“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน คอยดูนะว่าข้าจะระเบิดหัวสุนัขของแกด้วยหมัดเดียว!”
ผู้อาวุโสสามที่มีร่างกายแข็งแกร่งได้มุ่งโจมตีไปที่เย่เทียนก่อน
กำปั้นอันกว้างใหญ่ของเขาได้ปล่อยออกไปอย่างห้าวหาญ ดูเหมือนมันจะตัดผ่านทุกอย่างได้ มันรุนแรงจนเสียงดังขึ้นราวกับเสียงระเบิดและพุ่งตรงไปที่ศีรษะของเย่เทียนอย่างไร้ความปรานี
“อย่างคุณน่ะเหรอ?”
เย่เทียนแสยะยิ้มและยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างมั่งคง จากนั้นเขายื่นมือขวาออกมาอย่างกับสายฟ้าและชกออกไปอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกัน
ในเวลานี้ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับหยุดกลั้นหายใจทีละคน สายตาจับจ้องไปที่พวกเขาทั้งสองคนอย่างไม่กะพริบตา เพราะกลัวว่าจะพลาดฉากสำคัญไป
คนหนึ่งก็เป็นคนรุ่นใหม่มาแรง ส่วนอีกคนก็เป็นผู้อาวุโสที่มีชื่อเสียงมาช้านาน แล้วใครจะเป็นผู้แข็งแกร่งหรือใครจะเป็นผู้อ่อนแอกว่า?
ในขณะนี้ ปลายหมัดของทั้งสองเหมือนคลื่นที่ซัดใส่กัน ทำให้ผู้คนเห็นถึงเงาสะท้อนอันงดงามจากแสงของคลื่น ซึ่งดูแล้วช่างน่าอัศจรรย์อย่างที่สุด
และนี่ก็คือสัญลักษณ์ที่แท้จริงและเป็นการปล่อยกำลังจากภายในสู่ภายนอกของนักบู๊ระดับดำ!
บึ้ม!
หมัดของทั้งสองได้กระแทกเข้าหากันอย่างรุนแรง และเสียงที่ราวกับใบมีดที่สะท้อนจนแสบแก้วหูก็ดังขึ้น!
วินาทีต่อมา สีหน้าของผู้อาวุโสสามได้เปลี่ยนไป เขาได้แต่ถอยหลังไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และทุกๆ ก้าวที่เดินถอยหลังไป เท้าของเขาก็จำเป็นต้องฝากรอยเท้าลึกๆ ไว้บนคอนกรีตแข็ง!
ในทางกลับกัน เย่เทียนกลับยืนนิ่งราวกับเท้าที่มีรากงอก
ด้วยการโจมตีเพียงแค่หมัดเดียวก็สามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่าใครคือผู้แพ้ ใครคือผู้ชนะ!
แน่นอน ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็รู้ดีว่านี่เป็นเพียงการทดสอบพลังของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น ซึ่งผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรยังไม่สามารถสรุปได้
“หึ! ถึงว่าทำไมถึงโอหังแบบนี้ ที่แท้ก็พอมีฝีมืออยู่บ้างนี่นา”
ผู้อาวุโสสามที่ถอยหลังออกไปห้ากาว ในที่สุดเขาก็ยืนนิ่งได้และสีหน้าก็ค่อยๆ กลายเป็นความเคร่งขรึมขึ้นมา
ในบรรดาผู้อาวุโสทั้งสามนั้น ถึงแม้ฝีมือของเขาจะอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด แต่กำลังหมัดของเขานั้นถือว่าแข็งแกร่งที่สุด
แต่แล้ว เย่เทียนกลับรับมือได้อย่างง่ายดาย แม้กระทั่งไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงทำให้ผู้อาวุโสสามรู้สึกไม่คาดคิดและไม่กล้าดูถูกเหมือนในตอนแรกอีก
“ถ้ามีเวลามากกว่านี้ บางทีแกอาจจะเก่งกว่านี้ก็ได้ แต่ที่น่าเสียดายคือ แกไม่ควรฆ่าลูกศิษย์ของเรา!”
จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่เหยียดแขนไปที่เอวแล้วดึงดาบออกมาเล่มหนึ่ง
“ไอ้หนู ในระหว่างการต่อสู้กับพวกข้าทั้งสาม แกหนีไม่รอดแน่นอน ฉะนั้นข้าแนะนำให้แกถวายชีวิตมาซะโดยดี! แกจะได้ทรมานน้อยลง!”
สองมือของผู้อาวุโสรองล้วงเข้าไปในลำตัว หลังจากที่ดึงแขนออกมา สองมือของเขาก็ออกมาพร้อมกับกรงเล็บเหล็ก และปลายเล็บที่ดำคล้ำนั้นเกรงว่าน่าจะชุบด้วยยาพิษแน่นอน!
เย่เทียนได้เหลือบมองด้วยหางตาแล้วพูดอย่างเย้ยหยัน “คุยโวใครๆ ก็ทำได้ แต่ผมเกรงว่าอีกสักพัก พวกคุณทั้งสามจะพร้อมใจกันคุกเข่าต่อหน้าผมแล้วร้องขอชีวิตกับผมมากกว่านะ!”
“โอหัง!”
“รนหาที่ตาย!”
“ฆ่ามันซ้ะ!”
ทั้งสามโกรธมาก เพราะความเย่อหยิ่งของเย่เทียนทำให้พวกเขาโมโหถึงขีดสุด
ในโลกของการต่อสู้ การร่วมมือกันของทั้งสามสามารถเอาชนะนักบู๊สู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับดำได้อย่างแน่นอน แม้กระทั่งสามารถเทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งระดับดินก็ว่าได้
แต่เย่เทียนกลับพูดจาเยาะเย้ยต่อพวกเขาทั้งสามคน และทำเหมือนพวกเขาไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลยด้วยซ้ำ ซึ่งนี่มันจะถือเป็นการดูถูกมากเกินไปแล้ว!
“ตาย!”
ผู้อาวุโสสามที่ยังคงอารมณ์โกรธอยู่ก็ได้ริเริ่มลงมือก่อน เขาส่งเสียงตะโกนและรวบรวมกำลังทั้งหมดไปที่หมัดของเขาแล้วชกไปที่เย่เทียนอย่างสุดแรง
ส่วนผู้อาวุโสรองชักกรงเล็บเหล็กของเขาออกมาและมันตัดผ่านอากาศราวกับน้ำตกที่ถูกตัดขาดเป็นชิ้นๆ จากนั้นกรงเล็บเหล็กอันเย็นเฉียบนั้นก็มุ่งตรงไปที่หัวใจของเย่เทียน!
สำหรับผู้อาวุโสใหญ่นั้นมันน่ากลัวกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่