ณ คฤหาสน์หลังเล็กในแถบชานเมือง
เย่เทียนนั่งไขว่ห้างอยู่บนพื้น ซึ่งข้างหน้าเขามีเตาปรุงยาขนาดใหญ่และมีวัตถุดิบทางการแพทย์มากมาย
หลังจากการปรากฏตัวของนักพรตชิงชาน ทำให้เขารู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน ดังนั้น ในเมื่อจะต่อกรกับคุณยายกระดาษไหว้เจ้า เขาจึงจำเป็นต้องเตรียมให้ดีที่สุด
อันที่จริง ในชาติที่แล้วเขาเคยเผชิญหน้ากับคุณยายกระดาษไหว้เจ้ามาครั้งหนึ่งแล้ว เขาจึงรู้ถึงกลอุบายของเธอดี
เธอไม่ได้เก่งทางด้านการต่อสู้ แต่เก่งเรื่องการใช้ยาพิษมาก ซึ่งฝีมือในการใช้ยาพิษของเธอนั้นอยู่เหนือคน และทำให้ยากที่จะต่อกรได้
ที่สำคัญกว่านั้น มีคนลือกันว่าเธอเป็นศิษย์ที่ถูกไล่ออกจากสำนักพิษห้าที่ซึ่งเป็นสำนักของนักบู๊ และเธอยังมีแมงมุมร้อยพิษเจ็ดสี ซึ่งเป็นสิ่งที่เหล่าสาวกของสำนักพิษห้าต้องการมาก!
แมงมุมร้อยพิษเจ็ดสีนั้นเป็นยาพิษที่กลายพันธุ์มาจากแมงมุมร้อยพิษ อย่าว่าแต่ถูกมันกัดเลย เพียงแค่การสัมผัสใยแมงมุมของมัน ถ้าไม่มีวิธีการรักษาที่ถูกต้อง เกรงว่าไม่มีทางรอดได้อย่างแน่นอน!
แน่นอนว่านี่คือคุณยายกระดาษไหว้เจ้าที่เย่เทียนรู้จักในชาติที่แล้ว ส่วนคุณยายกระดาษไหว้เจ้าในปัจจุบันจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องรอดูกันต่อไป
แต่ว่านี่ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเย่เทียนในการเตรียมตัวให้พร้อม
ส่วนวัตถุดิบของยาเหล่านี้ เขาแวะซื้อมาจากร้านขายยาเพียงแค่สองร้านในระหว่างทางที่เขามาที่นี่ เพราะยาที่ต้องปรุงนั้น โชคดีว่ามันไม่ใช่ยาเสริมกระดูกหรือยาอายุวัฒนะ มิฉะนั้น เขาไม่สามารถหาวัตถุดิบยาทั้งหมดได้อย่างเร็วขนาดนี้อย่างแน่นอน
ด้วยการเคลื่อนไหวหลายครั้งของโคจรมหาจักรวาลจากคัมภีร์หวง และหลังจากสงบสติอารมณ์ เย่เทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ และเริ่มปรุงยาอย่างเป็นทางการ
เนื่องจากเขาเคยลองปรุงยายาเพิ่มพลังมาแล้ว ดังนั้นครั้งนี้จึงไม่มีอุปสรรคใดๆ และหลังจากใช้เวลาประมาณสามชั่วโมง กลิ่นหอมจาง ๆ จากเตาปรุงยาก็ลอยออกมา
เย่เทียนเอนศีรษะไปมองด้วยความพึงพอใจ และเห็นเม็ดยาสีเขียวเข้มที่อยู่ในกระถางใส่ยานั้น
“ไม่นึกเลยว่าจะสำเร็จในครั้งเดียว อุตส่าห์ซื้อวัตถุดิบมาเผื่อแล้วนะเนี่ย!”
เย่เทียนพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเก็บเม็ดยาจากกระถางใส่ยาลงในขวดที่เตรียมไว้ด้วยรอยยิ้ม
นี่คือยาแก้พิษ ซึ่งสามารถรู้ถึงสรรพคุณของยาจากชื่อของมันได้ ถึงแม้สรรพคุณของมันจะน้อยไปหน่อย แต่มันเป็นเหมือนยาวิเศษเลยก็ว่าได้
อย่างน้อย ถ้าหากไม่มียาชนิดนี้ ชาติก่อนเย่เทียนคงไม่รู้ว่าต้องตายในน้ำมือของคุณยายกระดาษไหว้เจ้าไปกี่รอบแล้ว!
......
เช้าวันถัดมา
ณ สถานีตำรวจภูธรในเมืองเอก
เมื่อวานเย่เทียนค่อนข้างเร่งรีบ ก็เลยไม่ได้ขอเบอร์ติดต่อของกงหย่วนไว้ เขาจึงโทรหาจี้เยียนหรันแต่ไม่มีใครรับสาย ดังนั้นจึงตรงมาที่สถานีตำรวจเลย
“เย่เทียน คุณมาได้สักทีนะครับ!”
แต่ว่า ก่อนที่เย่เทียนจะเดินเข้าไปในพื้นที่ของสถานีตำรวจ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากไม่ไกล
เมื่อมองไปตามเสียงนั้น เขาก็เห็นโจ๋หย่วนหัน ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าตำรวจจากเจียงหนัน!
นอกจากนี้ ยังมีชายร่างสูงอีกคนที่ยืนอยู่ข้างเขา ชายคนนี้คือชายวัยกลางคนที่สวมชุดตำรวจเช่นกัน ถ้าดูจากยศตำรวจบนบ่าแล้ว เขาน่าจะมียศตำแหน่งที่ไม่ต่างอะไรกับโจ๋หย่วนหันเลย!
“ผู้บัญชาโจ๋ คุณมาที่นี่ทำไมครับ?”
เย่เทียนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“เยียนหรันก็มาแล้ว แล้วผมจะไม่มาได้ยังไงล่ะ?”
โจ๋หย่วนหันส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “คุณก็รู้ว่าท่านจี้เป็นห่วงหลานรักของเขาแค่ไหน ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมจะรับผิดชอบไหวเหรอ?”
เย่เทียนที่ได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น เขาไม่คาดคิดเลยว่าจี้เยียนหรันคนนี้จะมาถึงที่นี่ได้
“เยียนหรันก็มาด้วยเหรอ?”
“เหล่าโจ๋ ท่านนี้คือ?”
แต่ว่า ก่อนที่โจ๋หย่วนหันจะอธิบายให้กับเย่เทียนฟัง ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างเขาก็ถามขึ้นก่อน
“เหล่าซือ ผมจะแนะนำให้รู้จักกันก่อนนะ ท่านนี้คืออัจฉริยะของการสืบสวนคดีอาชญากรรมที่ผมเคยเล่าให้คุณฟัง ท่านชื่อว่าเย่เทียน”
โจ๋หย่วนหันรีบพูดต่อ “เย่เทียน ท่านนี้คือรองผู้บัญชาการจากสถานีตำรวจของเมืองเอก ท่านชื่อว่าซือเฮ่าเจีย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่