ถูฮุยเมาอยู่บ้างแล้ว
แต่ว่าก่อนหน้าที่จะพูดจาเพ้อเจ้อยังตบเฉิงชิ่งที่ขี้นินทาจนสลบแล้ว
“ฉันเชื่อคนที่ปิดปากเงียบแบบนาย แต่เขาไม่ไหว!”
เย่เทียนไม่ได้พูดอะไรแสดงว่ายอมรับแล้ว ถึงแม้มีบางครั้งเฉิงชิ่งจะคบหาง่ายมากก็จริง แต่นั่นไม่ใช่ตอนที่โรคคิดว่าตนเองเก่งไปทุกเรื่องกำเริบขึ้นแล้วมักจะทำให้คนรู้สึกไม่ไว้ใจ นี่ไม่รู้ว่าฉายาของเฉิงชิ่งได้มาอย่างไรกัน
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอีกสักพักหนึ่งฉันจะอยู่ที่เขาเสี่ยวหมางของเมืองเจียงหนัน ที่นั่นวิวงดงาม เหมาะกับการฝึกฝนพอดี”
“ฉันรู้แล้ว! ฉันจะพยายามรีบกลับมาจากโลกบู๊โบราณให้ไว”
ถูฮุยสูดหายใจลึกๆ จากนั้นดื่มเหล้าในแก้วหมดในทีเดียว
“ครั้งนี้มาฆ่านายก็เพื่อยาเม็ดหนึ่ง แต่ตอนนี้ดูแล้วไม่จำเป็นแล้ว เทียบกันกับคนเสแสร้งพวกนั้นฉันสนใจนายมากกว่า!”
“ฉันไปแล้ว! จะรีบกลับมาไวๆ!”
เย่เทียนไม่ได้พูดอะไร แต่ว่ามองถูฮุยกระโดดไปไม่กี่ทีก็หายไปในแสงจันทร์อันสุดลูกหูลูกตา
รอตอนที่เฉิงชิ่งนวดคอที่ทั้งปวดทั้งบวมของตนเองก็บ่นออกมาทันที
“เชี่ยเอ๊ย! คาดไม่ถึงแอบโจมตี! ถูฮุยแอบโจมตีฉัน? ไอ้หมอนี่ยังเป็นสัตว์ป่าตัวนั้นอยู่เหรอ?”
เย่เทียนมองเขาทีหนึ่ง “มีบางครั้งใจของสัตว์ป่าอ่อนกว่าคนมากเลย!”
“ทำไม? นายมีข่าวพิเศษสุดอะไรใช่ไหม? รีบเล่ามาหน่อย!” ท่าทางเฉิงชิ่งมีแววขี้นินทา ท่าทางแบบนี้ทำให้เย่เทียนมองจนอยากต่อยเขาสักหมัดใจแทบขาด
“นายแน่ใจว่าอยากจะฟัง?” เย่เทียนมองเฉิงชิ่งด้วยหน้าตายิ้มเยาะ
เฉิงชิ่งนึกขึ้นมาได้ทันใดว่าถูฮุยเป็นคนอย่างไร อยู่ต่อหน้าเย่เทียนถูฮุยจะปฏิบัติตัวแบบเพื่อน แต่อยู่ทางเขานั้น หึๆ
ถ้าเขาได้ยินอะไรเข้าจริง เดาว่าถึงตอนนั้นคงตายแบบดูแย่เอามากๆ
ทันใดนั้นตัวสั่นเทา “ช่างเถอะ ฉันยังไม่ฟังดีกว่า!”
พูดจบเขาหาวออกมาทีหนึ่ง “มีเรื่องอยากคุยกับนายหน่อย พรุ่งนี้ฉันต้องกลับไปแล้ว!”
รายละเอียดคือกลับไปที่ไหนย่อมไม่ต้องพูดละเอียด เย่เทียนนึกออกได้เช่นกัน เพียงแต่เขาสงสัยอยู่บ้างว่าทำไมเฉิงชิ่งมาพูดเรื่องพวกนี้กับเขา
“ตระกูลเฉิงจะให้ความร่วมมือกับการเคลื่อนไหวของนาย วางใจได้ ตระกูลเฉิงของฉันเป็นมิตรกับนายแน่นอน จุดนี้ฉันหวังว่านายจะเข้าใจได้” เฉิงชิ่งพูดจบมองเย่เทียนด้วยสายตาอันซับซ้อนแล้ว
“ตอนนี้ท่าทีของโลกบู๊โบราณที่มีต่อนายนั้นฉันไม่ค่อยแน่ใจ แต่คิดว่าคงมีหลายคนกว่าเดิมมาหานาย สู้ๆ พัฒนาตัวเองขึ้นแล้วกัน ฉันจะรอนายอยู่ที่โลกบู๊โบราณ!”
เย่เทียนเบ้ปากแล้ว
“ไม่ต้องพูดจาแบบจะล้มหายตายจากกันขนาดนี้สิ โดยเฉพาะฉันแกร่งกว่านาย! อย่าให้ตอนที่ฉันไปโลกบู๊โบราณต้องไปเก็บศพนายแล้วกัน!”
เฉิงชิ่งมองค้อนตาอย่างแรง เจ้าหมอนี่ดูขึ้นมาเหมือนสุภาพอ่อนโยน แต่พูดจาช่างใจร้ายเหลือเกิน
“ฉันเตรียมเหล้าไว้ให้นายแล้ว เดี๋ยวให้เขาไปเอา ไปล่ะ!”
เฉิงชิ่งโบกมือลา หมุนตัวออกไปอย่างสง่างาม
เย่เทียนมองด้านนอกแวบหนึ่งแล้ว พบเจอและแยกจากเดิมเป็นเรื่องปกติ ยิ่งไปกว่านั้นระหว่างเขากับเฉิงชิ่งก็พูดไม่ได้ว่าเป็นมิตรภาพอันบริสุทธิ์อะไร แต่ที่ไม่อาจปฏิเสธคือ เฉิงชิ่งเพื่อนคนนี้เขายอมรับแล้ว
“ฮู้!”
เย่เทียนถอนหายใจยาวๆ ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจทีหนึ่ง จากนั้นหัวเราะแล้วเดินออกมา
นานาโกะยังคงอยู่ในห้องลับไม่ได้ออกมา แต่ทุกวันเย่เทียนจะไปตรวจดูรอบหนึ่ง สัมผัสสัญญาณชีพของเธอสักหน่อยแล้วปล่อยเธอฝึกฝนต่อไป
พรสวรรค์ที่เกี่ยวกับนานาโกะเย่เทียนไม่ได้สงสัยสักนิด ถ้านานาโกะฟื้นขึ้นมาตอนนี้กลับจะทำให้เขารู้สึกแปลกใจแล้ว
“นายพลเย่! กองกำลังพิเศษรวมตัวเรียบร้อยแล้วครับ!”
เย่เทียนพยักหน้าให้ เวลานี้ยี่สิบคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขาก็เป็นสมาชิกทั้งหมดของกองกำลังพิเศษแห่งเมืองอิงเฉิง
เมื่อเทียบกับครั้งก่อน หลังจากผ่านการพังทลายสำนักมังกรดำน้ำภารกิจครั้งนี้มาแล้ว คนกลุ่มนี้เปลี่ยนไปถึงที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่