ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 1266

สรุปบท บทที่ 1266 ที่ฉันพูดถูกไหม: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ตอน บทที่ 1266 ที่ฉันพูดถูกไหม จาก ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1266 ที่ฉันพูดถูกไหม คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ ที่เขียนโดย Light-Knight เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เย่เทียนเองไม่เคยคิดมาก่อนว่ามีสักวันหนึ่งจะได้เรียนวิชากลั่นยาแบบดั้งเดิมของสำนักสมัยโบราณ

ถึงแม้ระดับการปรุงยาของเขาไปเกือบจะถึงเขตแดนของปรมาจารย์แล้ว แต่ในการเรียนวิชาเต๋าในระบบยังทำให้เขาได้รับประโยชน์จากมัน แม้กระทั่งตัวเขาเองใกล้จะลืมไปแล้วว่าที่นี่คือแดนแห่งความฝันของหลิงหยุน

เรียนรู้วิชากลั่นยาของสำนักชิงหนังอย่างหมกมุ่นคลั่งไคล้ ด้านวิชากลั่นยาสำหรับเย่เทียนนั้นก็มีความเข้าใจอันใหม่ของตนเอง

ส่วนเวลานี้ ในแดนแห่งความฝันก็ผ่านมาสิบปีแล้ว

เย่เทียนในเวลานี้เป็นช่วงเวลาอันดีที่มีท่วงทีสง่างามและฉลาดเฉียบแหลม รูปร่างสูงชะลูดและหน้าตาหล่อเหลาเหมือนกันกับหลิงหยุนเลย เพียงแค่ไม่มีลักษณะที่นิ่มนวลนิดๆ อันนั้นเท่านั้นเอง

วันนี้ เจ้าสำนักของสำนักชิงหนังเรียกเขามาตรงหน้าแล้ว

“หลิงหยุน เจ้าเป็นนักกลั่นยาที่มีพรสวรรค์ที่สุดที่ข้าเคยเจอมาในชาตินี้ และเป็นโชคดีของสำนักชิงหนังด้วย!”

เจ้าสำนักท่าทางมีแววความรักและเมตตา “วิชากลั่นยาของสำนักชิงหนังเจ้าก็เรียนมาเกือบจะหมดแล้ว สิ่งที่พวกเราสอนให้เจ้าได้ก็ไม่มากแล้ว ที่เหลือมีเพียงอย่างเดียว นี่คือวิชากลั่นยาของยาเทพ!”

“เพียงแต่ว่าวิชากลั่นยาของยาเทพอันนี้มีเพียงเจ้าสำนักถึงพอจะฝึกฝนได้ นี่ก็คือเหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามาในวันนี้”

เจ้าสำนักล้วงตำราหยกม้วนหนึ่งจากในอ้อมอกออกมาแบบสั่นเทา

“นี่เป็นความรู้ที่เจ้าสำนักรุ่นก่อนๆ ของสำนักชิงหนังได้จากการกลั่นยาเทพกัน ถึงแม้ในปัจจุบันนี้นอกจากเจ้าสำนักรุ่นแรกกลั่นออกมาได้สำเร็จแล้วก็ไม่มีใครกลั่นสำเร็จอีกเลย แต่ด้านในล้วนเป็นสติปัญญาและกำลังของพวกเราเจ้าสำนักเหล่านี้ ต่อไปเจ้าจะต้องเก็บรักษาไว้ให้ดี ส่งเสริมให้สำนักชิงหนังเจริญรุ่งเรืองถึงที่สุดนะ!”

หน้าตาเจ้าสำนักมีแววเฝ้าปรารถนา หัวใจของเย่เทียนก็กระตุกทันใด

คนเราไม่ใช่ท่อนไม้ ใครจะไม่มีความรู้สึกได้ล่ะ?

เย่เทียนก็เป็นคนเช่นกัน โดยเฉพาะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกต่อกันด้วย เขามักจะรู้สึกว่าเจ้าสำนักเหมือนมองอะไรออกแล้ว แต่เขายังคงสั่งสอนตนเองอย่างตั้งใจ ตอนนี้ยิ่งส่งต่อตำแหน่งของเจ้าสำนักลงมาให้แล้วด้วย

ความสัมพันธ์ของอาจารย์และศิษย์อันนี้ถึงแม้เป็นสิ่งลวงตาก็หยั่งรากลึกอยู่ในใจเย่เทียนแล้ว

“ข้าทำได้! ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าทำได้ทั้งนั้น!”

เย่เทียนเหมือนไม่ได้สัญญาอะไรทั้งสิ้น แต่นี่กลับเป็นคำมั่นสัญญาใหญ่สุดของเย่เทียน

และน้ำหนักของคำสัญญานี้เหมือนจะมีเพียงตัวเขาเองถึงเข้าใจ

“ฮู้! แบบนี้ข้าก็วางใจแล้ว!”

เจ้าสำนักพูดจบหัวเราะอย่างรักและเมตตา จากนั้นส่ายไม้ปัดเบาๆ นั่งลงไปทั้งตัวอยู่ตรงนั้น ไม่ส่งเสียงอีก

คนเราพอบรรลุเต๋าแล้วก็กลายเป็นเซียน บางทีในสมัยโบราณมีคนบรรลุเต๋าแล้วกลายเป็นเซียนจริงๆ มั้ง เย่เทียนได้เพียงภาวนาประโยคนี้อย่างเงียบๆ

ถึงแม้เขาจะจมอยู่ในแดนแห่งความฝันนี้โดยสมบูรณ์ แต่เย่เทียนไม่เคยลืมเลยว่าที่นี่เป็นเพียงแดนแห่งความฝันฉากหนึ่ง บางทีทุกอย่างล้วนเป็นภาพลวงตา แม้กระทั่งเจ้าสำนัก สำนักชิงหนังล้วนเป็นภาพลวงตา แต่เขากลับเรียนรู้ถึงวิชากลั่นยาอันแท้จริงสุด สัมผัสถึงความรู้สึกรักอย่างลึกซึ้งนั้นของเจ้าสำนัก

เขายินยอมเชื่อว่า ทุกอย่างนี้เป็นความจริงทั้งสิ้น

“เฮ้อ!”

