ถึงแม้เฉินหวั่นชิงจะจากไปด้วยความขุ่นเคือง แต่เย่เทียนกลับไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับไป
เพราะเมื่อกี้เฉินหวั่นชิงยังอยู่ จึงทำให้เขายากที่จะลงมือปฏิบัติ แต่ตอนนี้เขาอยู่ตัวคนเดียวแล้ว มันจึงเป็นโอกาสที่ดีในการดูดซับหินทิพย์ไม่ใช่หรือ?
ทันใดที่รถได้จอดลงข้างทาง มือข้างหนึ่งของเย่เทียนก็ได้กดทับไปที่หินหยกเม็ดเป้งชิ้นนั้น จากนั้นเขาหลับตาลงและเข้าสู่สภาวะการฝึกวิชา
แม้ว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการนำหินทิพย์ที่อยู่ตรงกลางออกโดยตรง แต่เมื่อคิดดูว่าหยกเม็ดนี้จะต้องนำไปมอบให้นายท่านเฉินเป็นของขวัญวันเกิดแล้ว เย่เทียนจึงจำเป็นต้องเลือกใช้วิธีนี้
ซึ่งข้อเสียอย่างเดียวคือ มันจะสร้างความเสียหายให้กับหินทิพย์นี้อย่างแน่นอน
ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไปเย่เทียนถึงจะลืมตาขึ้น จากนั้นเขาเลียริมริมฝีปากอย่างมีนัย
และพูดพึมพำเบาๆ ว่า “ถ้าหากมีอีกสักสามถึงสี่ก้อน คิดว่าเราน่าจะไปถึงการฝึกพลังชั้นที่ห้าได้”
แต่ว่าหินหยกชิ้นนั้น ถ้าสังเกตให้ดีแล้วจะเห็นว่ามีส่วนที่เป็นสีขาวจางๆ อยู่ใจกลางของหิน
หลังจากยืดเส้นยืดสายเสร็จแล้ว เย่เทียนก็ได้สตาร์ทรถอีกครั้งและขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลเฉิน
และนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ลำบากใจเช่นกัน ถึงแม้จะไม่พูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับเฉินหวั่นชิง แต่หยกชิ้นนี้ยังไงก็ต้องผ่านการเจียระไนแน่นอน ดังนั้นถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องให้เฉินหวั่นชิงมาจัดการอยู่แล้ว!
แต่หลังจากที่เย่เทียนไปถึงบ้านตระกูลเฉิน เขายังไม่ทันได้เข้าประตูบ้านของตระกูลเฉินก็ได้พบกับเฉินหยังก่อน!
“เย่เทียนเหรอ?”
เฉินหยังที่กำลังจะออกจากบ้าน แววตาก็เปลี่ยนเป็นความไม่สบอารมณ์ทันที “เอ็งมาทำอะไรที่นี่?”
เย่เทียนได้สัมผัสถึงน้ำเสียงอันไม่เป็นมิตรของเฉินหยัง และตอบเขาอย่างไม่พอใจว่า “ผมมาหาหวั่นชิง”
“ยังมีหน้ามาหาหวั่นชิงอีกเหรอ?”
เฉินหยังแสยะยิ้ม: “เย่เทียน ข้าคิดว่าเอ็งควรรีบหย่ากับหวั่นชิงซะ เลิกฉุดรั้งชีวิตที่ดีงามของหวั่นชิงสักที”
เย่เทียนขมวดคิ้วแน่นๆ “ผมจะหย่ากับหวั่นชิงหรือไม่ คงไม่ต้องลำบากคุณมายุ่งด้วยหรอกนะ?”
“ข้านามสกุลเฉิน! แล้วทำไมถึงไม่มีสิทธิ์มายุ่งด้วยล่ะ?” เฉินหยังพูดด้วยความโกรธ
เย่เทียนขี้เกียจเสียเวลากับคนกระแดะแบบนี้ “หลบไป!”
“ข้าไม่หลบ แล้วจะทำไม? ถ้าไม่ได้เกรงใจท่านปู่ เด็กกำพร้าอย่างเอ็งน่ะเหรอ ข้าจะฆ่าทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้!” เฉินหยังไม่มีทีท่าว่าจะกลัว
เย่เทียนไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่กลับยิ้มตอบว่า “ฟังจากคำพูดของคุณแล้ว ผมควรต้องกลัวใช่ไหม?”
“กลัวน่ะเหรอ? เอ็งไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะกลัวหรอก! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” เฉินหยังโมโหจนสุดขีด เขาไม่มองเย่เทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
เย่เทียนหรี่ตาลง ถ้าไม่เห็นแก่เฉินหยังที่เป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลเฉิน เขาคงเลือกที่จะลงมือจัดการไปนานแล้ว
แต่ว่า ความนิ่งเฉยของเย่เทียนกลับทำให้เฉินหยังรู้สึกโกรธมากขึ้น เขาจึงได้คืบจะเอาศอกและผลักเย่เทียนอย่างไม่พอใจ “ยังจะยืนทื่ออยู่ทำไม? ยังไม่รีบไสหัวไปให้พ้นอีก?”
การยอมคนของเย่เทียนนั้นทำให้เฉินหยังได้ใจและเย่อหยิ่งมากขึ้น ฉะนั้น ในเมื่อเฉินหยังไม่คิดจะไว้หน้ากัน เย่เทียนก็ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติกันอีก
“ไสหัวงั้นเหรอ? โทษทีนะ ผมเย่เทียนคนนี้ยังไม่เคยไสหัวมาก่อน หรือว่าคุณจะลองไสหัวเป็นตัวอย่างหน่อยไหม?”
“ยังต้องสาธิตให้ดูงั้นเหรอ? ไอ้เวร นี่สงสัยเอ็งจะโดนประตูหนีบหัวจนสมองมีปัญหาแล้วใช่มั้ย?”
เฉินหยังโมโหมาก และฝ่ามือของเขาก็ฟาดออกไปโดยไม่คำนึงถึงอะไรอีก
ผ๊วะ!
แต่เย่เทียนก็จับฝ่ามือของเฉินหยังได้อย่างแม่นยำ และสายตาอันเยือกเย็นก็ประกายขึ้นผ่านดวงตาสีดำของเขา “คุณเป็นคนลงมือก่อนนะ แล้วอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
ทันทีที่เสียงพูดนั้นสิ้นสุดลง เย่เทียนก็ได้ถีบเข้าไปที่หน้าท้องของเฉินหยังอย่างเคียดแค้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่