“เสี่ยวหยัง นายมาได้ยังไง?”
เมื่อเห็นเฉินหยังผลักประตูเข้ามา เฉินหวั่นชิงก็รู้สึกตกตะลึงมาก
แต่ว่า ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานจากธนาคารทั้งสามก็เดินตามเข้ามาด้วย!
ซึ่งภาพนี้ก็ทำให้เฉินหวั่นชิงใจหายเช่นกัน
ภายใต้การบริหารของเธอ ราคาหุ้นของบริษัทแซ่เฉินเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่า ซึ่งมันก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความเป็นเลิศของเธอได้
แต่การปรากฏตัวของเฉินหยังและเจ้าหนี้รายใหญ่ทั้งสามนี้ รวมถึงการนัดประชุมคณะกรรมการด่วนที่เธอเพิ่งรู้ มันจึงทำให้เธออดสงสัยไม่ได้เลยว่านี่เป็นแผนการบีบบังคับเธอแน่!
เมื่อความคิดเชิงลบนี้ผุดขึ้น มันจึงทำให้เฉินหวั่นชิงรู้สึกไม่สบายใจมาก และเธอไม่นึกเลยว่าเฉินหยังจะไม่เห็นแก่ความเป็นญาติของเธอเลยแม้แต่น้อย!
ต่อให้รุ่นอาวุโสมีความขัดแย้งกัน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับรุ่นลูกหลาน? อีกอย่าง เธอดีกับเขาขนาดนี้ แต่ทำไมเขาถึงทำกับเธอเช่นนี้ได้?
ซึ่งในความเป็นจริง นี่เป็นแผนที่เจิ้นเซ่าเฉินแนะนำให้กับเฉินหยัง หนึ่งคือการขโมยข้อมูลชีวเภสัชภัณฑ์และข้อมูลของยาเพิ่มพลัง สองคือการบีบบังคับให้เฉินหวั่นชิงต้องลาออก
แต่ เมื่อนึกถึงการยึดอำนาจความเป็นผู้นำของบริษัทแซ่เฉิน แล้วเฉินหยังจะรอช้าได้อย่างไร?
ต่อให้ข้อมูลจะไม่ได้อยู่ในมือเขา แต่มันก็ไม่ได้อยู่ในมือของเฉินหวั่นชิงไม่ใช่หรือ?
และแน่นอน เพื่อความมั่นใจ เขายังเชิญผู้บริหารทั้งสามของธนาคารมาเป็นพยานด้วย
แม้พวกเขาจะไม่พูดอะไร แต่การที่พวกเขานั่งอยู่ในห้องประชุมด้วย มันก็เพียงพอที่จะสร้างแรงกดดันอันมหาศาลให้กับเฉินหวั่นชิงแล้ว!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินหยังก็เหลือบมองเฉินหวั่นชิงอย่างดูถูก แต่เขาไม่ได้ตอบสนองต่อเธอ ได้แต่หันไปทักทายเหล่าคณะกรรมการบริษัทด้วยความภาคภูมิใจ
“คุณอาคุณน้าทุกๆ ท่านครับ ต้องขออภัยจริงๆ ที่ผมมาสายนะครับ พอดีรถติดหน่อยครับ”
นอกจากน้าเหมยกับจี้หงยี่ที่พยักหน้าตอบอย่างเย็นชา ผู้ถือหุ้นอีกสามคนก็ตอบอย่างกระตือรือร้นและด้วยรอยยิ้ม
หลังจากจัดที่นั่งให้กับประธานจากธนาคารทั้งสามแล้ว เฉินหยังถึงจะมองไปที่เฉินหวั่นชิงที่ยังคงยืนอยู่ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
“พี่สาวครับ ผมว่าพี่หาที่นั่งก่อนจะดีกว่า! ไม่อย่างนั้นผมกลัวพี่จะยืนไม่ไหวแล้วเป็นลมไปนะครับ”
เมื่อเฉินหวั่นชิงที่ได้ยินคำนี้ หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้น แต่เธอทำได้เพียงนั่งลงอย่างไม่มั่นใจ
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกท่านมากันครบแล้ว งั้นเรามาเริ่มกันเถอะครับ!”
เฉินหยังยืนขึ้นแล้วโค้งคำนับกับคณะกรรมการทุกคน “ก่อนอื่น ผมต้องขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาที่นี่นะครับ......”
“มีอะไรก็รีบพูดเถอะ ผมต้องรีบไปขึ้นเครื่อง ไม่ได้ว่างขนาดนั้น!”
เห็นได้ชัดว่าจี้หงยี่ไม่ชอบเฉินหยัง และน้ำเสียงของเขาก็ฟังไม่เป็นมิตรอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้น ผมเข้าประเด็นเลยนะครับ!”
เฉินหยังไม่ได้โกรธ แต่เปิดกระเป๋าเอกสารที่นำมาด้วยแล้วหยิบรูปถ่ายออกมารูปหนึ่ง “เขาคนนี้ ผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดีนะครับ?”
คนในรูปนี้ไม่ใช่ใครคนอื่น แต่คือเย่เทียน!
“ใช่แล้วครับ! ผู้ชายคนนี้ก็คือพี่เขยของผม เขาคือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของพี่สาวผมครับ!”
“คุณกำลังจะสื่อถึงอะไร?”
น้าเหมยขมวดคิ้วขึ้น “ถึงแม้เรื่องการแต่งงานของหวั่นชิงจะไม่ได้ประกาศต่อสาธารณะ แต่พวกเราก็รู้ดี แล้วสามีของหวั่นชิงเกี่ยวอะไรกับการนัดประชุมด่วนในครั้งนี้?”
“น้าเหมย ถ้ารวมไปถึงสิ่งนี้ล่ะครับ?”
เฉินหยังหยิบหนังสือพิมพ์หลายฉบับออกจากกระเป๋าเอกสารของเขาอีกครั้ง จากนั้นชี้ไปที่พาดหัวข่าวแล้วบอกกับทุกคนว่า “ท่านคณะกรรมการทุกท่านครับ ดูนี่สิครับ นี่คือหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์เมื่อเช้านี้ ทุกท่านดูพาดหัวข่าวนี้คืออะไรครับ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่