“ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว? ราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินเท่าไรแล้ว?”
จางเวยรู้สึกประหม่าจนเหงื่อออกโชกทั้งตัว ทรงผมที่หล่อเท่เป็นเพราะวิตกกังวลเลยขยำออกมาเป็นสภาพรังนก
เดิมทีเขายังคิดว่าราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินต้องขึ้นแบบไม่ต้องสงสัย แต่ที่นึกไม่ถึงโดยสิ้นเชิง กลับมีบุคคลที่สามโผล่ออกมากดราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉิน
นี่ทำให้เขาดีอกดีใจใหญ่ รีบกำชับโบรกเกอร์เพิ่มการโจมตี พยายามทำลายบริษัทตระกูลเฉินให้ล้มจนลุกขึ้นมาไม่ได้อีก
“ประธานจางครับ ห้าสิบห้าครับ”
โบรกเกอร์พูดอย่างประหม่า “หลังจากฝ่ายใหม่เข้าร่วมศึก แนวโน้มราคาหุ้นบริษัทตระกูลเฉินหวนเพิ่มขึ้นก็ควบคุมลงมาแล้วครับ”
“แต่ ไม่ว่าคนไหนที่ช่วยเหลือบริษัทตระกูลเฉินก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆ เหมือนกันครับ ผู้ช่วยเหลือทั้งสองสู้กันติดๆ มาสองสามครั้ง โดยพื้นฐานราคาคงที่อยู่ระหว่างห้าสิบห้าถึงหกสิบหยวนครับ”
“แม่งเอ๊ย ฉันไม่เชื่อว่าคนคนนั้นที่ช่วยบริษัทตระกูลเฉินจะไม่ขาดเงิน!”
จางเวยส่งเสียงคำรามโหดออกมา สอบถามว่า “ตอนนี้ในมือพวกเรามีหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินเท่าไร?”
“ยังมีประมาณสามล้านหุ้นครับ”
โบรกเกอร์พูดด้วยความจำใจ “ตอนนี้เดาว่าแม้แต่คนไม่มีความรู้เรื่องหุ้นยังดูออกว่าเป็นคนชั้นสูงทะเลาะกัน นักลงทุนทั่วไปคงไม่เทขายมากเท่าไร ต่อให้มีอยู่ไม่กี่หุ้นแบบนั้น ล้วนถูกคนของสองฝ่ายแย่งไปหมดแล้วครับ”
ครุ่นคิดพักหนึ่ง จางเวยสั่งว่า “เทขายสามล้านหุ้นในมือของพวกเราออกไป”
โบรกเกอร์รีบดำเนินการ เทขายสามล้านหุ้นที่เหลือในมือออกไปแล้ว “ประธานจางครับ ขายออกไปแล้วครับ”
“ตอนนี้พวกเราใช้ราคาหกสิบห้าหยวนซื้อห้าล้านหุ้นกลับมา ฉันไม่เชื่อว่าราคาสูงขนาดนี้จะไม่มีคนเทขาย!”
จางเวยกัดฟันแน่นบอกไป “ฉันไม่เชื่อว่าบริษัทตระกูลเฉินจะสามารถต้านพวกเราทั้งสองทางได้!”
“ประธานจางครับ เกรงว่าคงซื้อห้าล้านหุ้นไม่ได้ครับ”
“ตอนนี้นอกจากสามล้านหุ้นที่พวกเราเพิ่งขายออกไป โดยพื้นฐานในมือไม่มีเงินแล้วครับ”
เพียงแต่ คำพูดที่ขมขื่นของโบรกเกอร์ทำให้หัวใจดวงหนึ่งของจางเวยดิ่งลึกลงเหว
“อะไรนะ!” ข่าวนี้เกือบทำให้จางเวยหมดสติลงไปโดยตรง
แต่ พอคิดดูรอบหนึ่ง จางเวยกลับพอจะเข้าใจได้ ราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินตอนนี้ยังคงพุ่งสูงไม่ลด ช่วงเวลาสั้นๆ ขนาดนี้ดำเนินการกลับไปกลับมา ใช้เงินจนหมดย่อมไม่น่าแปลก
เดินกลับไปกลับมาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จางเวยยังพูดสั่งว่า “เอาแบบนี้แล้วกัน นายเทขายหุ้นของบริษัทก่อสร้างเทียนเฉินของพวกเราก่อนสักหน่อย แลกเงินออกมาก่อนหน่อย”
“คือ.......”
โบรกเกอร์ลังเลนิดหน่อย พูดเสียงอ่อนลง “ประธานจางครับ เกรงว่าแค่ขายไปสักหน่อยเดิมทีคงไม่พอครับ”
“ราคาหุ้นของพวกเราตอนนี้ตกลงไปใกล้จะแปดสิบเปอร์เซ็นต์ครับ จากเดิมที่สี่สิบหกหยวน ตกลงไปอยู่สิบหยวนในตอนนี้”
จางเวยตะลึง ดึงคอเสื้อของโบรกเกอร์เข้ามาทันใด ตะคอกด้วยท่าทีโหดร้าย “นายว่าอะไรนะ!”
โบรกเกอร์อกสั่นขวัญแขวนตอบว่า “ประ ประธานจาง ตอนนี้ราคาหุ้นของพวกเราตกลงไปที่สิบหยวนแล้วครับ โดยเฉพาะยังตกลงไปอีกครับ”
“เป็น เป็นไปได้ยังไง? ทำไมอยู่ดีๆ ราคาหุ้นถึงตกล่ะ?”
จางเวยหน้าตาดูไม่อยากเชื่อใช้แรงเขย่าโบรกเกอร์อยู่
“ประ ประธานจางครับ ช่วงเช้าตอนที่เปิดตลาดมีคนกว้านซื้อหุ้นของพวกเราจำนวนมาก และตอนบ่ายก็เทขายจำนวนมากครับ เรื่องนี้ผมเคยเตือนสติคุณไปแล้ว แต่คุณให้พวกเราไม่ต้องสนใจ ทุ่มกำลังจ้องบริษัทตระกูลเฉินเอาไว้......”
โบรกเกอร์โดนเขย่าจนหน้ามืดตาลาย รีบอธิบายขึ้นมาทันที
ภายใต้การเตือนสติอันนี้ ในหัวสมองจางเวยฟื้นความทรงจำกลับมาบ้างแล้ว
เพียงแต่ ตอนที่โบรกเกอร์เตือนสติเมื่อช่วงเช้า เขาในตอนนั้นตกอยู่ในความคิดเพ้อฝันว่าเย่เทียนคุกเข่าต่อหน้าตนเองกำลังประจบเอาใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่