ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 253

ในตอนที่กำลังจุดไฟเผาสวนน้ำอยู่นั้น ก็มีรถแท็กซี่คันหนึ่งถูกขับมาที่หน้าวิลล่าของเจิ้นเซ่าเฉินแห่งเจียงหนัน

เมื่อรถแท็กซี่จอดสนิท ก็มีชายที่ใส่สูทราคาแพง สวมหมวกแจ็ส พร้อมกับเครื่องหนังสไตล์อังกฤษคนหนึ่งก้าวลงจากทางหลังรถ

แต่ที่น่าเสียดายคือ ชายคนนี้มีตาที่เป็นทรงสามเหลี่ยม จมูกแบนป้าน คางแหลม ถ้าแยกดูเป็นส่วนๆ ก็ไม่มีอะไร แต่พอมารวมกันแล้ว เป็นตัวแทนของความคูลได้ดีจริงๆ แค่มองก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่นอน

และเขาคนนี้ ก็คือธรรมบาลฝั่งซ้ายแห่งพรรคชิงเฉิง เชิ่งหัวนั่นเอง!

“ธรรมบาลฝั่งซ้าย คุณมาถึงแล้วทำไมไม่แจ้งก่อนล่ะครับ? ผมจะได้ส่งคนไปรับคุณ!”

เจิ้นเซ่าเฉินที่ได้รับเรื่องได้รีบออกมาจากวิลล่าอย่างแตกตื่น พร้อมกับทำตัวต้อยต่ำที่สุด

“ถ้าผมแจ้งให้คุณรู้ก่อน ผมก็คงไม่ได้เห็นอะไรมากมายแล้วมั้ง?”

เชิ่งหัวเหลือบมองเจิ้นเซ่เฉินอย่างสบายๆ จากนั้นก็เดินเข้าไปในวิลล่าอย่างไม่สนใจใคร

หางตาของเจิ้นเซ่าเฉินถึงกับกระตุก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร แล้วเดินตามไปอย่างว่าง่ายราวกับเป็นหลานคนหนึ่ง

ตอนที่เดินเข้ามาถึงที่ห้องโถงของวิลล่า เชิ่งหัวก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน พอเห็นชายที่นั่งอยู่ตรงโซฟา สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที

พอเจิ้นเซ่าเฉินที่เดินตามหลังมาเห็นอย่างนั้น ก็รีบแนะนำไปว่า “ธรรมบาลฝั่งซ้ายครับ นี่คือหัวหน้าแก๊งหมาป่าโลภแห่งแก๊งS.P.Lครับ”

ถูกต้อง! คนที่อยู่ในห้องโถงไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นหมาป่าโลภนั่นเอง!

เดิมทีตอนที่ขาดทุนจากเรื่องหุ้นมันก็ทำให้เจิ้นเซ่าเฉินสิ้นหวังมาก แต่ว่าคืนนั้นก็เห็นหมาป่าโลภที่ต้านเย่เทียนไม่ไหวจนต้องหนีไป เขาก็รู้สึกดีใจมาก จึงรีบรับหมาป่าโลภออกไป

ไม่ว่ายังไง หมาป่าโลภก็เป็นถึงนักบู๊ระดับดำชั้นล่าง เมื่อมีเขาอยู่ ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไรหรอกมั้ง?

“ผมรู้ว่าเขาเป็นใคร”

เชิ่งหัวไม่แม้แต่จะมองเจิ้นเซ่าเฉิน เอาแต่จ้องมองหมาป่าโลภด้วยสายตาที่ขบขัน และพูดแซวไปว่า “ภาพนี้ช่างหาดูได้ยากจริงๆ หมาป่าโลภผู้โด่งดังถึงกับเจ็บหนัก ไม่ได้พบเห็นกันบ่อยๆ นะครับเนี่ย!”

แค่มองทีเดียวเขาก็รู้แล้วว่าหมาป่าโลภกำลังบาดเจ็บสาหัส เห็นได้ชัดว่าเขานั้นแข็งแกร่งแค่ไหน

“ธรรมบาลฝั่งซ้าย หัวหน้าแก๊งหมาป่าโลภเขา…..”

