ในตอนแรกเย่เทียนคิดว่าสิ่งที่ปิดบังกลิ่นอายของวัตถุศักดิ์สิทธิ์น่าจะเป็นกระดูกราชาเผ่าไห่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆมันไม่ธรรมดา
ลักษณะนี้มีเพียงสองกรณีเท่านั้น
หนึ่งคือวิชาค่ายกลที่มีระดับสูงมาก ในอีกกรณีหนึ่งมันคล้ายกับการดำรงอยู่ของแดนลึกลับ!
มีเพียงสองสถานการณ์นี้เท่านั้นที่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงไม่สามารถรับรู้และสัมผัสถึงกลิ่นอายของวัตถุศักดิ์สิทธิ์ได้เลย ท้ายที่สุด สิ่งที่เผ่าไห่เรียกว่าเป็นวัตถุที่สำคัญที่สุดในอนาคตเป็นไปไม่ได้ว่าจะเป็นวัตถุที่ไม่มีพลังคลื่นของชี่ทิพย์เลย!
เย่เทียนคาดเดาได้ถูกต้อง และโดยทั่วไปก็ใกล้เคียงกับความจริงแล้ว
ใต้อู่เรือเป็นฐานใต้ดินขนาดใหญ่ ในเวลานั้นเหตุผลที่ประเทศปิดทิศเคยพูดไว้คือมันเป็นฐานการต่อเรือที่เป็นความลับสูงสุด ดังนั้นจึงมีเพียงไม่กี่คนที่มาตรวจสอบ
แต่ฐานใต้ดินที่อยู่ในมุมตะวันออกเฉียงเหนือนี้เป็นทางเข้าแดนลึกลับ
เพียงแต่ว่านี่มันเป็นแดนลึกลับที่ถูกทำลายจนย่อยยับ ตั้งแต่ค้นพบแดนลึกลับจนถึงตอนนี้ หลี่จ้ายสือได้ประจำการอยู่ที่นี่เป็นเวลาแปดปีแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังคือเวลาผ่านไปแปดปีแล้ว แต่เขายังคงไม่มีวิธีที่จะสำรวจแดนลึกลับอีกครั้ง เขากับทำได้เพียงวนเวียนอยู่บริเวณทางเข้าเท่านั้น
แต่เวลานี้บริเวณทางเข้ามีชายหนุ่มเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน
ชายหนุ่มเอนกายพิงขอบต้นไม้ใหญ่และหมดสติไป ในมือถือกระดูกสีขาวไว้ ซึ่งดูไม่เด่นมาก
แต่นั่นเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่เผ่าไห่ตามหามาตลอด กระดูกทะเล
กระดูกทะเลถึงแม้ลักษณะจะดูเหมือนกระดูก แต่มันก่อตัวตามธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ตามตำนานเล่าขานหากใครสามารถเคลื่อนกระดูกทะเลได้ ทั่วท้องทะเลจะกลายเป็นเขตการควบคุมของเขา
ในดวงตาของหลี่จ้ายสือมีแสงแห่งความโลภ เขาต้องการจะเดินไปแย่งกระดูกทะเลมาทันที
เพื่อแผนนี้ พูดได้ว่าประเทศปิดทิศได้ใช้พลังอำนาจทั่วประเทศ เฉพาะนักเวทก็ได้สูญเสียไปไม่น้อยกว่าแปดคน ใครจะไปคิดว่าพึ่งขโมยกระดูกทะเลออกมา ฉายเวยเหอคนนี้ก็โผล่มาแย่งกระดูกทะเลไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหนที่ฉายเวยเหอรู้ความลับของซากปรักหักพังของแดนลึกลับและนำกระดูกทะเลมุดเข้าไปในแดนลึกลับโดยตรง
และกระดูกทะเลได้กระตุ้นกลไกของแดนลึกลับ และตอนนี้หลี่จ้ายสือและคนอื่น ๆได้เพียงเฝ้าดูและกังวลใจอยู่ภายนอกเท่านั้น
และศพทั้งสองของนักเวทที่หน้าประตูเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงไม่กล้าเคลื่อนไหว
“บ้าเอ้ย รอต่อไปไม่ไหวแล้ว!”
สีหน้าแววตาของหลี่จ้ายสือแสดงความวิตกกังวล และความรู้สึกวิกฤตที่อธิบายไม่ได้ก็ห้อมล้อมเขาไว้
เพราะณ.ตอนนี้ทุกวินาทีของเผ่าไห่กำลังแข่งขันกับเวลาเพื่อโจมตีแล้วคนของตระกูลฉายที่อยู่ด้านนอกจะต้านทานได้สักกี่วันล่ะ? ถึงแม้ว่าข้างนอกมีกองกำลังพิเศษมาสนับสนุนแล้ว แต่เศษสวะพวกนั้นจะต้านทานได้นานแค่ไหน?
เขาไม่แน่ใจ!
ยิ่งวิตกกังวลใจมากเท่าไหร่ เมื่อเห็นฉายเวยเหอหมดสติไปก็ยิ่งรู้สึกขุ่นเคืองใจมากขึ้นเท่านั้น
สมควรตาย ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะเปิดเผยความแข็งแกร่งของตัวเองออกมา ตระกูลฉายจะต้องถูกทำลายล้างออกไปจากโลกนี้!
เย่เทียนมึนงงเล็กน้อย เมืองไห่เป็นสถานที่เล็กแค่นี้ เป็นไปได้ไหมที่จะมีสถานที่อื่นที่สามารถซ่อนคนได้? หากพิจารณาถึงข้อสงสัย จะเห็นได้ชัดเจนว่าอยู่ใกล้อู่เรือของประเทศปิดทิศ
ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้เข้าไป แต่ครั้งนี้เขามีโอกาสที่จะได้สำรวจ
เฉิงชิ่งและคนอื่นๆค่อยๆตื่นขึ้น สบตากับหงหลัวซ่า แววตาเต็มไปด้วยความสยองขวัญ
พวกเขามักจะคิดว่าการฝึกฝนของพวกเขาอยู่ในเกณฑ์ระดับที่แข็งแกร่งแล้ว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่แข็งแกร่งที่แท้จริงมันเทียบอะไรกับเขาไม่ได้เลย! ทันทีที่เขาแสดงพลังออกมา ทางฝั่งตัวเองก็หมดสติไปแล้ว และกลายเป็นหมูอ้วนที่จะถูกคนอื่นหั่นฆ่าตามใจชอบ แบบนี้เทียบหุ่นเชิดก็ไม่ได้!
เฉิงชิ่งแสดงท่าทีเหยียดหยามมาโดยตลอด แต่คราวนี้หลังจากที่สัมผัสได้ถึงโมเมนตัมที่ทรงพลังของผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ทัศนคติของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
“เมียจ๋า ผมอยากไปเดินเล่นที่ทะเล!”
เฉิงชิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นยิ้มและหันกลับมามองหงหลัวซ่า
“ไม่กลัวตายแล้วเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่