เย่เทียนถอนหายใจยาวๆ จากนั้นเสียงที่ราวกับกระจกแตกดังขึ้น เย่เทียนรู้ชัดเจน ทุกอย่างนี้สิ้นสุดแล้ว

ส่วนในเวลานี้เอง รูปเหมือนที่แขวนไว้ที่โถงใหญ่มาตลอดลืมตาขึ้นมากะทันหัน แสงสีเขียวสายหนึ่งยิงบนตัวของเย่เทียน

อยู่ภายในตานเถียนของเย่เทียน คาดไม่ถึงนกกระเรียนทองแดงตัวหนึ่งค่อยๆ หมุนตามแกนเสมือนขึ้นมา

“นี่......”

“แกจะต้องคิดว่าทุกอย่างนี้เป็นเรื่องหลอกลวงถูกไหม?”

เย่เทียนหมุนตัวฉับพลัน หลิงหยุนกำลังมองเขาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม

“แกคือหลิงหยุน? ไม่ใช่ แกคือความคิดหมกมุ่นช่วงหนึ่งของหลิงหยุน?”

“ถูก และก็ไม่ถูกทั้งหมด!”

“ยาเทพมีลักษณะปาฏิหาริย์จริง แต่มันไม่เพียงแค่หลอมรวมเข้ากับบุคลิกเฉพาะตัวด้านมืดของแกโดยเด็ดขาด!” เย่เทียนมองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง

“ความทะเยอทะยานของแกมันใหญ่มาก ตั้งแต่ต้นจนจบเริ่มจากเข้าสู่สำนักชิงหนังแกก็คิดว่าจะยิ่งใหญ่ขึ้นได้อย่างไร!”

“และแกเป็นไอ้คนที่แสดงละครเก่งมากทั้งยังมีพรสวรรค์อีกด้วย เนื่องจากจุดนี้ ไม่นานแกเลยได้รับวิธีการกลั่นยาเทพมาแล้ว และฆ่าเจ้าสำนักด้วยมือตัวเอง ฉันพูดมาถูกหรือไม่ถูก?”

เย่เทียนยิ่งพูดสายตายิ่งเย็นชา “ทุกอย่างในแดนแห่งความฝันนั้นล้วนเป็นสิ่งที่แกแต่งมันขึ้นมาเท่านั้น เพียงแค่ตอนท้ายแกไม่มีทางแต่งต่อไปอีกได้ นี่ถึงเป็นสาเหตุที่แกต้องหยุดแดนแห่งความฝันลง!”

“คิดไม่ถึงว่าแกจะมองออกแล้ว! เดิมยังคิดว่าแกหลอกได้ง่ายอยู่บ้าง!”

ทันใดนั้นหลิงหยุนหัวเราะเบาๆ ออกมา จากนั้นรอยยิ้มหดหายไปทีละนิด

“แต่นั่นเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย การบูชายัญที่ว่านั้นเป็นแค่วิธีเฉพาะเจาะจงการกลั่นของยาเทพเท่านั้น จุดนี้บนตำราหยกเขียนไว้อย่างชัดเจน! ฉันไม่ได้ทำผิด! พวกนั้นล้วนเป็นการกระทำที่สำนักชิงหนังทุกคนยินยอมเอง!”

“พวกเขาล้วนยอมพลีชีพตัวเองเพื่อกลั่นยาเทพ! ขู่บังคับ? มีการขู่บังคับอะไรที่ไหน! กลั่นยาเทพก็คือความฝันสูงสุดของสำนักชิงหนัง!”

หลิงหยุนดูฉุนเฉียวขึ้นมา ไอสีดำอันเข้มข้นทะลักออกมาจากบนร่างกายของเขาไม่หยุด

“เผยธาตุแท้ออกมาแล้วเหรอ?” เย่เทียนพึมพำอย่างเหยียดหยาม “ถ้าบอกว่าสำนักชิงหนังยินยอมบูชายัญตัวเองเพื่อกลั่นยาเทพแล้วละก็ งั้นทำไมแกต้องเอาพลังส่วนนี้ย้ายมาไว้บนตัวของตัวเองด้วย?”

“แม้กระทั่งไม่เสียดายกลั่นตัวเองเป็นยาเทพอีกล่ะ? หรือว่าเพื่อจะได้ไม่มีวันตาย?”

หลังจากหลิงหยุนได้ยินคำพูดประโยคนี้ก็ยิ่งฉุนเฉียวขึ้นมา “แกหุบปากไปเลย!”

“ให้ฉันหุบปาก? ทำไมฉันต้องหุบปาก?” เย่เทียนหัวเราะเยาะออกมาอย่างเหยียดหยาม

“เพียงแค่ตอนแรกแกคิดไม่ถึงสินะ การบูชายัญนี้มีข้อบกพร่องมากมาย ไม่ว่าหลังจากแกครอบครองยาเทพจะทรงพลังมากแค่ไหน แกก็ไม่มีทางหลุดไปจากแท่นบูชานี้ได้ ดังนั้นแกเลยต้องตรึงตัวเองไว้ในโลกแห่งนี้!”

เย่เทียนยิงฟันหัวเราะออกมาแล้ว “ที่ฉันพูดถูกไหม?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่