เมื่อรับรู้ได้ถึงคำพูดที่ไม่เป็นมิตรของเชิ่งหัว เจ้าเซ่าเฉินจึงรีบพูดไป

แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดจบ เชิ่งหัวก็พูดขัดขึ้นมาโดยที่ไม่แม้แต่จะหันมา

“หุบปาก! ที่นี่คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะพูด”

เจิ้นเซ่าเฉินที่ได้ยินอย่างนั้น ก็เหมือนอาการชักกระตุกตรงหางตานั้นจะ ติดต่อกันได้และลามจนหน้าทั้งหน้าเริ่มสั่นขึ้นมาแล้ว

ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่เขาก็เลือกที่จะหุบปากไปอย่างว่าง่าย และไม่กล้าพูดอะไรอีก

มันไม่มีเหตุผลอื่น นอกเสียจากเจิ้นเซ่าเฉินจะรู้ฐานะของตัวเองดี

ต่อหน้าคนนอก เจิ้นเซ่าเฉินนั้นเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเจิ้นผู้น่าเกรงขาม เป็นบุคคลระดับสูงอย่างไร้ข้อกังขา

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเชิ่งหัว อย่าว่าแต่เขา แม้แต่เจิ้งกั๋วโสงพ่อของเขา ก็เป็นแค่หมาตัวหนึ่งที่พรรคชิงเฉิงเลี้ยงไว้เท่านั้น! เป็นหมาตัวหนึ่งที่เรียกแล้วต้องมาไล่แล้วต้องไปเท่านั้น!”

“เชิ่งหัว คุณไม่ต้องมาล้อเลียนผมเลย”

เมื่อเทียบกับความอับอายของเจิ้นเซ่าเฉินแล้ว หมาป่าโลภก็ดูสงบกว่าเยอะ “ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเก่งสุดในใต้หล้าอยู่แล้ว การที่จะได้รับบาดเจ็บจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”

“จิ๊จิ๊ ยากยากนะที่คุณจะเจียมตัวแบบนี้”

เชิ่งหัวเบ้ปาก แล้วพูดด้วยสีหน้าที่จะยิ้มไม่ยิ้ม “บอกมา ว่าทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”

หมาป่าโลภตอบมาอย่างสง่างามว่า “เป็นเพราะยาชีวภาพ! เชิ่งหัว ถ้าคุณอยากได้ยาชีวภาพ ก็จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากผม!”

“นี่คุณบอกเขาทุกอย่างแล้วใช่มั้ย?”

พอเชิ่งหัวได้ยินอย่างนั้น สิ่งแรกที่ทำไม่ใช่การตอบกลับหมาป่าโลภ แต่เป็นการหันหน้าแล้วจ้องเขม็งไปยังเจิ้งเซ่าเฉินด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมทันที พร้อมกับแรงกดดันที่ถูกปล่อยออกมาจากรอบตัวอย่างช้าๆ

เรื่องที่หมาป่าโลภมาขอความร่วมมือนั้นเขารู้ดี ตอนแรกเขาให้เจิ้งเซ่าเฉินใช้งานหมาป่าโลภเหมือนเบี้ยตัวหนึ่ง ตั้งใจจะใช้แผนตั๊กแตนจับจักจั่นแล้วนกกระจอกก็อยู่ข้างหลัง

ถึงตอนนั้น คนภายนอกก็จะรู้แค่ว่ายาชีวภาพได้ตกไปอยู่ในมือของแก๊งS.P.Lแล้ว และจะไปสร้างปัญหาให้แก๊งS.P.L แต่ไม่รู้กันเลยว่ายาชีวภาพได้ตกมาอยู่ในมือของพรรคชิงเฉิงแล้ว ใช้แผนที่ทำให้คนอื่นรับกรรมไปแทน

แต่เขาไม่นึกเลยว่า เจิ้นเซ่าเฉินกลับไม่ยอมฟังที่เขาพูด บอกเรื่องที่พรรคชิงเฉิงก็ต้องการยาชีวภาพเหมือนกันให้หมาป่าโลภไป นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่อนุญาตเด็ดขาด!

ซิ่ว!

เจิ้นเซ่าเฉินเหมือนถูกเขาทับอยู่บนร่าง เริ่มหายใจลำบาก ทั่วร่างเริ่มมีเม็ดเหงื่อที่ใหญ่เท่าเม็ดถั่วไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

ต่อให้ร่างกายของเขาจะสูงใหญ่ แต่ยังไงก็เป็นแค่คนธรรมดา แล้วจะไปทนรับแรงกดดันจากธรรมบาลฝั่งซ้ายแห่งพรรคชิงเฉิงได้ยังไง

แต่ที่โชคดีคือ ตอนที่เจิ้งเซ่าเฉินทนไม่ไหวจนกำลังจะคุกเข่าลงเพื่อขอร้องอ้อนวอนนั้น น้ำเสียงที่เรียบเฉยของหมาป่าโลภก็ได้ดังขึ้น

“ไม่ต้องให้เขาบอกผมหรอก หมาป่าโลภคนนี้ออกสู่ยุทธภพมาตั้งกี่ปี ถ้าไม่มีสมองสักนิดละก็ เกรงว่าคงได้ตายจนไม่รู้จะตายยังไงแล้ว”

“ตระกูลเจิ้นเป็นหนึ่งในสองตระกูลที่อยู่มานับร้อยปี ปกครองเจียงหนันมานานขนาดนี้ ผมเชื่อว่าต้องรู้เรื่องของยาชีวภาพเป็นอย่างดีแน่นอน”

“บวกกับการที่ผมเพิ่งส่งคนมาติดต่อด้วย คุณชายเจิ้นก็ให้ความร่วมมือมาก แล้วทำไมผมถึงจะทายใจไม่ออกล่ะครับ?”

