ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 232

ห้องหนังสือตระกูลเจิ้น

เจิ้นเซ่าเฉินยืนตัวตรงดิ่ง ก้มศีรษะลงเล็กน้อย วางท่วงท่าไว้ต่ำสุด

ส่วนที่อยู่ตรงหน้าเขา คือผู้ชายวัยกลางคนที่มีลักษณะคล้ายกับเขาในระดับหนึ่งกำลังนั่งอยู่ นอกจากเจิ้งกั๋วโสงแล้วยังมีใครได้อีก?

“เซ่าเฉิน ฟังคนข้างล่างบอกมา แกดึงเงินทุนหมุนเวียนครึ่งหนึ่งไปโจมตีสกัดราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉิน?”

เจิ้งกั๋วโสงขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา พูดอย่างค่อนข้างไม่พอใจ “แต่ไหนแต่ไรมา แกไม่ใช่คนที่วู่วาม นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน?”

“พ่อครับ ไม่ใช่ผมวู่วาม เป็นเรื่องจำใจที่ต้องทำจริงๆ ครับ!”

เจิ้นเซ่าเฉินหัวเราะขมขื่นพลางส่ายหน้า “ธรรมบาลฝั่งซ้ายไม่พอใจความคืบหน้าของพวกเราเอามากๆ อยากเข้ามาด้วยตัวเองครับ”

“อะไรนะ? ธรรมบาลฝั่งซ้ายจะเข้ามา!”

ชั่วขณะนั้นเจิ้งกั๋วโสงตกใจจนอดยืดหลังตรงขึ้นไม่ได้ “นี่คือมันตั้งแต่เมื่อไรกัน?”

“โทรศัพท์มาหาผมเมื่อเช้านี้ครับ คาดว่าในสองวันนี้จะมาถึงเจียงหนันครับ”

เจิ้นเซ่าเฉินพยักหน้า พูดอย่างขมขื่น “เขาเตือนผมว่า ถ้ารอเขาเข้ามา แล้วพวกเราทำผลงานอะไรออกมาไม่ได้ล่ะก็ เขาจะลงโทษพวกเราครับ”

“พ่อครับ วิธีการของธรรมบาลฝั่งซ้ายพ่อรู้ดียิ่งกว่าผมอีก เฉินหยังบีบให้ลงจากตำแหน่งแต่ก็ล้มเหลว ผมคิดหาวิธีอะไรไปต้านบริษัทตระกูลเฉินที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ ครับ”

สีหน้าเจิ้งกั๋วโสงเปลี่ยนไปนิดหน่อย คิดเชื่อมโยงถึงวิธีการโหดเหี้ยมของธรรมบาลฝั่งซ้ายพรรคชิงเฉิงแห่งนั้นขึ้นมา ก็รู้สึกเพียงเสียวสันหลังวาบ

เงียบงันอยู่พักหนึ่ง เจิ้งกั๋วโสงถึงถามด้วยเสียงทุ้ม “หมาป่าโลภทางนั้นล่ะ? เขายังไม่ติดต่อมาอีกเหรอ?”

“ไม่ครับ”

“นี่ก็น่าแปลกแล้ว ในเมื่อหมาป่าโลภอยากได้ยาชีวภาพ ทำไมช่วงเวลานี้ถึงไม่มีการเคลื่อนไหวเลยล่ะ?”

เจิ้งกั๋วโสงบ่นพึมพำสักหน่อย ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ “เซ่าเฉิน แกว่าหมาป่าโลภจะรู้เหมือนกันรึเปล่าว่าพวกเราก็อยากได้ยาชีวภาพ ดังนั้นเขาถึงไม่ติดต่อพวกเราแล้ว?”

“น่าจะเป็นไปไม่ได้นะครับ”

เจิ้นเซ่าเฉินส่ายหน้าเล็กน้อย “ตอนที่ผมกับหมาป่าโลภติดต่อกันยังระมัดระวังตัว เขาน่าจะไม่รู้ว่าพวกเราก็ต้องการยาชีวภาพเหมือนกัน”

หน้าผากเจิ้งกั๋วโสงบีบแน่นจนเกิดรอยย่นสามเส้น พูดเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ “เซ่าเฉิน เรื่องราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินแกมีความมั่นใจรึเปล่า?”

“ครั้งนี้แกใช้เงินทุนหมุนเวียนครึ่งหนึ่งของตระกูลเลยนะ ถ้าเกิดล้มเหลว กลัวว่าจะทำให้ตระกูลเจิ้นของพวกเราถอยหลังสิบปี”

“พ่อครับ พ่อวางใจได้เลยครับ!”

เจิ้นเซ่าเฉินหัวเราะเล็กน้อย “ความผันผวนของราคาหุ้นบริษัทตระกูลเฉินครั้งนี้ นอกจากพวกเราตระกูลเจิ้นแล้ว ยังมีอิทธิพลอื่นอีก”

“ถึงแม้ผมจะยังไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ดูจากสถานการณ์ในวันนี้ พวกเราก็ไม่ใช่พวกที่ธรรมดาอะไรครับ”

เจิ้งกั๋วโสงได้ยิน หัวใจที่พะวงถึงผ่อนคลายลงบ้างแล้ว แต่เงินทุนที่เอาไปใช้ในครั้งนี้มากเหลือเกินจริงๆ เขายังคงเลี่ยงไม่กังวลได้ยาก

“เซ่าเฉิน ฉันว่าสู้เอาแบบนี้ดีกว่า เรื่องของราคาหุ้นตระกูลเฉินก็เอาตามที่แกพูดไปก่อน แต่ว่า......”

“พรุ่งนี้แกคิดหาวิธีติดต่อหมาป่าโลภ ดูว่าทางนั้นสถานการณ์เขาเป็นยังไง”

“ถ้าเขามีแผนการอะไร แกต้องพยายามให้ความร่วมมือกับเขา!”

“พวกเราลงมือพร้อมกันทั้งสองทาง หวังว่าตอนที่ธรรมบาลฝั่งซ้ายเข้ามา พวกเราพอจะได้รับผลงานที่เอาออกมาโชว์ได้บ้าง!”

แนวทางมั่นคงนี้ของเจิ้งกั๋วโสง เจิ้นเซ่าเฉินย่อมไม่มีปัญหาอะไรเป็นธรรมดา “ครับ!”

ก๊อกๆ!

เวลานี้ ประตูห้องหนังสือกลับมีคนเคาะดังขึ้น

“เข้ามา!”

คนใช้ตระกูลเจิ้นคนหนึ่งก้าวเข้ามาอย่างค่อนข้างรีบร้อน เรียกสองพ่อลูกตระกูลเจิ้นด้วยความเคารพก่อนสักหน่อย จากนั้นถึงอธิบายเหตุผลที่มา

“นายท่านครับ คุณชายครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! คนของแก๊งไผ่เขียวและแก๊งเสือดำทั้งสองรวมตัวกันขึ้นมาลงมือกับแก๊งมังกรแล้วครับ”

“อะไรนะ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่