“ความสัมพันธ์ยังไงฉันไม่รู้ แต่ดูจากท่าทีของพวกเขาที่มีต่อคุณแล้ว น่าจะเป็นพันธมิตร”
ถูฮุยหรี่ตา “สามารถกล่าวได้ว่าสำนักตงฝูเป็นสำนักใหญ่ แต่สำนักเฉิงเทียนกลับเป็นสำนักที่ลึกลับมาก โดยปกติผู้พิทักษ์บางส่วนจะมีคนของสำนักเฉิงเทียนเป็นผู้ดูแล อีกอย่างคนในสำนักนี้ก็มีไม่มาก แต่ทุกคนต่างก็แข็งแกร่งมาก!"
“คุณหมายถึงหลี่ชื่อหาวแข็งแกร่งกว่าเหลิ่งฉิงโฉวเหรอ?
ถูฮุยขมวดคิ้ว สุดท้ายก็ส่ายหัว “เปรียบเทียบยาก"
“ที่ผ่านมาคนของสำนักเฉิงเทียนนั้นลึกลับมาก และวิธีการโจมตีของพวกเขานั้นก็ลูกเล่นเยอะ กระทั่งทำให้คนอื่นเดาใจไม่ถูก”
“ฉันไม่เคยประลองฝีมือกับคนของสำนักเฉิงเทียน แต่ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาเป็นเหมือนคนที่สามารถควบคุมชะตาฟ้าได้” หลังจากถูฮุยพูดจบก็เหลือบมองเย่เทียน “ก็เหมือนกับชื่อสำนักของพวกเขา เฉิงเทียน สืบทอดชะตาฟ้า จัดการได้ยาก”
“ฟังคุณพูดแบบนี้แล้วทำให้ผมรู้สึกยิ่งสนใจมากขึ้น”
เย่เทียนแตะคางของตนเอง
ชะตาฟ้าสรุปคืออะไรเย่เทียนก็อยากรู้เหมือนกัน แต่ว่าหลังจากผู้สังเกตการณ์ปรากฏตัวเขารู้สึกได้ถึงชะตาฟ้าสิ่งนี้ก็ควรจะปรากฏด้วย แต่จะถูกคนควบคุมหรือเปล่ามันก็พูดยากนะ
หลี่ชื่อหาวคนนี้มองแวบแรกก็รู้ไม่ได้มาดีแน่ หลังจากประลองฝีมือแล้วก็คงมีคำตอบอย่างแน่นอน
“อย่าพึ่งไปสนใจเขา ณ.ตอนนี้คือเรื่องการแข่งขันเข้ารอบ คราวนี้ผมอยากจะดูว่าเหลิ่งฉิงโฉวสามารถทนได้ถึงเมื่อไหร่”
“ทางที่ดีเขาควรจะลงมือ ผมจะได้ฆ่าเขาที่แดนลึกลับอย่างมีเหตุมีผล”ดวงตาเย่เทียนมีแสงแห่งความเย็นชา
ตระกูลบู๊โบราณเหล่านั้นไม่ใช่เป้าหมายของเย่เทียนเลย ตั้งแต่ต้นจนจบเป้าหมายของเขาก็คือเหลิ่งฉิงโฉว
เพียงแต่เจ้าหมอนี่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เย่เทียนจำเป็นต้องพินิจพิจารณาสักพักเพื่อยืนยันว่าตนเองสามารถที่จะฆ่าเขาได้ไหม และตอนนี้เขาก็เตรียมตัวได้พอประมาณแล้ว
ขอเพียงเหลิ่งฉิงโฉวให้โอกาส เขาตายแน่นอน!
ถ้าเป็นคำพูดที่ออกจากปากของเย่เทียน ถ้างั้นก็จำเป็นต้องประสบความสำเร็จ! พลาดไม่ได้แม้แต่คนเดียว!
