ตอน บทที่ 189 ตัวการเบื้องหลัง จาก ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 189 ตัวการเบื้องหลัง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ ที่เขียนโดย Light-Knight เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เย่เทียนที่ล้มทั้งสี่คนจนคว่ำง่ายดายไม่ได้รีบร้อนเค้นถาม แต่ว่าทำสามคนอื่นสลบก่อนอย่างระวังตัว เหลือเพียงชายที่เป็นเหยื่อล่อซึ่งได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก และยังร้องโหยหวนเสียงต่ำอยู่ไม่หยุด
“พอแล้วๆ ไม่ต้องร้องอีกแล้ว ทำฉันรำคาญใจเข้าเชื่อไหมว่าฉันจะหักขาอีกข้างของแกทิ้งด้วย?”
เย่เทียนจ้องชายที่เป็นเหยื่อล่อที่นั่งบนพื้นกอดขาร้องคำรามด้วยสายตาเย็นชา
“บอกมา สรุปเป็นใครส่งพวกแกเข้ามาหาเรื่องฉัน?”
“เหอะ! แกคิดว่าฉันจะบอกแกงั้นเหรอ?”
ชายที่เป็นเหยื่อล่อพูดดื้อดึง “ถุย! แกอย่าคิดเพ้อเจ้อในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!”
เขาในปัจจุบันนี้โดนเย่เทียนทำขาขาดไปข้างหนึ่งแล้ว ยังเป็นแบบที่เนื้อและกระดูกหายไปหมดเกลี้ยงด้วย เดิมทีคงไม่มีโอกาสฟื้นตัวกลับคืนได้ดังเดิม ต่อไปลิขิตให้ต้องกลายเป็นคนพิการ
พอนึกถึงอนาคตตนเองจากยอดฝีมือระดับดำที่อยู่สูงเหนือมวลชนกลายเป็นคนพิการ อารมณ์แตกต่างระดับนี้เขาจะรับได้อย่างไร? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าให้ความร่วมมืออย่างดีเลย?
ผลัวะ!
เย่เทียนตบหน้าเขาทีหนึ่งแบบตรงไปตรงมา ยกเท้าเหยียบไประหว่างขาทั้งคู่ของชายที่เป็นเหยื่อล่อแล้ว
“แกฟังฉันให้ดีนะ ฉันไม่ได้มีเวลามาพูดเหลวไหลกับแกมาขนาดนั้น”
“จะให้ฉันถามอะไรแกก็ซื่อสัตย์ตอบอันนั้นมา หรือจะให้ฉันรู้สึกเบิกบานหน่อยทำให้แกกลายเป็นขันทีคนสุดท้าย!”
ชายที่เป็นเหยื่อล่อได้ยิน สีหน้าเดิมที่เสียเลือดไปมากยิ่งซีดเซียวเพิ่มระดับหนึ่ง
คาดคะเนจากการปะทะฝีมือเมื่อสักครู่ เขาวิเคราะห์ได้ไม่ยากเลยว่าเย่เทียนคือตัวร้ายคนหนึ่ง พูดออกมาย่อมทำได้จริงแน่
ถึงแม้ตำแหน่งนั้นมีเพียงเนื้อไม่มากนัก กลับเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชาย ยิ่งเป็นแหล่งที่มาของความสนุกมากมาย ถ้าพังจริงแล้วงั้นมีชีวิตอยู่ต่อยังมีความหมายอะไร?
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีพวกพ้องที่หมดสติสลบไปสามคนด้วย!
ต่อให้ตนเองไม่พูด เกรงว่าพวกเขาคงเก็บไว้ไม่อยู่ ถึงตอนนั้นการยืนหยัดของตนเองเดิมจะมีความหมายอันใด!
เย่เทียนไม่รู้ความในใจของชายที่เป็นเหยื่อล่อ เห็นเขาไม่เอ่ยปากทันที ชั่วขณะหนึ่งสีหน้าเย็นชาลง ขาข้างขวาใช้แรงเหยียบลงไปอีกนิดหนึ่ง
“อ๊ะ!”
