ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 162

สรุปบท บทที่ 162 ออร่าของปรมาจารย์: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

อ่านสรุป บทที่ 162 ออร่าของปรมาจารย์ จาก ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ โดย Light-Knight

บทที่ บทที่ 162 ออร่าของปรมาจารย์ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Light-Knight อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ลี่ชุ่ยฮวาไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงโอดครวญ อกก็ถูกผ่าออกจนตายไปอย่างน่าสยดสยอง

“กับสมองแค่นี้ของเธอยังคิดจะมาฆ่าฉันอีก? ช่างเป็นความคิดที่เพ้อฝันจริงๆ เลย!”

“ทั้งๆ ที่เชี่ยวชาญการใช้พิษที่สุด ไม่ยอมหลบอยู่ในที่ลับแล้วแอบใช้พิษ แต่ดันรนหาที่ตายโดยการมาสู้กับฉันซึ่งๆหน้า มันก็เท่ากับการรนหาที่ตายชัดๆ!”

เย่เทียนที่เห็นอย่างนั้น ก็ส่ายหน้าอย่างไม่ชอบใจ

ความจริงแล้ว ตอนแกเขาก็ไม่มีความคิดที่จะฆ่าลี่ชุ่ยฮวาเลย

ถึงเธอจะแข็งแกร่งสู้ทังหยูหงไม่ได้แต่ก็เป็นนักใช้พิษฝีมือดีเลยทีเดียว ไม่แน่ในบางสถานการณ์ก็อาจจะมีประโยชน์มากก็ได้

แต่ไม่นึกเลยว่า พอเขาเดินเข้ามา ลี่ชุ่ยฮวาก็แสดงท่าทีว่าจะสู้ตายกับเขา แล้วจะให้เขายืนรอความตายอยู่เฉยๆ ได้ยังไง?

พอคิดถึงตรงนี้ เย่เทียนก็หยิบขวดยาที่ใช้สำหรับใส่ถอนพิษที่พกติดตัวออกมาด้วยความจนใจ เอายาถอนพิษทั้งหมดเทใส่เข้าไปในกระเป๋า

จากนั้นก็ได้เดินออกไป จากนั้นก็ใช้กระดูกสองท่อนของใครบางคนขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ แล้วใช้มันไปคีบซากศพของแมงมุมร้อยพิษหกสีที่ถูกผ่าเป็นสองซีกขึ้นมาใส่ไว้ในขวด

ถึงแมงมุมร้อยพิษหกสีตัวนั้นจะตายไปแล้ว แต่ยังไงมันก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพิษร้ายแรงอยู่ดี

ถ้าตกไปอยู่ในมือของประชาชนทั่วไป มันก็เป็นได้แค่ของที่ไร้ค่าเท่านั้น

แต่ถ้าตกมาอยู่ในมือของคนที่ปรุงยาอย่างเย่เทียนแล้ว มันก็ถือเป็นวัตถุชั้นเลิศที่ใช้ในการปรุงยาเลย

แน่นอนว่า ยาที่ปรุงออกมาจากสิ่งมีชีวิตที่มีพิษร้ายแรงนี้ มันก็ไม่ใช่ยาที่จะส่งผลดีอะไรกับคนที่ฝึกบู๊เลย

หลังจากที่โยนกระดูกของใครสักคนที่ช่วยงานเสร็จแล้วออกไปข้างทางอย่างไม่ใส่ใจ เย่เทียนก็ได้เงยหน้ามองไปยังไข่มุกเรืองแสงกลางคืนสามเม็ดที่ถูกฝังอยู่ในปลายอุโมงค์นั่น

ถึงคุณภาพของไข่มุกเรืองแสงสามเม็ดนี้จะไม่ได้ดีมากนัก แต่พวกมันก็ยังกลมและเงางามมากพอ ยังไงเอาไปขายเม็ดละสองล้านก็ไม่ใช่ปัญหา

เย่เทียนได้แสดงตัวอย่างของสุภาษิตที่ว่าห่านฟ้าบินผ่านยังต้องเด็ดขนได้อย่างชัดเจนมาก หลังจากที่ตรวจดูอย่างละเอียดและมั่นใจว่าไม่มีของมีค่าอะไรอีกแล้ว เขาถึงได้เดินออกไปทางปากอุโมงค์

กริ้งๆ!

ทว่า พอเขาเดินไปได้แค่สองก้าว ก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นที่ข้างหู ท่ามกลางสถานที่ ที่มืดมิดและเงียบสงัดแบบนี้ มันก็ทำให้เย่เทียนตกใจจนขวัญแทบกระเจิงเลย

เย่เทียนหยุดเดินแล้วรีบหันไปตรวจดู แล้วเห็นภายใต้ร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดของลี่ชุ่ยฮวาได้มีแสงสว่างขึ้นอย่างเลือนลาง

“นี่มันของก็อปของบริษัทไหนเนี่ย ถึงได้กันน้ำได้โคตรดีแบบนี้!”

เย่เทียนโบกมือใหญ่ๆ ของเขา แล้วร่างกายท่อนบนของลี่ชุ่ยฮวาก็กระเด็นออกจากกองเลือดไป แต่ภายในกองเลือดก็ยังคงส่องแสงอยู่

“คงไม่ซวยขนาดนี้หรอกมั้ง?!”

