ลี่ชุ่ยฮวาไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงโอดครวญ อกก็ถูกผ่าออกจนตายไปอย่างน่าสยดสยอง
“กับสมองแค่นี้ของเธอยังคิดจะมาฆ่าฉันอีก? ช่างเป็นความคิดที่เพ้อฝันจริงๆ เลย!”
“ทั้งๆ ที่เชี่ยวชาญการใช้พิษที่สุด ไม่ยอมหลบอยู่ในที่ลับแล้วแอบใช้พิษ แต่ดันรนหาที่ตายโดยการมาสู้กับฉันซึ่งๆหน้า มันก็เท่ากับการรนหาที่ตายชัดๆ!”
เย่เทียนที่เห็นอย่างนั้น ก็ส่ายหน้าอย่างไม่ชอบใจ
ความจริงแล้ว ตอนแกเขาก็ไม่มีความคิดที่จะฆ่าลี่ชุ่ยฮวาเลย
ถึงเธอจะแข็งแกร่งสู้ทังหยูหงไม่ได้แต่ก็เป็นนักใช้พิษฝีมือดีเลยทีเดียว ไม่แน่ในบางสถานการณ์ก็อาจจะมีประโยชน์มากก็ได้
แต่ไม่นึกเลยว่า พอเขาเดินเข้ามา ลี่ชุ่ยฮวาก็แสดงท่าทีว่าจะสู้ตายกับเขา แล้วจะให้เขายืนรอความตายอยู่เฉยๆ ได้ยังไง?
พอคิดถึงตรงนี้ เย่เทียนก็หยิบขวดยาที่ใช้สำหรับใส่ถอนพิษที่พกติดตัวออกมาด้วยความจนใจ เอายาถอนพิษทั้งหมดเทใส่เข้าไปในกระเป๋า
จากนั้นก็ได้เดินออกไป จากนั้นก็ใช้กระดูกสองท่อนของใครบางคนขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ แล้วใช้มันไปคีบซากศพของแมงมุมร้อยพิษหกสีที่ถูกผ่าเป็นสองซีกขึ้นมาใส่ไว้ในขวด
ถึงแมงมุมร้อยพิษหกสีตัวนั้นจะตายไปแล้ว แต่ยังไงมันก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพิษร้ายแรงอยู่ดี
ถ้าตกไปอยู่ในมือของประชาชนทั่วไป มันก็เป็นได้แค่ของที่ไร้ค่าเท่านั้น
แต่ถ้าตกมาอยู่ในมือของคนที่ปรุงยาอย่างเย่เทียนแล้ว มันก็ถือเป็นวัตถุชั้นเลิศที่ใช้ในการปรุงยาเลย
แน่นอนว่า ยาที่ปรุงออกมาจากสิ่งมีชีวิตที่มีพิษร้ายแรงนี้ มันก็ไม่ใช่ยาที่จะส่งผลดีอะไรกับคนที่ฝึกบู๊เลย
หลังจากที่โยนกระดูกของใครสักคนที่ช่วยงานเสร็จแล้วออกไปข้างทางอย่างไม่ใส่ใจ เย่เทียนก็ได้เงยหน้ามองไปยังไข่มุกเรืองแสงกลางคืนสามเม็ดที่ถูกฝังอยู่ในปลายอุโมงค์นั่น
ถึงคุณภาพของไข่มุกเรืองแสงสามเม็ดนี้จะไม่ได้ดีมากนัก แต่พวกมันก็ยังกลมและเงางามมากพอ ยังไงเอาไปขายเม็ดละสองล้านก็ไม่ใช่ปัญหา
เย่เทียนได้แสดงตัวอย่างของสุภาษิตที่ว่าห่านฟ้าบินผ่านยังต้องเด็ดขนได้อย่างชัดเจนมาก หลังจากที่ตรวจดูอย่างละเอียดและมั่นใจว่าไม่มีของมีค่าอะไรอีกแล้ว เขาถึงได้เดินออกไปทางปากอุโมงค์
กริ้งๆ!
ทว่า พอเขาเดินไปได้แค่สองก้าว ก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นที่ข้างหู ท่ามกลางสถานที่ ที่มืดมิดและเงียบสงัดแบบนี้ มันก็ทำให้เย่เทียนตกใจจนขวัญแทบกระเจิงเลย
เย่เทียนหยุดเดินแล้วรีบหันไปตรวจดู แล้วเห็นภายใต้ร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดของลี่ชุ่ยฮวาได้มีแสงสว่างขึ้นอย่างเลือนลาง
“นี่มันของก็อปของบริษัทไหนเนี่ย ถึงได้กันน้ำได้โคตรดีแบบนี้!”
เย่เทียนโบกมือใหญ่ๆ ของเขา แล้วร่างกายท่อนบนของลี่ชุ่ยฮวาก็กระเด็นออกจากกองเลือดไป แต่ภายในกองเลือดก็ยังคงส่องแสงอยู่
“คงไม่ซวยขนาดนี้หรอกมั้ง?!”
พอเย่เทียนได้เห็นอย่างนั้น หางตาของเขาก็ได้กระตุกเบาๆ
ตอนแรกเขาคิดว่ามือถือน่าจะอยู่ในตัวของลี่ชุ่ยฮวาสิ แต่ไม่นึกเลยว่าจะซวยจนมันตกลงไปในกองเลือดแบบนี้
ถึงจะสบถและก่นด่าแค่ไหน แต่เขาก็ยังเก็บกระดูกขึ้นมาสองท่อน กลั้นหายใจเพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นเลือดที่เหม็นคาว นั่งลงข้างๆ กองเลือดแล้วทำการพลิกไปพลิกมา จากนั้นก็ลองคีบมือถือที่เคยจมอยู่ในกองเลือดขึ้นมา
” หืม?!”
ทว่า พอเขาลองเขี่ยดู ดวงตาของเย่เทียนก็ถึงกับเบิกกว้าง สีหน้าที่ตื่นเต้นของเขาได้เพิ่มมากขึ้นไปอีก
ไม่ใช่อื่นใด เพราะตอนที่กำลังใช้กระดูกเขี่ยนั้น เขาก็พบกับหินทิพย์ขนาดเท่านิ้วมือที่กำลังปลดปล่อยชี่ทิพย์ออกมาอย่างรุนแรง!
หลังจากที่พยายามมากว่าสิบนาที พอมั่นใจว่าในกองเลือดไม่มีอะไรที่มีค่าแล้ว เย่เทียนถึงยอมวางกระดูกสองชิ้นนั้นลงอย่างพึงพอใจ ตาทั้งสองข้างจ้องมองไปยังสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างเป็นประกาย
มือถือก็อปเกรดเอเก่าๆ ที่กันน้ำได้ดีเยี่ยม หินทิพย์ขนาดเท่าหัวแม่มือกับอีกเม็ดที่เท่าถั่วลิสง!
หลังจากคลุกเคล้าให้เข้ากัน มันจึงทำให้เย่เทียนเข้าใจถึงสาเหตุที่ว่าทำไมก่อนหน้านี้ถึงสังเกตไม่เห็นหินทิพย์ทั้งสองก้อนนี้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่