ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 292

“พ่อหนุ่ม ในเมื่อนายบอกว่ายานี้ใช้กับฉันไม่ได้ผลมากสักเท่าไร งั้นคงต้องพอรู้ว่าฉันป่วยเป็นอะไรอยู่คร่าวๆ กระมัง?”

ถึงแม้เย่เทียนจะแสดงฝีมือออกมาให้เห็นนิดหนึ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไรซูหงจวินก็เป็นคนที่มีประสบการณ์ผ่านโลกมาโชกโชน จะตื่นตกใจง่ายดายได้อย่างไรล่ะ?

เขาที่มากด้วยประสบการณ์ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่ใจว่าเย่เทียนพูดจริงหรือหลอก ท่าทียังถือว่าสุภาพอยู่

แน่นอนว่า ถ้าเย่เทียนไม่พูดเหตุผลออกมา ซูหงจวินก็จะไม่สนใจแล้วปล่อยให้คนไล่เย่เทียนออกไปแน่ ถึงแม้เขาจะเป็นเพื่อนที่มาจากเจียงหนันกับซูเหมยก็ตาม!

“ท่านปู่ครับ ถ้าคุณไม่ถือสาล่ะก็ ผมอยากตรวจชีพจรของคุณสักหน่อยก่อน”

เย่เทียนหัวเราะเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้ตอบปัญหาของซูหงจวิน

“ได้!” ซูหงจวินรีบยื่นมือออกมาทันที

ซ่งชูหลาน เดิมทียังไม่เห็นด้วย แต่ซูหงจวินบอกไปด้วยตนเองแล้ว หล่อนจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดที่ออกมาตรงริมฝีปากลงไป

“เย่เทียน นาย......”

เห็นเย่เทียนเดินเข้ามาสองสามก้าว ซูเหมยกลับกังวลอยู่บ้าง

เธอยังรู้นิสัยปู่ของตนเองอย่างแจ่มแจ้ง อย่ามองว่าตอนนี้ดูเมตตาใจดีเหมือนกับคนมีอายุทั่วไป แต่ถ้าเกิดโมโหขึ้นมาล่ะก็ เธอก็ห้ามไว้ไม่ไหวเหมือนกัน

“วางใจเถอะ เธอเห็นฉันทำเรื่องที่ไม่มีความมั่นใจตั้งแต่เมื่อไร?”

เย่เทียนคลี่ริมฝีปากปากยิงฟันขาวออกมาสองสามซี่อย่างสบายใจ จากนั้นถึงเดินไปที่ข้างกายของซูหงจวิน คัมภีร์หวงในร่างกายหมุนโคจรเปิดออก ขณะเดียวกันทำท่าทางตรวจชีพจร พุ่งเข้าไปภายในร่างกายของซูหงจวินอย่างเงียบๆ

ทว่าภายในเวลาไม่กี่วินาทีสั้นๆ เย่เทียนแน่ใจกับการคาดคะเนก่อนหน้านี้แล้ว รู้สภาพร่างกายของซูหงจวินอย่างทะลุปรุโปร่ง!

“ท่านปู่ซูครับ ถ้าผมพูดไม่ผิดล่ะก็ ก่อนหน้านี้หมอที่ดูอาการให้คุณ น่าจะบอกว่าคุณเป็นโรคหลอดเลือดขนาดเล็กอักเสบมั้งครับ?”

“หน็อยๆๆ นายสิถึงหลอดเลือดอักเสบ หลอดเลือดอักเสบกันทั้งบ้านเลย!”

คำพูดของเย่เทียนเพิ่งจบลงไป ซ่งชูหลาน ก็ทนไม่ไหวด่าทอออกไป “คุณพ่อคะ หนูว่าไอ้เด็กหนุ่มคนนี้คงไม่รู้เรื่องอะไรแล้วแกล้งทำเป็นพูดดีไป ให้คนไล่ออกไปเถอะค่ะ!”

หล่อนไม่เข้าใจการแพทย์ แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อหล่อนในการลดคุณค่าของเย่เทียนไม่ใช่เหรอ?

การกระทำของเย่เทียนและซูเหมยเมื่อสักครู่ นี่พิสูจน์ความจริงต่อการคาดคะเนก่อนหน้านี้ของหล่อนว่าไม่ผิดแน่แบบไม่ต้องสงสัย ความสัมพันธ์ของสองคนย่อมไม่ธรรมดาเด็ดขาด

นี่คือเรื่องที่หล่อนไม่ยินยอมเห็นมากที่สุด หล่อนยังหวังว่าจะสามารถจับคู่ซูเหมยกับหลี่เฟิงได้อยู่ล่ะ!

“หุบปาก!”