วันรุ่งขึ้น อากาศแจ่มใส ลมพัดเย็นสบาย และการแข่งขันเข้ารอบที่เฝ้ารอคอยก็เริ่มต้นขึ้น
แต่ว่าการแข่งขันเข้ารอบครั้งนี้เป็นเพียงบุคคลธรรมดาทั่วไปเท่านั้น รายชื่อคนภายในที่เข้าสู่แดนลึกลับจริงๆมีไม่น้อย เพียงแต่เรื่องนี้ต่างก็ไม่มีใครพูดถึง
แม้ว่าจะเป็นการคัดเลือกโดยส่วนรวม แม้แต่ผู้ที่บำเพ็ญฝึกฝนเองก็อาจสามารถได้รับโอกาสนี้
แต่พลังที่สำคัญยังคงเป็นพันธมิตรนักบู๊โบราณกับกองกำลังพิเศษที่นำโดยเหลิ่งฉิงโฉว
สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายช่วงชิงไม่เพียงแค่โอกาสที่จะเข้าสู่แดนลึกลับ แต่เป็นชื่อเสียงและหน้าตาของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้ามยังมีเย่เทียนปราบปราม เห็นได้ชัดว่าถูกกำหนดแล้วนี่ต้องมาพร้อมกับการต่อสู้ที่ทะเยอทะยาน
“ทุกคนเป็นนักบู๊ ดังนั้นคำพูดที่ไม่จำเป็นผมจะไม่พูด” เฝิงเจิ้นเหอยืนอยู่บนเวที
“ครั้งนี้เป็นช่วงเวลาทดสอบประสิทธิภาพการต่อสู้ของกองกำลังพิเศษ นอกจากนี้ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อเข้าร่วมกองกำลังพิเศษ หรือเข้าร่วมสำนักนักบู๊ เรื่องนี้ผมขอแสดงคำอวยพรอย่างจริงใจต่อพวกคุณ สวรรค์จะไม่ทำให้คนที่ตั้งใจผิดหวังแน่นอน และเชื่อว่าพวกคุณจะคว้าโอกาสนี้ให้ได้”
พูดไปตามมารยาทเท่านั้นแหละ สำหรับเฝิงเจิ้นเหอเขาอยากพูดอะไรก็จะพูดโดยไม่มีการเตรียม
“สุดท้ายผมขอเน้นหน่อย ในเมื่อเป็นแค่การแข่งขันคัดเลือก ยังไงสิ่งสำคัญคือการกระชับมิตร มิตรภาพมาเป็นอันดับหนึ่ง การแข่งขันเป็นอันดับสอง!” หลังจากเฝิงเจิ้นเหอพูดจบด้านล่างก็มีเสียงปรบมือดังสนั่น สำหรับคนเหล่านี้คิดยังไงนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เหลิ่งฉิงโฉวกับเย่เทียนอยู่ห่างกันเพียงแค่สิบก้าวเท่านั้น จึงสามารถพูดได้ว่าอยู่ใกล้แค่เอื้อม
เย่เทียนเหลือบมองเหลิ่งฉิงโฉวด้วยรอยยิ้ม “ผู้นำเหลิ่ง มิตรภาพอันดับหนึ่ง!”
“ผู้นำเย่ไม่จำเป็นต้องตักเตือน!” เหลิ่งฉิงโฉวทำเสียงเย็นชา “การแข่งขัน สุดท้ายก็ต้องดูที่ความแข็งแกร่งเท่านั้น!”
“ตอนนี้ผมขอประกาศ การแข่งขันคัดเลือกของกองกำลังพิเศษกับการแข่งขันกระชับมิตรของตระกูลบู๊โบราณได้เริ่มต้นแล้ว!”
หลังจากที่เฝิงเจิ้นเหอพูดจบ เสียงกลองก็ดังสนั่น และเริ่มต้นตามเบอร์ที่จับฉลากได้ แบ่งเป็นการแข่งขันบนสังเวียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่