แรงกดดันอันมหาศาลทำให้เท้าทั้งสองของเหลิ่งฉิงโฉวจมสู่ในพื้น
“แก๊กๆ!”
เหลิ่งฉิงโฉวจ้องเย่เทียนอย่างโหดร้าย ในที่สุดเขาก็ประมาทเสียแล้ว
วิธีการโจมตีของเขาใช้ความเฉียบไวเป็นหลักมาโดยตลอด ถ้าเกิดจะต้องปะทะฝีมือกันขึ้นมาจริงๆ เขาย่อมเสียเปรียบแน่
ส่วนภายใต้พลังหมัดที่มาพร้อมแรงกดดันมากมายนี้ของเย่เทียน เดิมทีเขาไม่มีทางสำแดงความเฉียบไวของตนเองออกมาได้ ได้เพียงฝืนต้าน สำหรับเขาแล้วนี่คือการตกอยู่ในกับดักของอีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย
“แยก!”
ร่างกายเหลิ่งฉิงโฉวสั่นไหวทันใด คาดไม่ถึงแยกจากหนึ่งเป็นสองก่อนจะปรากฏตัวที่ด้านหน้าเย่เทียน
ซ้ายคนขวาคน ถึงแม้ความเร็วยังเชื่องช้าอยู่บ้าง แต่นิ้วมือที่มาพร้อมพลังปราณอันดุร้ายพุ่งตรงไปทางใบหน้าของเย่เทียน กลายเป็นลักษณะที่โจมตีขนาบข้างแล้ว
อยู่ภายใต้กับดักที่เย่เทียนตั้งใจวางไว้แล้วยังพอจะมีความเร็วในการตอบสนองเช่นนี้ได้ เหลิ่งฉิงโฉวยังมีของอยู่มากทีเดียว
หมัดของเย่เทียนเดี๋ยวซ้ายเดี๋ยวขวา ปะทะด้วยกันกับนิ้วมือของเหลิ่งฉิงโฉวไปโดยตรง จากนั้นภาพคนทั้งสองของเหลิ่งฉิงโฉวก็กลายเป็นไอสีดำลอยหายไปในอากาศ
“ฮู้!” ในมือเหลิ่งฉิงโฉวดึงร่างกายของซือหม่ามู่หยางเอาไว้ ราวกับลากศพอยู่เลย
หลังจากปล่อยมือออก ซือหม่ามู่หยางมองท้องฟ้าแบบดวงตาไร้สติ
“เจ้าสำนักเย่ ดูแล้วฉันดูถูกนายมาตลอดเลย!” อารมณ์ของเหลิ่งฉิงโฉวไม่ดีเอามากๆ
เดิมทีคิดว่าสยบเย่เทียนเป็นแค่เรื่องที่ง่ายดาย และจะได้รับเส้นลมปราณทิพย์มาแบบสบายๆ พอเป็นแบบนี้ยังสามารถทำให้แดนของเขาขึ้นไปอีกชั้นได้ด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ชี่ทิพย์ฟื้นคืนมา โชคดีมีอยู่ทั่วทุกที่ ไม่แน่ว่านี่ก็คือโอกาสดีของตนเองล่ะ?
แต่ตอนนี้ดูแล้ว ทุกอย่างที่ตนเองวางแผนมาอย่างลำบากล้วนถูกเย่เทียนทำพังแล้ว ไม่เพียงแค่นี้ ยังทำลายศักดิ์ศรีของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอีกด้วย น่ารังเกียจถึงที่สุด
“ผู้อาวุโสเหลิ่ง ไม่ต้องพูดไร้สาระมากขนาดนั้นหรอก จะสู้ก็สู้ได้แล้ว!”
เย่เทียนพูดจบมองซือหม่ามู่หยางที่นอนอยู่บนพื้นแบบไม่ขยับเขยื้อนแวบหนึ่ง “น่าเสียดายที่วันนี้หัวหน้าซือหม่าต้องตายแน่ ฉันบอกแล้วไง!”
“หึๆ เย่เทียน ฉันยอมรับว่านายมีความสามารถอยู่บ้าง แต่คิดจะฆ่าคนต่อหน้าฉัน เหมือนว่านายยังอ่อนหัดไปหน่อย!”
เหลิ่งฉิงโฉวฝึกฝนมาหลายปี ยังมีลูกไม้อยู่มาก
ก็เหมือนกันกับวิชาแยกร่างเมื่อสักครู่นี้ คนหมื่นคนฝึกฝนอาจจะมีหมื่นวิธีบรรลุ
เมื่อสักครู่เงาดำสองร่างนั้นล้วนเป็นของปลอม ส่วนแรงโจมตีเดิมทีไม่คุ้มค่าให้พูดถึง เดาว่าแม้เย่เทียนจะไม่ได้ป้องกันสักนิดเดียว ถึงถูกตีโดนผิวหนังก็อาจจะไม่บาดเจ็บเลย
ประเด็นสำคัญที่สุดคือลักษณะพลังอันนั้น
อยู่ภายใต้การเพิ่มขึ้นของลักษณะพลังนั้น ไม่ว่าเป็นใครระหว่างที่รีบร้อนล้วนจะปล่อยให้เงาโจมตีตนเองได้ง่ายๆ และนี่ก็คือวิธีที่เขาหลบออกมา
ความสามารถเอาชีวิตรอดเขาย่อมมีเป็นธรรมดา ความสามารถป้องกันตัวก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
บีบไพ่หยกจนแหลก แสงสีขาวแทรกเข้าในร่างกายของซือหม่ามู่หยาง
หลังจากที่แสงสีขาวแทรกเข้าไป ในที่สุดดวงตาของซือหม่ามู่หยางมีความรู้สึกสดใสอยู่บ้าง เส้นลมปราณที่ยุ่งเหยิงอยู่ในร่างกายเขานั้นกลับมาดีขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้การฟื้นฟูของแสงสีขาว
“ไพ่หยกเกิดใหม่? นี่คือไพ่หยกเกิดใหม่สินะ! ฉันไม่ได้ดูผิดมั้ง!”
ท่ามกลางสมาพันธ์นักบู๊โบราณมีเสียงร้องตกใจลอยมาเป็นระลอก
“ไม่เสียแรงเป็นคนที่มาจากสำนักใหญ่ ของดีในมือมากจริงๆ นะ! ผู้อาวุโสเหลิ่งใจกว้างมาก!”
ในสมาพันธ์นักบู๊โบราณมองเห็นเหลิ่งฉิงโฉวไม่เสียดายที่จะใช้ไพ่หยกเกิดใหม่มาช่วยชีวิตซือหม่ามู่หยางเอาไว้ ด้านสภาพจิตใจจึงเกิดความเปลี่ยนแปลง
แต่ว่าสามเซียนตงเหอที่ถูกคนดูแลอยู่ด้านข้างกลับส่งเสียเยาะเย้ยออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ
พวกเขาล้วนสู้สุดกำลังเพื่อสมาพันธ์นักบู๊โบราณ แต่สุดท้ายล่ะ? มีเพียงไม่กี่คนดูแลเท่านั้น แต่ทว่านี่ทำให้การตัดสินใจที่พวกเขาต้องบากหน้าไปพึ่งพาเย่เทียนแน่วแน่ขึ้นแล้ว อย่างน้อยสิ่งที่เย่เทียนมอบให้พวกเขาคือผลประโยชน์ของจริง ยิ่งทำให้คนชื่นชอบมากกว่าความรู้สึกจอมปลอมแบบนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่