น่าเสียดายแค่ว่า ซูหงจวินกลับยักคิ้วขึ้นมานิดหน่อย กวาดสายตามองหล่อนอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง

มีคำกล่าวที่ว่าเอาไว้: พอป่วยนานเข้าคนป่วยจะกลายเป็นหมอ(มีประสบการณ์ต่อเรื่องบางอย่างนานวันเข้าก็สามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนั้นได้)

แม้จะบอกว่าซูหงจวินก็ไม่ได้อยู่ในฐานะแพทย์มืออาชีพเหมือนกัน แต่พอคนอายุมากขึ้น ร่างกายจึงเกิดข้อบกพร่องขึ้นมากตามอย่างเลี่ยงได้ยาก พอนานวันเข้าเขาก็เข้าใจต่อเรื่องการแพทย์มากอยู่พอสมควร

เขารู้ดีมาก การอักเสบของหลอดเลือดเป็นคำศัพท์ที่ละเอียด คำเรียกปกติสามารถเรียกได้ว่าเลือดเป็นพิษ!

เมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของซูหงจวิน ต่อให้ในใจซ่งชูหลาน ไม่ยินยอมแค่ไหน แต่ก็ยังหุบปากลงอย่างโกรธเคือง

“พ่อหนุ่มนายพูดไม่ผิด หมอของฉันบอกว่าฉันเลือดเป็นพิษจริงๆ!”

สายตาที่ซูหงจวินมองทางเย่เทียนไม่เหมือนกับคนอื่นขึ้นมาอยู่บ้าง ท่าทียิ่งดูเกรงใจมากกว่าเดิม และไม่ได้มีความคิดดูถูกเพราะเขาอายุน้อยเลยสักนิด

“ท่านปู่ครับ ความจริงแล้วเดิมทีคุณไม่ได้เลือดเป็นพิษอะไร แต่ว่าโดนพิษแล้วครับ!”

ได้รับคำตอบยืนยัน เย่เทียนพยักหน้าเล็กน้อย พูดอย่างมีพลังโน้มน้าวใจ “นี่คือสาเหตุที่ทำไมก่อนหน้านี้ผมถึงบอกว่ายานี้ไม่มีประโยชน์ต่อคุณไงครับ”

“อาการตอนนี้ของคุณคือโดนพิษครับ ยานี้ใช้มารักษาเลือดเป็นพิษ ยาไม่ถูกโรคแล้วจะได้ประสิทธิผลได้อย่างไรกันล่ะครับ?”

“โดนพิษ? เป็นไปไม่ได้! นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”

“โดยพื้นฐานท่านปู่อยู่ที่บ้านตลอด กิจวัตรประจำวันโดยทั่วไปก็ทำเหมือนกันกับพวกเรา ถ้าโดนพิษเข้าจริง งั้นทำไมพวกเราไม่เป็นอะไร?”

ซ่งชูหลาน อดไม่ไหวลุกออกมาอีกรอบ ส่ายศีรษะอย่างกับรัวกลอง

แต่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความไม่พอใจของท่านปู่เมื่อสักครู่นี้ข่มขู่หล่อนไว้ หรือสัมผัสได้ถึงว่าเย่เทียนอาจจะมีความสามารถจริง ด้านคำพูดกลับไม่ได้บีบบังคับให้ยอมอีก

“ท่านปู่ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันที่คุณจะป่วยได้ออกไปข้างนอกมาหรือเปล่าครับ? น่าจะไปสัมผัสใกล้ชิดกับพืชประเภทเครือเถาวัลย์สักอย่างมาด้วยแล้ว?”

เย่เทียนไม่ได้สนใจหล่อนตั้งแต่แรก สายตาจ้องไปที่ซูหงจวินโดยตรง

“พืชจำพวกเครือเถาวัลย์?”

ซูหงจวินนึกย้อนความจำอย่างละเอียดพักหนึ่ง พยักหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ “เหมือนว่ามีเรื่องแบบนี้อยู่นะ ก่อนหน้านี้ฉันไปที่เหมืองแร่รอบหนึ่ง อยู่ด้านในเหมือนจะไปโดนพวกเครือเถาวัลย์เข้าให้”

“งั้นก็ถูกต้องแล้วครับ!”

เย่เทียนได้ยิน ชั่วขณะนั้นดีใจยกใหญ่ พูดอย่างแน่ใจว่า “ท่านปู่ครับ เหตุผลที่คุณโดนพิษเข้า เป็นเพราะสัมผัสเครือเถาวัลย์พวกนั้นครับ!”

ตอนแรกที่มองเห็นทั่วทั้งตัวของซูหงจวินเป็นจ้ำม่วง เย่เทียนยังแอบคาดเดาได้นิดหน่อย ปัจจุบันนี้เมื่อได้รับข้อมูลยืนยันจากในปากของซูหงจวิน พิสูจน์ว่าการคาดการณ์ของเขาก่อนหน้านี้ถูกต้องแบบไม่ต้องสงสัย

ต้นวิสทีเรียเป็นวัสดุในที่ใช้มาทำเครื่องมือในพิธีกรรมอย่างหนึ่ง แต่ถ้าไม่ได้จัดการด้วยวิธีที่เหมาะสม กลับจะทำให้ผู้สัมผัสถูกพิษเข้า!

ตอนกลางวันไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป แต่พอตอนกลางคืนกลับทำให้ทั้งตัวผู้ที่สัมผัสคัน ได้รับความทรมาน อาการที่เห็นชัดเจนสุดคือทำให้เป็นจ้ำม่วงทั้งตัว ดูขึ้นมาน่าเกลียดผิดปกติ

เหตุผลที่เย่เทียนดีใจขนาดนี้ เป็นเพราะต้นวิสทีเรียอันนี้แต่ไหนแต่ไรจะเติบโตในสถานที่ชี่ทิพย์มีพลังเข้มแข็ง

เมื่อสักครู่ซูหงจวินบอกว่าสัมผัสโดนอยู่ที่เหมืองแร่ทางนั้น เกรงว่าเหมืองแร่แห่งนี้ก็คือเหมืองหินหยกที่เป็นประเด็นร้อนแรงอยู่กระมัง?

เพียงแต่ นอกจากดีใจแล้ว นัยน์ตาดำมืดนั้นของเย่เทียนกลับมีความเคร่งขรึมไม่ชัดเจนอยู่ด้วย

ไม่มีเหตุผลอื่น สถานที่ที่ต้นวิสทีเรียเติบโตนี้ มักจะมีสัตว์โหดร้ายอยู่ด้วยอย่างหนึ่ง!

งูจื่อขุย งูมีพิษประเภทหนึ่ง ถึงแม้เป็นลูกงูที่เพิ่งเกิดใหม่ หลังจากเจือจางพิษหยดหนึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้คนหลายหมื่นตายจากพิษได้

ประเด็นสำคัญคือ ภายนอกของงูจื่อขุยแข็งราวกับเหล็ก ไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดา ต่อให้เป็นนักบู๊ระดับเหลืองเข้าไป นั่นก็มีเพียงเข้าไปตาย ขอเพียงนักบู๊ระดับดำที่พอจะปล่อยกำลังภายในได้ถึงสร้างความเสียหายต่อมันได้

นี่เป็นเพียงงูจื่อขุยที่อายุน้อย ถ้าเป็นงูจื่อขุยที่มีชีวิตอยู่มาสิบปีขึ้นไป สติปัญญานั้นหลักแหลมอย่างกับมนุษย์ผู้ใหญ่เลย ต่อให้เป็นเย่เทียนก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย

แน่นอนว่า ความลับพวกนี้เย่เทียนกลับเก็บซ่อนเอาไว้ในใจไม่บอกซูหงจวินอย่างรู้ตัวดี

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากบอก แต่เพราะไม่แน่ชัดว่าซูหงจวินเข้าใจต่อนักบู๊มากแค่ไหน อธิบายขึ้นมาเลี่ยงจะจบลงได้ยาก

“พ่อหนุ่ม งั้นนายมีวิธีรักษาอาการนี้ของฉันไหม?”

ที่โชคดีคือ ซูหงจวินกลับไม่ถามรายละเอียดโดยรวมกับเย่เทียน แต่ถามปัญหาที่เกี่ยวกับตนเองแล้ว

“นี่ไม่ใช่พิษที่แก้ยากอะไรครับ”

เย่เทียนยิ้มเล็กน้อย “เดี๋ยวผมจะเขียนใบสั่งยาให้ ถึงตอนนั้นท่านปู่แช่ตัว รับรองว่าไม่เกินสามชั่วโมงก็หายดีครับ”

คำพูดของเย่เทียนเพิ่งจบลง ซูเหมยที่เป็นห่วงซูหงจวินกลับพูดแนะนำอย่างทนไม่ไหว “เย่เทียน ไม่สู้นายออกไปซื้อยากับฉันตอนนี้เลยดีกว่าเหรอ?”

“คือ......ได้!”

เย่เทียนตะลึง ทว่าไม่ได้ปฏิเสธคำแนะนำของซูเหมย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเขาอยากได้รับแร่หินทิพย์เกรงว่าจะต้องจัดการกับงูจื่อขุย ซึ่งต้องเตรียมตัวให้มากสักหน่อย

ได้รับคำตอบยืนยันแล้ว เดิมทีซูเหมยไม่ได้รีรอ หลังจากบอกกล่าวซูหงจวินพวกเขาทั้งสามคนเรียบร้อย จึงลากเย่เทียนออกไปจากห้องด้วยความรีบร้อน

สำหรับยานพาหนะขับขี่ ย่อมเป็นลัมโบร์กินีที่ดึงดูดสายตาผู้คนของซูเย่าหมิงคันนั้นแล้ว......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่