับสิ่งที่ตามมาไม่ได้อย่างแน่นอน

แต่เย่เทียนกลับยิ้มอย่างไร้ความปรานีและยกเท้าขึ้นแล้วถีบเข้าไปที่หน้าอกของเฉินหยังอย่างไม่ลังเล

ผ๊วะ!

ทันใดนั้น เฉินหยังก็ได้กระเด็นถอยหลังออกไปอย่างกับลูกบอลและกระแทกเข้ากับรถยนต์ที่จอดอยู่ข้างหลังอย่างรุนแรงแล้วฝากรอยร่างคนไว้บนตัวรถ

เฉินหยังทนไม่ไหวจนกระอักเลือดออกมา เขารู้สึกได้แค่กระดูกทั่วร่างกายของเขาแตกหักไปหมด แต่สมองยังรับรู้ได้ดี รับรู้แม้กระทั่งความเจ็บปวดของทุกส่วนในร่างกาย

ในเวลานี้ เฉินหยังคิดได้เพียงอย่างเดียว ‘เราจะถูกไอ้เย่เทียนคนนี้ฆ่าจริงหรือ?!’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่