ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 154

ระหว่างทาง หลังจากคำอธิบายของโจ๋หย่วนหันทั้งสอง ในที่สุดเย่เทียนเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น

มีลูกศิษย์แบบไหนก็ย่อมมีอาจารย์แบบนั้น การที่จี้เยียนหรันเป็นคนเกลียดคนร้ายเป็นดั่งศัตรูของเธอนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับกงหย่วนอย่างแน่นอน

เมื่อวานนี้ หลังจากที่กงหย่วนให้เย่เทียนขับรถของเขาไป เขาก็โทรหาจี้เยียนหรันให้มารับเขา ในระหว่างทางนั้น เขาได้เล่าคดีฆาตกรรมในเมืองเอกให้กับจี้เยียนหรันฟังคร่าวๆ และจากนั้นจี้เยียนหรันก็บอกจะช่วยเหลือเขาทันที

เดิมทีหลังจากได้รับข้อมูลคนร้ายจากปากของเย่เทียน กงหย่วนก็ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้แล้ว และหลังจากได้รับการยุยงจากจี้เยียนหรัน ทั้งสองจึงไม่ได้กลับสถานีตำรวจเลยด้วยซ้ำ

ตามเหตุผลแล้ว เรื่องนี้จี้เยียนหรันจำเป็นต้องรายงานให้กับโจ๋หย่วนหันและได้รับการอนุญาตจากเขาก่อน แต่บังเอิญว่าโจ๋หย่วนหันกำลังติดประชุมอยู่ จี้เยียนหรันจึงส่งข้อความเพื่อเป็นการรายงานสถานการณ์เท่านั้น

เมื่อหลังจากโจ๋หย่วนหันเสร็จสิ้นการประชุม ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว ต่อให้เขาจะรีบร้อนยังไง ก็สู้ความใจร้อนของจี้เยียนหรันไม่ได้ไม่ใช่หรือ?

ฉะนั้น หลังจากใช้เวลาทั้งคืนในการจัดการกับเรื่องของสถานีตำรวจในเจียงหนันเสร็จ เขาจึงตามมาที่เมืองเอกในเช้าวันรุ่งขึ้น

พูดง่ายๆ ก็คือ ความเป็นจริงแล้ว โจ๋หย่วนหันก็เพิ่งมาถึงก่อนเย่เทียนเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

และในระหว่างทาง อาจเป็นการแสดงขอโทษสำหรับการกระทำในสถานีตำรวจก่อนหน้านี้ ซือเฮ่าเจียได้แต่ถามคำตอบคำ ไม่ได้คิดว่าจะพูดขึ้นก่อน ซึ่งมันก็ทำให้เย่เทียนเข้าใจถึงสถานการณ์ในตอนนี้

ในเมื่อเขามีไหวพริบที่ดีขนาดนี้ เย่เทียนก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และคิดเสียว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ก่อนหน้านี้เขาโกรธสำหรับพฤติกรรมของซือเฮ่าเจียมากก็จริง แต่ตอนนี้เขาใจเย็นลงแล้ว คิดว่าโกรธไปก็ไร้ความหมาย

เพราะมันก็เหมือนสุนัขที่วิ่งตัดถนนในระหว่างที่ขับรถอยู่ แล้วจะให้เขาตะโกนด่าสุนัขตัวนั้นหรือ?

ในมุมมองของเย่เทียนนั้น เขาคิดว่าตัวเองแตกต่างกับซือเฮ่าเจียมาก และเกรงว่าหลังจากจบเรื่องนี้ไปคงไม่ได้เจอกันอีก แล้วจะเสียเวลากับเขาทำไม?

หลังจากขับรถไปเกือบชั่วโมงครึ่ง ในที่สุดรถก็ต้องจอดลงที่หลินหยุนซานในเขตชานเมืองของเมืองเอก ไม่ใช่ว่าไม่อยากขับไปต่อ แต่ไม่มีถนนให้ขับต่อไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่เดินเท้าเท่านั้น

หลินหยุนซานเป็นจุดชมวิวของรอบเมืองเอกที่เต็มไปด้วยก้อนหินอันแปลกตา ซึ่งเหมาะสำหรับการชมพระอาทิตย์ขึ้น และยังเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการตั้งแคมป์อีกด้วย

“ผู้บัญชาซือ มาสักทีนะครับ”

ซือเฮ่าเจียไม่กล้ารอช้าอีก และเดินเข้าไปถามตรงประเด็นว่า “หัวหน้ากงกับหัวหน้าจี้ล่ะ?!”

“อยู่ในถ้ำร้างบนภูเขาครับ ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ของเราคอยซุ่มเฝ้าดูอยู่ครับ นอกจากคุณยายกระดาษไหว้เจ้าคนนั้นแล้ว ยังมีชายวัยกลางคนอีกคนครับ”

“ชายวัยกลางคน?”

เย่เทียนเลิกคิ้วขึ้นและครุ่นคิดในใจว่า เขาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับชายวัยกลางคนคนนี้เลย

จะว่าไป จากครั้งล่าสุดที่เย่เทียนได้เจอกับคุณยายกระดาษไหว้เจ้าคนนี้ มันก็หลายปีผ่านไปแล้ว และช่วงเวลานี้ก็ได้เกิดเรื่องมากมาย ซึ่งไม่แปลกหรอกที่จะมีการเปลี่ยนแปลง

ก่อนที่ซือเฮ่าเจียจะตอบกลับ จู่ ๆ รถตำรวจคันหนึ่งก็ซิ่งเข้ามาจากด้านหลัง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดอาวุธทั้งสี่นายก็ลงมาจากรถ ซึ่งหัวหน้าของพวกเขาคือชายวัยกลางคนในชุดสูท ร่างกายของเขากำยำล่ำสัน ดวงตาเคร่งขรึมที่ซึ่งดูแล้วน่าเกรงขามมาก!

เขาเดินเข้ามาและชำเลืองมองไปที่เย่เทียน และในที่สุดก็หันกลับมามองที่ซือเฮ่าเจีย “ผู้บัญชาซือ ไม่นึกเลยว่าคุณจะมาเร็วกว่าผมนะครับ”

หลังจากหยุดไปสักพัก เขาขมวดคิ้วพูดต่อ “ผู้บัญชาซือครับ ภารกิจในครั้งนี้คือการตามล่าผู้หลบหนีคดีฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมนะครับ คุณควรปิดสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังให้คนนอกเข้ามาได้ด้วย?”

หัวหน้าคนนี้ชื่อว่าเหลยซวี่ เขาเป็นถึงผู้กำกับกองพันตำรวจภูธรภาค ซึ่งมีผู้ใต้บังคับบัญชาหลายร้อยคน และยังเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงในเมืองเอกแห่งนี้ด้วย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่