ตอนที่ตลาดหุ้นพักช่วงกลางวัน ราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินภายใต้การบัญชาของจางเวย ถูกกดไปถึงสามสิบเก้าหยวนจนสำเร็จ!
แน่นอนว่า ในนี้มีความช่วยเหลือของเจิ้นเซ่าเฉินอยู่ไม่น้อย
ตระกูลเจิ้นเป็นหนึ่งในสองตระกูลเก่าแก่เพียงหนึ่งเดียวของเมืองเจียงหนัน เส้นสนกลในยังแกร่งกว่าจางเวยเป็นร้อยเท่า
ถ้าบอกว่าจางเวยทุ่มเงินจำนวนแปดร้อยล้านในราคาหุ้นบริษัทตระกูลเฉินเป็นเพียงการกระทำน้อยนิด งั้นสามพันล้านที่เจิ้นเซ่าเฉินเตรียมไว้คงเป็นการกระทำใหญ่โตมากแน่
ราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินในช่วงสองชั่วโมงกว่าตอนตลาดเปิดช่วงเช้าถูกกดลงไปที่ราคาสามสิบเก้าหยวน ตระกูลเจิ้นคือผู้มีคุณูปการน่ายกย่องที่สุด
แต่ ต้องบอกว่าการร่วมมือของตระกูลเจิ้นและตระกูลจางก่อให้เกิดผลกระทบที่ใหญ่โตออกมา
ตัดพวกหัวดื้อที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมต่อบริษัทตระกูลเฉินส่วนหนึ่ง ผู้ถือหุ้นเล็กเหล่านั้นหวาดผวาอย่างยิ่งตั้งแต่แรก เทขายหุ้นของตระกูลเฉินออกแล้ว
เงินทุนที่ฉินเจิ้งสนับสนุนมาถึงในมือของเฉินหวั่นชิงตั้งนานแล้ว โดยเฉพาะจำนวนไม่ใช่แค่หนึ่งพันล้าน
สองพันล้าน!
นายท่านฉินควักออกมาสองพันล้านอย่างใจกว้างมาก ภายในนี้นายท่านฉินคงมีความหมายผูกมัดเย่เทียนเอาไว้ถึงที่สุดอยู่ไม่น้อย
แต่ เฉินหวั่นชิงที่รับเงินมากลับไม่ได้รีบทุ่มเข้าไปในตลาดหุ้นกอบกู้ราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินทันที แต่ว่ากำลังซื้อหุ้นของบริษัทก่อสร้างเทียนเฉินอยู่แบบเงียบๆ
ถึงบอกว่าคุณหนูใหญ่เฉินไม่ใช่คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอะไร แต่ก็ไม่ใช่คนที่ใครจะมาหาเรื่องได้ง่ายๆ
เดิมทีเฉินหวั่นชิงอัดอั้นตันใจเพราะเรื่องที่เฉินหยังบีบให้ลงจากตำแหน่ง แต่อย่างไรเสียเฉินหยังก็เป็นลูกหลานตระกูลเฉิน
พิจารณาถึงท่าทีของท่านปู่เฉิน เฉินหวั่นชิงไม่ได้กระทำการระบายอารมณ์ใดๆ ต่อเฉินหยังออกมา เพียงแค่นำเรื่องนี้มอบให้ท่านปู่เฉินไปจัดการ
แล้วจางเวยดันมาสร้างเรื่องเดือดร้อนให้เธอในเวลานี้อีก เธอจะปล่อยจางเวยไปง่ายดายได้อย่างไรล่ะ?
“เชอะ! เย่เทียนแกไอ้สารเลว ในเมื่อแกไม่รับความหวังดี งั้นก็เตรียมคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าฉันเถอะ!”
น่าเสียดายแค่ว่า จางเวยที่สมาธิจดจ่ออยู่ภายในราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินไม่สังเกตถึงความผิดปกติของบริษัทตนเอง แต่ทว่าเพ้อฝันจัดให้บริษัทตระกูลเฉินเป็นหมูในอวย และภาพของเย่เทียนที่ขอความเมตตาอย่างต่ำต้อยจนเหมือนหมา
พอนึกมาถึงตรงนี้ จางเวยอดไม่ไหวส่งเสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากภายในใจ
ช่วงบ่ายพอตลาดหุ้นเปิดเทรด จางเวยสั่งการโบรกเกอร์อีกครั้ง ภายในหนึ่งชั่วโมงต้องกดราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินลงไปถึงสามสิบ จากนั้นซื้อหุ้นกลับมา!
“ประธานจางครับ หุ้นห้าล้านหุ้นที่พวกเราเพิ่งปล่อยออกไปถูกคนซื้อไปหมดแล้วครับ!”
เพียงแต่ ไม่นานเสียงของโบรกเกอร์ก็ทำลายความคิดเพ้อฝันอันงดงามของจางเวยลงแล้ว
“อะไรนะ? ห้าล้านหุ้นคนซื้อไปหมดแล้ว?”
ชั่วพริบตาเดียวจางเวยตกใจค้าง เวลาโดยรวมนี้ไม่พอถึงหนึ่งนาทีเต็มด้วยซ้ำ ถูกคนซื้อไปแล้ว?
ต้องรู้ว่า ตอนช่วงเช้านั้นเดิมทีไม่มีใครกล้าซื้อหุ้นของบริษัทตระกูลเฉิน ในชั่วพริบตาล้วนเทขายหมด ทำไมช่วงบ่ายพอเปิดตลาดกลับต่างกันมากขนาดนี้ได้ล่ะ?
จางเวยขมวดคิ้วขึ้นมา “ตอนนี้ราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินเท่าไร?”
โบรกเกอร์รายงานตามจริง “สี่สิบห้าครับ!”
“อะไรนะ?”
จางเวยได้ยิน ยิ่งขมวดคิ้วลึกขึ้นกว่าเดิม บ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ “เมื่อกี้ไม่ใช่กดไปถึงสามสิบเก้าหยวนแล้วเหรอ? ทำไมพักหนึ่งก็เด้งกลับมาที่สี่ห้าหยวนอีกแล้ว?”
ผ่านพ้นเวลาช่วงเช้ามา ราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินจากห้าสิบห้ากดลงไปสามสิบเก้า นี่แค่เวลาเท่าไรกัน ทำไมเพิ่มไปที่สี่สิบห้าหยวนแล้ว?”
โบรกเกอร์ส่ายหน้าด้วยความขมขื่น “ประธานจางครับ ทางนั้นที่ซื้อหุ้นพวกเราห้าล้านหุ้นไปเมื่อสักครู่กำลังชูป้าย อยากใช้ราคาสี่สิบห้าหยวนซื้อไปอีกห้าล้านหุ้นครับ”
“ห้าล้านหุ้น? นั่นไม่ใช่เจ็ดสิบห้าล้านเหรอ?”
จางเวยสีหน้าอึมครึมอย่างยิ่ง อดไม่ได้บ่นพึมพำขึ้นมา “สรุปว่าเป็นอิทธิพลไหนกำลังแทรกแซงอยู่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่