พอเย่เทียนได้เห็นอย่างนั้น หางตาของเขาก็ได้กระตุกเบาๆ

ตอนแรกเขาคิดว่ามือถือน่าจะอยู่ในตัวของลี่ชุ่ยฮวาสิ แต่ไม่นึกเลยว่าจะซวยจนมันตกลงไปในกองเลือดแบบนี้

ถึงจะสบถและก่นด่าแค่ไหน แต่เขาก็ยังเก็บกระดูกขึ้นมาสองท่อน กลั้นหายใจเพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นเลือดที่เหม็นคาว นั่งลงข้างๆ กองเลือดแล้วทำการพลิกไปพลิกมา จากนั้นก็ลองคีบมือถือที่เคยจมอยู่ในกองเลือดขึ้นมา

” หืม?!”

ทว่า พอเขาลองเขี่ยดู ดวงตาของเย่เทียนก็ถึงกับเบิกกว้าง สีหน้าที่ตื่นเต้นของเขาได้เพิ่มมากขึ้นไปอีก

ไม่ใช่อื่นใด เพราะตอนที่กำลังใช้กระดูกเขี่ยนั้น เขาก็พบกับหินทิพย์ขนาดเท่านิ้วมือที่กำลังปลดปล่อยชี่ทิพย์ออกมาอย่างรุนแรง!

หลังจากที่พยายามมากว่าสิบนาที พอมั่นใจว่าในกองเลือดไม่มีอะไรที่มีค่าแล้ว เย่เทียนถึงยอมวางกระดูกสองชิ้นนั้นลงอย่างพึงพอใจ ตาทั้งสองข้างจ้องมองไปยังสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างเป็นประกาย

มือถือก็อปเกรดเอเก่าๆ ที่กันน้ำได้ดีเยี่ยม หินทิพย์ขนาดเท่าหัวแม่มือกับอีกเม็ดที่เท่าถั่วลิสง!

หลังจากคลุกเคล้าให้เข้ากัน มันจึงทำให้เย่เทียนเข้าใจถึงสาเหตุที่ว่าทำไมก่อนหน้านี้ถึงสังเกตไม่เห็นหินทิพย์ทั้งสองก้อนนี้เลย

ถ้ามันเกิดเป็นเหมืองหินทิพย์ขึ้นมาจริงๆ แล้วยังจะใช้เงินซื้อวัตถุดิบในการปรุงยาไปทำไม? แล้วยังจะเสียเวลาไปผสมยาอีกทำไม?

ไปนอนฝึกบู๊อยู่บนกองหินทิพย์มันจะไม่เร็วกว่าเหรอ!

หลังจากที่เย่เทียนยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแล้ว เขาก็ฉีกเสื้อออกมาอีกชิ้น เอามือถือสำหรับคนแก่เครื่องนั้นมาห่ออย่างแน่นหนา แล้วยัดใส่กระเป๋า จากนั้นก็เดินออกจากถ้ำไป

การมาเมืองเอกในครั้งนี้มันไม่สูญเปล่าจริงๆ ได้ผลประกอบการที่ก้อนใหญ่เลยทีเดียว

ยังไม่ต้องพูดถึงเงินค่าหัวของยายกับทังหยูหลง หรือจะตัดหินทิพย์สองก้อนนั้นออกไป แค่พูดถึงข้อความที่ได้จากลูกเด็ก มันก็ทำให้เย่เทียนรวยเละไปแล้ว!

ถ้าเขาคาดการณ์ไม่ผิด มันน่าจะเป็นหินทิพย์ที่กองเท่าภูเขาเลย!

ต้องรู้ก่อนว่า วัตถุดิบของหินทิพย์นั้นคืออะไร?

มันคือหยก! แถมยังต้องเป็นหยกเขียวจักรพรรดิที่ระดับสูงสุดด้วย!

ต้องให้หินทิพย์ที่ผลิตได้จะไม่เยอะ ลำพังแค่หยกก็ทำให้เย่เทียนสามารถทำเงินได้มากมายแล้ว อย่างน้อยในเวลาสามถึงห้าเดือนก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องเอาไปซื้อวัตถุดิบในการปรุงยาแล้ว!

พอเดินออกจากถ้ำ ก็เห็นเหลยซวี่ที่กำลังรออย่างร้อนใจ เย่เทียนเอามือไขว้หลัง แล้วเดินดุ่มๆ ออกมาจากถ้ำ

“เย่ คุณชายเย่ แล้วลี่ชุ่ยฮวาคนนั้น……”

เหลยซวี่รีบเดินเข้ามา และไม่ได้ดูมั่นอกมั่นใจเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่กลับตรงกันข้าม ดูเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างถึงที่สุด

“ตายแล้ว คุณสั่งให้คนไปเก็บศพเถอะครับ! ผมจะไปโรงพยาบาลเพื่อดูว่าพวกเยียนหรันเป็นยังไงบ้าง”

เย่เทียนโบกไม้โบกมืออย่างสบายๆ แล้วเดินดุ่มๆ ลงเขาไป และไม่ได้สนใจเหลยซวี่มากไปกว่านั้นเลย

เหลยซวี่จ้องมองอยู่ด้านหลัง ไม่เพียงไม่ได้โมโห แต่กลับตัดพ้อออกมาจากใจว่า “ไม่เสียแรงที่คุณชายเย่เป็นเย่เทียน เขาช่างมีออร่าของปรมาจารย์จริงๆ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่