ในช่วงเวลานี้ที่รอคอยของส่งเข้ามา เย่เทียนโทรศัพท์หาเฉินหวั่นชิง
“นายยังรู้จักโทรศัพท์มาหา? ในใจนายยังมีครอบครัวนี้อยู่หรือเปล่า!”
พอรับสายโทรศัพท์ เย่เทียนก็โดนตำหนิมาชุดหนึ่งแล้ว
ถึงแม้พูดตำหนิอยู่เต็มปาก แต่ความรู้สึกของเย่เทียนกลับแตกต่างออกไป ในใจมีความหวานชื่นเพิ่มมาระดับหนึ่ง
“ช่วงนี้ยุ่งมากเหรอ?”
“ยุ่ง? นายไม่รู้เหรอว่าฉันยุ่งมากขนาดไหนกัน!” เฉินหวั่นชิงเปิดโหมดบ่นขึ้นทันที
อันดับแรกคือความโด่งดังของยากายภาพทำให้บริษัทแซ่เฉินเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาล อีกอย่างหนึ่งก็คือสำนักขุนเขาที่เย่เทียนสร้างขึ้นที่เขาเสี่ยวหมาง
พูดถึงเรื่องของสำนักขุนเขา เย่เทียนอดคิดถึงสำนักชิงหนังขึ้นมาไม่ได้
แอบถอนหายใจทีหนึ่ง ฟังเฉินหวั่นชิงบ่นแบบน้ำไหลไฟดับอยู่ เย่เทียนเพียงตอบรับไปเสียงเบาๆ คำบ่นของเฉินหวั่นชิงก็ค่อยๆ ลดลงมากแล้ว
“จะต้องระวังอันตรายไว้ด้วย! ฉันรอนายกลับบ้านอยู่ตลอด! คุณปู่ก็เหมือนกัน!”
ทั้งที่เป็นเธอคิดถึงเย่เทียนเอง กลับไม่รู้เพราะอะไรสุดท้ายยังเติมคำพูดประโยคหนึ่งอีก นี่กลับทำให้เย่เทียนเกือบจะหัวเราะออกมา
มีบางครั้งความรักไม่ใช่ความคึกคักเอิกเกริก แต่ทว่าเป็นการพูดจู้จี้ทั่วไป ยิ่งทำให้เย่เทียนมีความรู้สึกของครอบครัว
“ฉันรู้แล้ว เพียงแค่ช่วงนี้ที่หุบเขาหนอนมีบางเรื่องต้องจัดการ รอฉันกลับไปนะ!”
“ได้! ระวังตัวด้วย ต้องการอะไรก็โทรมาหาฉัน รอบด้านเมืองอิงเฉิงมีร้านยาของบริษัทแซ่เฉินอยู่!”
เฉินหวั่นชิงวางสายโทรศัพท์ มองรูปที่เย่เทียนโอบตนเองยิ้มแย้มบนโต๊ะทำงานเธอแล้วอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
เย่เทียนสับสนมาก สุดท้ายโทรศัพท์ไปหาเหลียงเยว่หรูแล้ว
เพียงแต่ตอนนี้เหลียงเยว่หรูยุ่งมาก เรื่องที่ยุ่งก็คือการก่อสร้างที่เขาเสี่ยวหมาง
“รอนายกลับมาจะต้องมีเซอร์ไพรส์ใหญ่อย่างหนึ่งแน่นอน!” เหลียงเยว่หรูพูดจาแบบลึกลับ
“เธออยู่ที่เขาเสี่ยวหมาง? นักพรตเหออยู่ไหม?”
“อยู่สิ!”
ไม่นานเหลียงเยว่หรูยื่นโทรศัพท์ให้นักพรตเหอแล้ว
“ฮัลโหล? เย่เทียน? มีธุระ? ไม่มีอะไรจะวางแล้วนะ!”
เย่เทียน: ......
“มีธุระครับ ผมอยากจะสร้างสำนักแห่งหนึ่งที่เขาเสี่ยวหมาง การออกแบบต้องเปลี่ยนสักหน่อยหรือเปล่าครับ?”
พอนักพรตเหอได้ยินเป็นเรื่องนี้อดพึมพำเสียงเบาๆ ไม่ได้ “เปลี่ยนแบบคงไม่ต้องแล้ว ตอนแรกที่ก่อสร้างเขาเสี่ยวหมางก็คือสร้างขึ้นตามแบบสำนัก เพียงแค่ต้องเพิ่มสำนักอีกสักแห่งก็ได้แล้ว”
“นายคิดจะสร้างสำนักแบบไหนกัน?”
นักพรตเหอถามอย่างสงสัยอยู่บ้าง
“สำนักชิงหนัง!”
เย่เทียนพูดชื่อนี้ออกมาช้าๆ น้ำเสียงจริงจังพอสมควร
ถึงแม้สิ่งที่เขาประสบพบเจอมาเป็นแค่แดนแห่งความฝันของหลิงหยุน แต่ในวันเวลาที่ฝึกฝนนั้นยังมีตัวตนอยู่ในจิตใจของเขาราวกับเป็นความจริง โดยเฉพาะเขาก็เคยสัญญาเอาไว้ จะต้องทำให้สำนักชิงหนังปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ถึงแม้พูดว่าไม่ได้อยู่สถานที่ตั้งเก่าของสำนักชิงหนังนี้ แต่ขอเพียงเย่เทียนยังอยู่ สำนักชิงหนังก็มีโอกาสปรากฏตัวอย่างทรงเกียรติอีกครั้ง
เพียงแต่ผู้สืบทอดคนนี้ยังต้องการเย่เทียนค้นหาอย่างอดทน ดีที่จุดนี้ไม่ได้รีบร้อน
แผนการไม่ได้เปลี่ยนแปลงเร็วนัก เดิมทีเย่เทียนเพียงอยากสร้างสถานที่ฝึกฝนสักแห่งที่เขาเสี่ยวหมาง ใครจะคิดว่าเดินทางมาหุบเขาหนอนครั้งหนึ่งคาดไม่ถึงเขาได้รับผลประโยชน์แบบนี้
“ได้! เรื่องของเขาเสี่ยวหมางนายไม่ต้องเป็นห่วง ให้ฉันจัดการก็พอแล้ว!”
นักพรตเหออาจจะเป็นเพราะความเคยชิน จึงวางสายโทรศัพท์ไปโดยตรง จากนั้นหันหน้ามาก็มองเห็นเหลียงเยว่หรูถลึงตาใส่เขาอย่างดุร้าย
“คือว่า เหมือนจะกดวางสายไปแบบไม่ตั้งใจแล้ว!”
นักพรตเต๋ารู้สึกถึงแรงอาฆาตอันเข้มข้น จากนั้นรีบฝืนยิ้มออกมานิดๆ “คือว่าทางนั้นยังมีธุระต้องไปจัดการอยู่หน่อย ฉันไปดูก่อนนะ!”
พูดจบเขาหมุนตัวแล้วหนีไป เดิมทีไม่ให้โอกาสเหลียงเยว่หรูได้อารมณ์เสียใส่ ทำเอาเหลียงเยว่หรูโมโหจนได้แต่กระทืบเท้าอย่างแรง
การกระทำของอินเจิ้งไวมาก ไม่นานนักก็พาคนนำของกองโตเข้ามาแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่