ตรงส่วนนั้นบอบบางกว่าตรงอื่น ถึงแม้จะเป็นเพียงกำลังที่เล็กน้อยล้วนทำให้ชายที่เป็นเหยื่อล่อเจ็บปวดจนเหงื่อแตกไปทั้งตัว
“ฉันพูด! ฉันพูด! แกอย่าเหยียบเลย!”
“บอกฉันมาดีๆ ไม่ได้ ต้องบีบให้คนอื่นเขาใช้ความรุนแรง แม่งเป็นคนสันดานต่ำเสียจริง!”
เย่เทียนพูดแบบอารมณ์เสีย “รีบบอกมา! เพื่อนฉันยังรอฉันอยู่ล่ะ!”
ชายที่เป็นเหยื่อล่อตัดสินใจแน่วแน่ฝืนกลั้นความเจ็บที่ขาขาดไว้ ควบคุมความตกใจกลัวภายในใจไว้ พูดเสียงสั่นเครือ “เป็น เป็นลูกพี่ของกองกำลังเซิ่งเหอเซิ่ง จ้างพวกฉันมา”
“กองกำลังเซิ่งเหอเซิ่ง?”
เย่เทียนยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่มีความทรงจำของทางนี้สักนิด
“กองกำลังเซิ่งเหอเซิ่งเป็นอิทธิพลใต้ดินที่ใหญ่สุดของเมืองเอกทางนี้ ลูกพี่ใหญ่ของพวกเขาเป็นคนที่ชื่อจูโย่งถิง”
พูดประโยคหนึ่งคือพูด พูดสิบประโยคก็พูดเหมือนกัน ในเมื่อเอ่ยปากมาแล้ว ตอนนี้ชายที่เป็นเหยื่อล่อบอกทุกอย่างที่รู้และพูดมันอย่างไม่ปิดบังด้วย!
“จูโย่งถิง?”
เขาไม่อธิบายยังดี พออธิบายกลับทำให้เย่เทียนยิ่งมึนงงขึ้นไปอีก
ในความทรงจำของเขา ไม่ว่าชาติที่แล้วหรือว่าชาตินี้ เดิมทีก็ไม่มีความทรงจำเกี่ยวข้องกับบุคคลชื่อนี้ เขาจะมาหาเรื่องวุ่นวายกับตนเองทำไมกัน?
คิดไปคิดมาก็หาคำตอบที่พึงพอใจไม่เจอ เย่เทียนได้เพียงสะบัดปัญหานี้ออกไปจากหัวชั่วคราว ตีชายที่เป็นเหยื่อล่อให้สลบลง เปลี่ยนมาสอบถามอีกคนหนึ่งแทน
คำถามเดียวกันถามกันสี่ครั้งติด คำตอบที่ได้รับมากลับเหมือนกันเป็นส่วนใหญ่
เดิมทีฉินโล่หยินรอคอยด้วยความร้อนใจ เวลานี้มองเห็นเย่เทียนค่อนข้างกระเซอะกระเซิง ตอนนี้ยังทนไหวที่ไหน รีบวิ่งเข้าไปลูบคลำบนตัวเย่เทียนพักหนึ่ง
“เย่เทียน นายไม่เป็นนะ? ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า? บาดเจ็บหนักหรือเปล่า?”
เบ้าตาของหญิงสาวแดงก่ำเล็กน้อย ในน้ำเสียงมีความสะอื้นนิดๆ
หลังจากหายมึนงง ในใจเย่เทียนเต็มไปด้วยความอบอุ่น พูดปลอบใจ “ยัยเด็กโง่ เธอก็ใช่ว่าไม่รู้จักฝีมือของฉันสักหน่อย ฉันจะเป็นอะไรได้ยังไงล่ะ?”
ความกังวลของหญิงสาวไม่ลดสักนิด “แต่ว่าเสื้อผ้าของนาย......”