อาจเป็นเพราะคำพูดของหมาป่าโลภมีผล เชิ่งหัวถลึงตาใส่เจิ้นเซ่าเฉินไปทีหนึ่ง แล้วแรงกดดันที่ปกคลุมอยู่ทั่วร่างก็ได้สลายไป

เจิ้นเซ่างเฉินทนไม่ไหวจนรีบหายใจเป็นการใหญ่ เหมือนคนที่เพิ่งถูกดึงขึ้นมาจากน้ำ ร่างกายเปียกชุ่มไปทั้งตัว

“หมาป่าโลภ ถ้าเป็นก่อนที่คุณจะได้รับบาดเจ็บ ผมอาจจะเริ่มลงมือกับคุณก็ได้”

เชิ่งหัวจ้องมองหมาป่าโลภด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจว่า “แต่ตอนนี้คุณบาดเจ็บสาหัส จะปลดปล่อยความสามารถได้สักแค่ไหน? แล้วทำไมผมถึงต้องร่วมมือกับคุณด้วย?”

“ถึงผมจะบาดเจ็บแล้วมันจะยังไง? ยังไงผมก็อยู่ในระดับดำชั้นล่าง ต่อให้ตอนนี้ผมจะใช้ความสามารถได้แค่หกส่วนมันก็ไม่ใช่อะไรที่ระดับดำชั้นกลางจะต้านทานไหว!”

หมาป่าโลภส่ายหัว พร้อมกับทำหน้าหยิ่งยโส

“แค่ตระกูลเฉินที่เล็กจ้อยจะมีดีสักแค่ไหน ถ้าทำให้ผมโกรธอย่างมากก็แค่บุกบ้านตระกูลเฉินตอนกลางคืน ถ้าไม่ยอมส่งยาชีวภาพออกมาซะดีๆ แค่ฆ่าพวกมันให้สิ้นซากก็พอ!”

เชิ่งหัวจะพูดก็ได้ไม่พูดก็ได้ และปลดปล่อยจิตสังหารออกมาจนเกิดเสียง

หมาป่าโลภส่ายหน้าอย่างขมขื่น “คุณห้ามดูถูกความสามารถของตระกูลเฉิน ห้ามดูถูกเย่เทียนเด็ดขาด”

พอเชิ่งหัวได้ยินแบบนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นมาทันที

“เย่เทียน? ผมจำได้ว่าเขาเป็นแค่ลูกที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลเย่แห่งเมืองจิน แล้วจะไปมีความสามารถขนาดไหนเชียว?”

“ตอนแรกผมเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

หมาป่าโลภส่ายหน้าอย่างขมขื่น แล้วพูดอย่างลึกซึ้งว่า “ผมไม่กลัวที่จะพูดกับคุณตรงๆ ว่า การที่ผมบาดเจ็บแบบนี้ มันเป็นฝีมือของเย่เทียนนั่นแหละ!”

“เมื่อวิเคราะห์จากการที่ผมได้สู้กับเย่เทียน เกรงว่าอย่างน้อยความสามารถของเย่เทียนก็น่าจะเป็นขั้นสูงสุดของระดับดำ อีกแค่ก้าวเดียวก็เข้าสู่ระดับดินแล้ว”

พอเชิ่งหัวได้ยินอย่างนั้น สีหน้าก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “คุณไม่ได้โกหกใช่มั้ย?”

“เรื่องถึงขั้นนี้แล้ว คุณคิดว่าผมมีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกคุณอย่างนั้นเหรอ?”

หมาป่าโลภยักไหล่ พูดพร้อมกับกัดฟันว่า “ไม่ใช่แค่นั้น ไอ้คนที่ยื้อเย่เทียนนี่ยังเจ้าเล่ห์มาก ทั้งที่เข้าใจการต่อสู้อย่างลึกซึ้ง แต่กลับจงใจเล่นตุกติกจนทำให้ผมติดกับ”

“ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น ต่อให้เขาจะเป็นขั้นสูงสุดของระดับดำ แล้วจะทำให้ผมต้องตกอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง”

เมื่อได้คำตอบที่ชัดเจน เชิ่งหัวก็เงียบไป แล้วไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน

หลังจากที่เงียบไปเกือบหนึ่งนาที เขาถึงเงยหน้าขึ้นมามองไปที่หมาป่าโลภ แล้วตอบไปว่า

“ได้ ผมสามารถร่วมมือกับคุณได้ ยาชีวภาพแบ่งกันคนละครึ่ง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่