“พ่อหนุ่ม ในเมื่อนายบอกว่ายานี้ใช้กับฉันไม่ได้ผลมากสักเท่าไร งั้นคงต้องพอรู้ว่าฉันป่วยเป็นอะไรอยู่คร่าวๆ กระมัง?”
ถึงแม้เย่เทียนจะแสดงฝีมือออกมาให้เห็นนิดหนึ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไรซูหงจวินก็เป็นคนที่มีประสบการณ์ผ่านโลกมาโชกโชน จะตื่นตกใจง่ายดายได้อย่างไรล่ะ?
เขาที่มากด้วยประสบการณ์ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่ใจว่าเย่เทียนพูดจริงหรือหลอก ท่าทียังถือว่าสุภาพอยู่
แน่นอนว่า ถ้าเย่เทียนไม่พูดเหตุผลออกมา ซูหงจวินก็จะไม่สนใจแล้วปล่อยให้คนไล่เย่เทียนออกไปแน่ ถึงแม้เขาจะเป็นเพื่อนที่มาจากเจียงหนันกับซูเหมยก็ตาม!
“ท่านปู่ครับ ถ้าคุณไม่ถือสาล่ะก็ ผมอยากตรวจชีพจรของคุณสักหน่อยก่อน”
เย่เทียนหัวเราะเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้ตอบปัญหาของซูหงจวิน
“ได้!” ซูหงจวินรีบยื่นมือออกมาทันที
ซ่งชูหลาน เดิมทียังไม่เห็นด้วย แต่ซูหงจวินบอกไปด้วยตนเองแล้ว หล่อนจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดที่ออกมาตรงริมฝีปากลงไป
“เย่เทียน นาย......”
เห็นเย่เทียนเดินเข้ามาสองสามก้าว ซูเหมยกลับกังวลอยู่บ้าง
เธอยังรู้นิสัยปู่ของตนเองอย่างแจ่มแจ้ง อย่ามองว่าตอนนี้ดูเมตตาใจดีเหมือนกับคนมีอายุทั่วไป แต่ถ้าเกิดโมโหขึ้นมาล่ะก็ เธอก็ห้ามไว้ไม่ไหวเหมือนกัน
“วางใจเถอะ เธอเห็นฉันทำเรื่องที่ไม่มีความมั่นใจตั้งแต่เมื่อไร?”
เย่เทียนคลี่ริมฝีปากปากยิงฟันขาวออกมาสองสามซี่อย่างสบายใจ จากนั้นถึงเดินไปที่ข้างกายของซูหงจวิน คัมภีร์หวงในร่างกายหมุนโคจรเปิดออก ขณะเดียวกันทำท่าทางตรวจชีพจร พุ่งเข้าไปภายในร่างกายของซูหงจวินอย่างเงียบๆ
ทว่าภายในเวลาไม่กี่วินาทีสั้นๆ เย่เทียนแน่ใจกับการคาดคะเนก่อนหน้านี้แล้ว รู้สภาพร่างกายของซูหงจวินอย่างทะลุปรุโปร่ง!
“ท่านปู่ซูครับ ถ้าผมพูดไม่ผิดล่ะก็ ก่อนหน้านี้หมอที่ดูอาการให้คุณ น่าจะบอกว่าคุณเป็นโรคหลอดเลือดขนาดเล็กอักเสบมั้งครับ?”
“หน็อยๆๆ นายสิถึงหลอดเลือดอักเสบ หลอดเลือดอักเสบกันทั้งบ้านเลย!”
คำพูดของเย่เทียนเพิ่งจบลงไป ซ่งชูหลาน ก็ทนไม่ไหวด่าทอออกไป “คุณพ่อคะ หนูว่าไอ้เด็กหนุ่มคนนี้คงไม่รู้เรื่องอะไรแล้วแกล้งทำเป็นพูดดีไป ให้คนไล่ออกไปเถอะค่ะ!”
หล่อนไม่เข้าใจการแพทย์ แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อหล่อนในการลดคุณค่าของเย่เทียนไม่ใช่เหรอ?
การกระทำของเย่เทียนและซูเหมยเมื่อสักครู่ นี่พิสูจน์ความจริงต่อการคาดคะเนก่อนหน้านี้ของหล่อนว่าไม่ผิดแน่แบบไม่ต้องสงสัย ความสัมพันธ์ของสองคนย่อมไม่ธรรมดาเด็ดขาด
นี่คือเรื่องที่หล่อนไม่ยินยอมเห็นมากที่สุด หล่อนยังหวังว่าจะสามารถจับคู่ซูเหมยกับหลี่เฟิงได้อยู่ล่ะ!
“หุบปาก!”
น่าเสียดายแค่ว่า ซูหงจวินกลับยักคิ้วขึ้นมานิดหน่อย กวาดสายตามองหล่อนอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง
มีคำกล่าวที่ว่าเอาไว้: พอป่วยนานเข้าคนป่วยจะกลายเป็นหมอ(มีประสบการณ์ต่อเรื่องบางอย่างนานวันเข้าก็สามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนั้นได้)
แม้จะบอกว่าซูหงจวินก็ไม่ได้อยู่ในฐานะแพทย์มืออาชีพเหมือนกัน แต่พอคนอายุมากขึ้น ร่างกายจึงเกิดข้อบกพร่องขึ้นมากตามอย่างเลี่ยงได้ยาก พอนานวันเข้าเขาก็เข้าใจต่อเรื่องการแพทย์มากอยู่พอสมควร
เขารู้ดีมาก การอักเสบของหลอดเลือดเป็นคำศัพท์ที่ละเอียด คำเรียกปกติสามารถเรียกได้ว่าเลือดเป็นพิษ!
เมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของซูหงจวิน ต่อให้ในใจซ่งชูหลาน ไม่ยินยอมแค่ไหน แต่ก็ยังหุบปากลงอย่างโกรธเคือง
“พ่อหนุ่มนายพูดไม่ผิด หมอของฉันบอกว่าฉันเลือดเป็นพิษจริงๆ!”
สายตาที่ซูหงจวินมองทางเย่เทียนไม่เหมือนกับคนอื่นขึ้นมาอยู่บ้าง ท่าทียิ่งดูเกรงใจมากกว่าเดิม และไม่ได้มีความคิดดูถูกเพราะเขาอายุน้อยเลยสักนิด
“ท่านปู่ครับ ความจริงแล้วเดิมทีคุณไม่ได้เลือดเป็นพิษอะไร แต่ว่าโดนพิษแล้วครับ!”
ได้รับคำตอบยืนยัน เย่เทียนพยักหน้าเล็กน้อย พูดอย่างมีพลังโน้มน้าวใจ “นี่คือสาเหตุที่ทำไมก่อนหน้านี้ผมถึงบอกว่ายานี้ไม่มีประโยชน์ต่อคุณไงครับ”
“อาการตอนนี้ของคุณคือโดนพิษครับ ยานี้ใช้มารักษาเลือดเป็นพิษ ยาไม่ถูกโรคแล้วจะได้ประสิทธิผลได้อย่างไรกันล่ะครับ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่