“ดี! ทั้งสำนักชิงหนัง! ทั้งเจ้าสำนักเย่!”
เหลิ่งฉิงโฉวสูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง สุดท้ายตะโกนเสียงดังออกมา จากนั้นทำเสียงเชอะอย่างเย็นชา สะบัดแขนเสื้อแล้วกลับไป
เวลานี้คนของสมาพันธ์นักบู๊โบราณล้วนงุนงงพอสมควร แต่สิ่งที่เพิ่มมาในใจมากขึ้นคือเกิดความหวาดกลัวต่อเย่เทียน
ช่วงเริ่มแรกพวกเขาเข้ามาเพื่อแบ่งผลประโยชน์ส่วนหนึ่งเกี่ยวกับเส้นลมปราณทิพย์ แต่ตอนนี้ดูแล้ว พวกเขาไม่เพียงไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ กลับไป แต่ทว่ายังหาเรื่องเย่เทียนศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้เข้าแล้ว เห็นชัดว่าได้ไม่คุ้มเสียเท่าไร
“ของขวัญมีค่าของทุกท่านในวันนี้ สำนักชิงหนังต้องมอบคืนให้เป็นร้อยเท่าแน่นอน!”
เสียงหัวเราะของเย่เทียนดังอยู่ในหูของทุกคน
วินาทีนี้แม้แต่คนโง่ยังรู้ว่าสิ่งที่เย่เทียนพูดมาคือการประชด ในเมื่อพวกนายกล้ามาหาเรื่อง งั้นก็เตรียมพร้อมรับการแก้แค้นของเย่เทียนไว้ให้ดี
คนโหดไม่ธรรมดาที่แม้แต่ซือหม่ามู่หยางบอกว่าจะฆ่าก็ฆ่าทิ้ง การแก้แค้นของคนแบบนี้พวกเขาสำนักไหนพอจะต้านทานไหวบ้าง?
ไม่ต้องสงสัยสักนิด ตอนนี้ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาก็คือเหลิ่งฉิงโฉว
แต่เวลานี้เหลิ่งฉิงโฉวกลับไม่มีทางพูดข่มขู่อย่างโหดร้ายสักคำเดียว ขายหน้าแล้ว ตอนนี้ยิ่งพูดมากยิ่งเป็นการทำให้คนอื่นเยาะเย้ยเท่านั้น
“ยินดีด้วย!”
เฝิงเจิ้นเหอทำมือเคารพให้แก่เย่เทียน
“เรื่องสนุกเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเอง! สำนักชิงหนังไม่ใช่พวกอ่อนแอ พวกเขาหาเรื่องแล้วอยากหนีไปกัน บนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องได้เปรียบขนาดนี้หรอก!” เย่เทียนหัวเราะเบาๆ “นายพลเฝิง มีบางเรื่องก็ต้องเพิ่มความเร็วให้ไวขึ้นอีก การฟื้นคืนชี่ทิพย์ไม่ว่าสำหรับใครแล้วล้วนเป็นโอกาสยิ่งใหญ่ทั้งนั้น”
“ถ้าควบคุมไม่ได้ เป็นไปได้มากว่าจะสูญเสียทุกอย่าง!”
เย่เทียนไม่ได้พูดถึงปัญหาข้อนี้มากนัก
เขาเชื่อว่าประเทศจะต้องรู้ข่าวเกี่ยวกับแดนลึกลับสักอย่างแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ปล่อยออกมาตอนนี้คงน่าจะกังวลบางส่วน
แต่ที่เขายืนยันได้คือต้องไป โอกาสแบบนี้ไม่ว่าผู้ฝึกฝนนักบู๊คนใดล้วนจะไม่พลาดทั้งนั้น
รอยยิ้มบนหน้าของนักพรตเหอไม่เคยหยุดนิ่งเลย
“สะใจ! วันนี้ช่างสะใจจริงๆ เลย!”
นักพรตเหอยิ้มจนหรี่ดวงตาแล้ว ตบหน้าอกของตนเองไม่หยุด ใช้วิธีนี้มาระบายอารมณ์ดีใจในใจของตนเอง
โดยเฉพาะเมื่อเห็น“เพื่อนเก่า”ในสมาพันธ์นักบู๊โบราณเหล่านั้นแต่ละคนต่างกลับไปอย่างหงอยเหงาเศร้าสร้อย ความอัดอั้นที่เขาได้รับมาหลายปีนี้ก็หายเกลี้ยงไปในชั่วพริบตา
“ผมจะให้พวกเขารู้ว่าจุดจบที่มาล่วงเกินสำนักชิงหนังมันน่าเศร้ามากแค่ไหน”
ในสายตาเย่เทียนปรากฏแสงเย็นเฉียบนิดๆ ขึ้นฉับพลัน
ถูฮุยฟื้นแล้ว ร่างกายยังคงอ่อนแออยู่บ้าง บนหน้าก็มีรอยแผลเป็นเพิ่มอีกรอย
เดิมทีเย่เทียนอยากจะใช้ยาทาลบรอยมันทิ้งไป แต่ถูฮุยกลับห้ามเขาไม่ให้ทำ
“นี่คือบทเรียนอันหนึ่ง ถ้าตอนนั้นฉันไม่ได้ประมาทขนาดนั้นอาจจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!” ถูฮุยหัวเราะแล้ว เพียงแค่มีรอยแผลอันนี้ทำให้รอยยิ้มของเขาดูดุร้ายและน่าสยองขวัญพอสมควร
“ตอนนี้ในใจฉันความโกรธมันอัดแน่นอยู่ เจ้าสำนัก มีแผนการอะไรหรือเปล่า?”
เย่เทียนยืนอยู่หน้าประตูมองลานกว้างทางด้านนอกที่เงียบงันอยู่บ้าง “ในเมื่อฉันได้พูดออกไปแล้ว พวกเขาก็น่าจะเตรียมป้องกันบางส่วน”
“สามวันต่อไปนี้พวกเราหยุดรอจังหวะบุกโจมตี อีกสามวันค่อยเริ่มจากสำนักซ่วนเฮ่อกันเถอะ!”
ในใจเย่เทียนมีแผนการตั้งแต่แรกแล้ว และเหตุผลที่กำหนดให้เป็นสำนักซ่วนเฮ่อก็เพราะข่าวที่สามเซียนตงเหอส่งมาให้
สำนักซ่วนเฮ่อเมื่อเทียบกับสำนักอื่นๆ ที่ตั้งยังค่อนข้างห่างไกล ดังนั้นตอนนี้สำนักอื่นๆ จึงสามารถรวมตัวร่วมผ่านช่วงลำบากไปได้ แต่สำนักซ่วนเฮ่อกลับได้เพียงอยู่โดดเดี่ยวลำพัง
คาดว่าในใจคงคิดว่าทำผิดแล้วจะไม่โดนลงโทษ คิดว่าเย่เทียนจะไม่ไปหาพวกเขา
แต่ถึงพวกเขานอนฝันก็คงคิดไม่ถึงว่าในสมาพันธ์นักบู๊โบราณที่ดูเหมือนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันยังมีไส้ศึกด้วย!
ถูฮุยนวดหมัดของตนเอง รอยยิ้มที่มุมปากยิ่งดุร้ายขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่