ใช่ เธอเข้าใจเย่เทียนฝีมือไม่ธรรมดาจริง แต่เธอก็ไม่ใช่คนตาบอดด้วย
ทั่วทั้งตัวเย่เทียนเปื้อนฝุ่นเต็มไปหมด เสื้อผ้าท่อนบนยังขาดหลุดลุ่ย แสดงได้อย่างแจ่มแจ้งว่าเมื่อสักครู่ผ่านการต่อสู้มารอบหนึ่ง เธอไม่เป็นห่วงสักนิดเลยต่างหากถึงเป็นเรื่องแปลกจริง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เป็นเพราะกระเป๋าถือของเธอ เย่เทียนถึงตามเข้าไป ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงจะให้เธอทนรับได้อย่างไร?
“ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ”
เย่เทียนลูบสันจมูกแบบกระอักกระอ่วน อมยิ้มบอกว่า “คือนึกไม่ถึงว่าโจรนั้นยังมีพวกพ้อง ดักซุ่มอยู่อยากจะทำร้ายฉัน”
“แต่ว่า พวกโจรกระจอกไม่กี่คนย่อมสู้อัจฉริยะยอดเยี่ยมอย่างฉันไม่ได้แน่”
“ตอนที่ใกล้จัดการเสร็จ ไม่ระวังเลยโดนลอบจู่โจมแล้ว บาดแผลไม่มีได้รับบาดเจ็บอะไร แค่โดนจับฉีกเสื้อขาดเอง”
“แน่นอน จุดจบของพวกมันต้องแย่กว่าฉันมาก โดนฉันต่อยจนน่วมยกหนึ่งแล้ว เดาว่าต่อไปคงไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก”
เย่เทียนไม่ได้เลือกแจ้งความจับทั้งสี่คน หลังลงโทษรุนแรงก็ปล่อยพวกเขาเป็นไปตามบุญตามกรรมแล้ว
เหตุผลที่ทำแบบนี้ เป้าหมายหลักคืออยากให้พวกเขากลับไปส่งข่าวให้จูโย่งถิง
ไม่กล้าบอกว่าสามารถขู่ให้จูโย่งถิงถอยได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาประเมินตนเองไว้หน่อย ว่ามีสิทธิ์มาก่อเรื่องวุ่นสุ่มสี่สุ่มห้าอันนั้นหรือไม่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่
ฝากถึงทีมงาน เราชอบอ่านนิยายมานาน...อ่านทุกประเภทและนิยายจีน..จากปี2520..อ่านมาตลอดในเวปใหญ่ๆ ชอบที่ทีมงานในเวปที่ให้อ่านฟรี..ก็อยากสนับสนุนถ้ามีโอกาส..และเวปดังๆเขาเก็บแพง..สมัยก่่อนเคยอ่านนิยายทั้งไทยจีน ค่าเช่าเล่มละ3บาท...แต่เวปดังๆเขาคิดตอนละ3บาท บางเรื่องมีหลายพันตอนซึ่งเมื่อเทียบแล้วเป็นเงินหลายพันบาท ซึ่งแพงกว่าเช่ามาก...เพื่อให้เวปพัฒนาขึ้น มีนิยายให้อ่านมากๆเรื่อง...มีค่าอ่านเช่น10ตอน3บาทหรือแล้วแต่ทางทีมงานจะตั้งราคา ที่ไม่สูงมากอย่างเวปอื่นซึ่งทีมงานคงรู้..นำมาปรับปรุงเวปนี้ เพราะชอบการแปลแบบนี้...
55555โดนสะงั้น...
Goๆๆๆๆๆๆ...
สุดยอดๆๆๆๆ...
ต่อไปๆๆๆ...
ยอมรับว่าเล้าใจๆๆ...
ติดตามๆๆๆๆไปต่อ...
ไปต่อๆๆๆ...
ต่อๆๆไปเลย...
สุดยอด...