ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 1346

“ผมคนนี้แต่ไหนแต่ไรเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น ถ้าวันนี้ผมไม่ได้ของไป งั้นก็ดูว่าสมบัติของตระกูลฉีมากมายแค่ไหน!”

เวลานี้ผู้อาวุโสเหล่านั้นของตระกูลฉีในที่สุดก็ลนลานแล้ว

เจ้าดวงซวยคนนั้นที่โดนระเบิดไปเมื่อสักครู่ยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำอยู่เลย ใครจะกล้ารับประกันว่าเป้าหมายการโจมตีครั้งต่อไปของเย่เทียนจะไม่ใช่ตนเอง? ในใจหวาดกลัวต่อการมีอยู่ของเย่เทียน ยิ่งตอนนี้ได้ยินคำสาบานโหดร้ายแบบนี้ของเย่เทียน พวกเขายิ่งโน้มเอียงไปทางเสียทรัพย์เลี่ยงหายนะ

ในใจรู้สึกเคียดแค้นต่อฉีเจิ้นกับฉีหยู่เหิงแล้วด้วย

ถึงแม้เรื่องที่จัดการสำนักชิงหนังนี้ดูขึ้นมาสามารถได้รับผลประโยชน์ส่วนหนึ่ง แต่ตอนนี้ดูแล้ว ผลประโยชน์ส่วนนี้รวมทรัพย์สินของตนเองเข้าไปด้วยแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาใครๆ ก็นึกไม่ถึงทั้งนั้นว่าเหลิ่งฉิงโฉวที่ประวัติและเบื้องหลังใหญ่ขนาดนั้น เป็นยอดฝีมือมากขนาดนั้น คาดไม่ถึงแม้แต่สำนักเล็กที่เพิ่งสร้างขึ้นแห่งหนึ่งยังควบคุมไม่อยู่ ตอนนี้กลับต้องโดนแว้งกัดแทน!

“ถ้าให้ฉันรู้ว่าเป็นใครเปิดโปงความลับของตระกูลฉีไป ฉันจะต้องถลอกหนังคนนั้นด้วยมือตัวเองแน่!”

ฉีเจิ้นกำหมัดแน่นมาก แม้กระทั่งเพราะขาดเลือดจึงดูซีดขาวพอสมควร แต่บนหน้ากลับยังมีรอยยิ้มอันเป็นมิตร อดกลั้นต่อไป

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ย่อมจะไม่ให้เจ้าสำนักเย่เสียเปรียบอยู่แล้ว!”

เสียเปรียบสองคำนี้เขาจงใจเน้นหนักมาก

เย่เทียนชายตามองเขาแวบหนึ่ง “ถ้าเจ้าบ้านฉีรู้สึกว่าไม่พอใจอยู่บ้าง ผมสามารถไปเอาด้วยตัวเองได้เลย ผมคนนี้นะ ต้อยต่ำชีวิตไม่มีค่าเท่าไร เทียบกับลูกหลานตระกูลชั้นสูงอย่างทุกท่านไม่ได้ ดังนั้นได้แค่มือไวหน่อย”

“ไม่กล้าครับ”

ฉีเจิ้นถลึงตาใส่ฉีหยู่เหิงอย่างเคียดแค้นแวบหนึ่ง รีบร้อนให้คนไปนำของที่เย่เทียนต้องการออกมา กลัวว่าเย่เทียนจะพูดอะไรที่ปลุกปั่นออกมาอีก

“อืม! ดีมาก!”

เย่เทียนสะบัดแขนเสื้อ นั่งลงหน้าโต๊ะน้ำชาของฉีหยู่เหิงไปโดยตรง หยิบแก้วชาขึ้นมาจิบอึกหนึ่ง “พี่หยู่เหิงก็รสนิยมดีนะเนี่ย! ชาน้ำค้างหยกของดั้งเดิม หาได้ยากมากนะ!”

ฉีหยู่เหิงหนังศีรษะชา เหลือบตามองเย่เทียนแบบระวัง จากนั้นรีบเอ่ยปากบอกว่า “ถ้าเจ้าสำนักเย่ชอบ ผมจะให้คนส่งไปให้หน่อยครับ”

“งั้นก็ช่างดีเหลือเกินเลย! พี่หยู่เหิงไปหาถึงสำนักอีกครั้ง ผมจะต้องต้อนรับด้วยความเคารพแน่ครับ!”

ฉีเจิ้นจะโกรธแทบบ้าแล้ว ไปเหรอ? ยังแม่งกล้าไปอีกเหรอ? เชื่อหรือไม่ว่าเย่เทียนเขาจะมาอีกครั้งหนึ่ง

ตอนนี้ฉีเจิ้นก็มองเห็นเจตนาของเย่เทียนแจ่มแจ้งแล้ว เจ้าหมอนี่คือพวกที่หน้าไม่อายคนหนึ่ง ประเด็นสำคัญคือคนอื่นเขามีความสามารถ ถึงแม้เขารู้ว่าเย่เทียนกำลังเที่ยวมาก่อกวน เขาก็อดกลั้นอย่างเชื่อฟัง แม้แต่คำพูดเหลวไหลสักประโยคยังไม่กล้าพูดมาก

สิ่งของที่เย่เทียนต้องการไม่นานก็ถูกส่งมาถึงในมือของฉีเจิ้นแล้ว

ฉีเจิ้นถืออาวุธเก็บของในมือไว้ด้วยความปวดใจ นี่เป็นสมบัติของตระกูลฉีเก็บมาห้าสิบปี สูญเสียพวกนี้ไป สามารถพูดได้ว่าฐานรากตระกูลฉีของเขาล้วนถูกสั่นคลอนแล้ว

ไม่มีวัสดุพวกนี้ ต่อไปตระกูลฉีของเขาอยากจะได้คนที่มีความสามารถอะไรแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีก

ยิ่งเป็นผู้ฝึกฝนยิ่งเข้าใจความสำคัญของทรัพยากร ตระกูลฉีไม่มีสมบัติหายากพวกนี้แล้วจะเอาอะไรไปแลกซื้อวัสดุ? หรือว่าอาศัยหินทิพย์ไปซื้อเอาเหรอ? อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย

หินทิพย์สำหรับผู้ฝึกฝนโลกข้างนอกแล้วเป็นของหายากจริงๆ แต่สำหรับผู้ฝึกฝนโลกบู๊โบราณที่แท้จริงนั้นไม่ถือว่าสำคัญอะไรทั้งนั้น ยิ่งเหมือนเงินตราอย่างหนึ่งเท่านั้น ของล้ำค่าแท้จริงส่วนมากคือสิ่งของที่ถูกแลกเปลี่ยน ส่วนหินทิพย์สามารถซื้อของดีอะไรได้กัน

น่ารังเกียจ! ช่างน่ารังเกียจ!

เย่เทียนกวักมือเบาๆ อาวุธเก็บของลอยมาอยู่ในมือของเขาแล้ว

เรื่องที่ทำให้ฉีเจิ้นโมโหยิ่งกว่าคือเย่เทียนตรวจสอบอย่างจริงจังแบบคาดไม่ถึง นี่คือไม่ไว้ใจเขามากแค่ไหนกัน ถ้าเขากล้าหาญเอาของปลอมอะไรออกมา ด้วยนิสัยอย่างเย่เทียนแล้ว วันนี้ตระกูลฉีอาจจะต้องโดยฆ่าอย่างอนาถเลยมั้ง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่