“ที่รัก คุณช่วยคลายมือออกหน่อย เดี๋ยวผมจะเอาเชือกมัดให้คุณ”
ระหว่างที่ปลอบใจเฉินหวั่นชิง มือของเขาก็เอาเชือกพันรอบเอวให้เฉินหวั่นชิงไปหลายรอบ
เด็กสาวเบิกตาโต แล้วถามไปด้วยความกังวลว่า “แล้วคุณล่ะ?”
“ผมไม่เป็นไร คุณขึ้นไปก่อน เดี๋ยวผมก็ตามขึ้นไปแล้ว!” ไม่รอให้เด็กสาวได้ทันตั้งตัว เย่เทียนก็ตะโกนขึ้นไปด้านบน ภายใต้การดึงของพวกเหอเชิ่ง ร่างกายของเฉินหวั่นชิงก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไป รอจนร่างของเฉินหวั่นชิงหายไปจากประตูลิฟต์แล้ว เย่เทียนก็ปีนป่ายขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว
แล้วเชือกนิรภัยล่ะ?
เย่เทียนที่ทักษะและความกล้าสูงส่งไม่จำเป็นต้องใช้ของพรรค์นั้นเลย ถ้าไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องที่จะทำให้ผู้คนแตกตื่นจนเกินไป ต่อให้เขาต้องพังกำแพงแล้วค่อยออกไปก็ยังได้!
แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็คือ ทันทีที่เย่เทียนปีนออกมาจากประตู เฉินหวั่นชิงที่เพิ่งแกะเชือกบนตัวออกก็ได้โผเข้ามากอดเขาอย่างไม่มีความลังเลใดๆ
ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของพวกรปภ
เฉินหวั่นชิงก็ได้เขย่งขาขึ้นมาอย่างกล้าหาญ แล้วประทับรอยจูบหอมๆ ไว้ที่แก้มของเย่เทียนไปทีหนึ่ง
โบราณว่าไว้ไม่มีผิด ยามยากจะเจอความรู้สึกที่เเท้จริง
ถึงพฤติกรรมบางอย่างของเย่เทียนจะยังทำให้เฉินหวั่นชิงไม่ค่อยพอใจอยู่ก็ตาม แล้วมันจะยังไงล่ะ? อย่างน้อยเย่เทียนก็เป็นห่วงเธอจากใจจริง!
แต่น่าเสียดายที่หลังความเซอร์ไพรส์ที่เกิดขึ้น ภาพที่อบอุ่นนี้ก็ถูกเย่เทียนทำลายอย่างสมบูรณ์
เย่เทียนยื่นหน้าอีกข้างออกมา แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “ที่รัก คุณช่วยหอมแก้มทางขวาอีกทีนะ มันจะได้สมดุลกัน!”
“ฮึ!”
ใบหน้าของเฉินหวั่นชิงแดงก่ำ โดยไม่หลงเหลือภาพของหญิงแกร่งเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าจะพูดให้เห็นภาพก็เหมือนกับเด็กสาวที่กำลังตกหลุมรักนั่นแหละ
ภาพที่เกิดขึ้นทำให้เหอเชิ่งและรปภคนอื่นต่างพากันหันมายกนิ้วโป้งให้เย่เทียน การที่สามารถทำให้สาวงามที่ขึ้นเรื่องความเย็นชาอย่างเฉินหวั่นชิงตกอยู่ในสภาพนี้ได้ มันยังเจ๋งไม่พออีกเหรอ?!
ทันใดนั้น บรรดานักข่าวก็ได้พุ่งออกมาจากทางบันไดหนีไฟ
ตรงนี้มันเป็นชั้นสิบสอง ถึงแม้พวกเขาจะวิ่งทั่วไปทั้งวัน แต่ถ้าต้องเทียบสมรรถนะทางร่างกายกับมืออาชีพอย่างเหอเชิ่งมันก็ห่างชั้นกันไกลเลย
เหอเชิ่งสามารถวิ่งขึ้นมาถึงในรวดเดียว แต่พวกเขากลับต้องหยุดพักไปหลายรอบเลยกว่าจะขึ้นมาถึง
เพียงแต่ พอนักข่าวพวกนี้ได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า ก็ไม่มีเวลาไปสนใจความเหนื่อย ยกกล้องขึ้นมาแล้วระดมกดชัตเตอร์กันรัวๆ
นักข่าวหลายคนก็ได้ยื่นไมค์มาตรงหน้าเฉินหวั่นชิงกับเย่เทียน แล้วถามไปอย่างจริงใจว่า “ประธานเฉิน คุณน่าจะอยู่ในลิฟต์ไม่ใช่เหรอครับ? แล้วคุณออกมาได้ยังไงคะ?”
“ประธานเฉิน ทำไมอยู่ดีๆ ลิฟต์มันถึงร่วงลงไปได้ล่ะคะ? มีคนจงใจทำให้มันเกิดขึ้นใช่มั้ยคะ? หรือคุณภาพของลิฟต์มันต่ำอยู่แล้ว?”
ไม่เสียแรงที่ทำงานสายนี้ คำถามของพวกนักข่าวแต่ละอันนี่เฉียบคมและตรงประเด็นมาก
แต่ยังไงเฉินหวั่นชิงก็เป็นประธานกรรมการของบริษัทแซ่เฉิน ก็ต้องมีสูตรในการรับมือกับพวกนักข่าวอยู่แล้ว เธอได้ก้าวออกมา แล้วกลับไปอยู่ในภาพลักษณ์ของหญิงแกร่งเหมือนอย่างเคย
“ขอให้ทุกท่านโปรดเงียบลงก่อน เชื่อว่าทุกท่านก็คงอยากรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ขอให้ทุกท่านโปรดเงียบแล้วฟังฉันพูดค่ะ”
พอพวกนักข่าวได้ยิน ต่างก็พากันเงียบไปตามๆ กัน รอคอยเฉินหวั่นชิงอธิบายกับเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ
เฉินหวั่นชิงรีบดึงเย่เทียนเข้ามา แล้วแนะนำอย่างจริงจังว่า “ก่อนที่จะพูด ฉันขออนุญาตแนะนำกับทุกท่านก่อนว่า ข่าวลือในโซเชี่ยลนั้นเป็นความจริง คนนี้ก็คือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉัน เย่เทียนคุณชายเย่ค่ะ!”
ไม่รอให้พวกนักข่าวมีโอกาสได้ถาม เฉินหวั่นชิงก็พูดต่อทันที “ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน ฉันกับสามีของฉันได้นั่งลิฟต์ลงมา ตอนแรกก็ตังใจจะมาแถลงข่าวเกี่ยวกับคำพูดที่โจมตีพวกเราสองคนในโซเชี่ยล แต่ตอนที่ลิฟต์ลงมาถึงชั้นยี่สิบมันก็เกิดหยุดชะงักขึ้นกลางคัน”
“ได้เกิดความขัดข้องขึ้นกับลิฟต์ พวกเราถูกขังไว้ด้านใน เราได้ปีนออกมาจากทางช่องลมขึ้นไปบนคานที่อยู่ในปล่องลิฟต์จึงสามารถรอดพ้นจากเหตุการณ์ลิฟต์ตกในครั้งนี้ได้ค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่