ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 296

“ตระกูลตู้แห่งเมืองจินเหรอ?”

สำหรับการใช้อำนาจบาตรใหญ่ของตู้เฉี่ยวเฉี่ยว สีหน้าเย่เทียนกลับดูแปลกประหลาดขึ้นมา

เถ้าแก่ตู้เป็นถึงบุคคลในเทพนิยาย อาศัยแค่กำลังของตนเอง พยายามผลักดันให้ตระกูลตู้มาสู่ตำแหน่งปัจจุบันนี้ภายในเวลาสามสิบปีสั้นๆ เป็นบุคคลทะเยอทะยานแน่นอน

เย่เทียนยังพอจำได้เลือนรางเมื่อชาติที่แล้ว สุดท้ายเถ้าแก่ตู้ก็มีชีวิตอยู่ดี!

แน่นอนว่า เรื่องพวกนี้เกี่ยวข้องกับเย่เทียนไม่มากนัก สิ่งที่เย่เทียนครุ่นคิดคืออีกปัญหาหนึ่ง

กิจการสำคัญสุดของตระกูลตู้คือกิจการอัญมณี ที่ตู้เฉี่ยวเฉี่ยวมาจ๊กกลางครั้งนี้ เพื่อมาหายาวิเศษให้เถ้าแก่ตู้แค่นั้นจริงเหรอ? หรือว่าอยากเข้ามาแทรกในเหมืองหินหยกสักหน่อย?

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หลังจากนี้สักพัก ในที่สุดประตูใหญ่ของคฤหาสน์หลังน้อยถูกเปิดออกมาแล้ว

พนักงานต้อนรับสาวงามที่สวมชุดกี่เพ้าสองคนเข็นโต๊ะอาหารแบบเคลื่อนที่ได้เดินออกมาแล้ว ด้านบนยังจัดวางหน้ากากการ์ตูนแบบเดียวกันเอาไว้

“งานประมูลใกล้จะเริ่มต้นแล้ว เชิญเจ้านายทุกท่านเข้านั่งประจำที่ค่ะ”

ภายใต้การออกนำหน้าของตู้เฉี่ยวเฉี่ยว นักธุรกิจยามากมายที่รอคอยประมูลต่างหยิบหน้ากากขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในงาน เข้าไปด้านในคฤหาสน์หลังเล็กแล้ว

หลังจากใส่หน้ากากแล้วก้าวเข้าไปในคฤหาสน์หลังเล็ก เย่เทียนถึงพบว่าคฤหาสน์หลังเล็กถูกปรับปรุงเป็นพิเศษ

ทั้งส่วนภายในคฤหาสน์ถูกทำให้ว่างทั้งหมด ด้านในสุดเป็นเวทีเล็กอันหนึ่ง คิดว่าคงเป็นสถานที่ผู้นำการประมูลใช้ดำเนินการ และแสดงตัวยาสมุนไพรอันล้ำค่า

ด้านล่างเวทีเป็นเก้าอี้พลาสติกสีแดงมีพนักพิงหลังที่เรียบง่ายมากที่สุดหลายสิบตัว ด้านบนเก้าอี้ยังวางรีโมตคอนโทรลที่ขนาดประมาณมือถือไว้อีกอันด้วย นอกจากเอาไว้ระบุราคาประมูลแข่งเข้าไปแล้วจะนำไปใช้อะไรได้อีก

ไม่เพียงแค่นี้ หน้าต่างของคฤหาสน์หลังเล็กยิ่งปิดไว้ด้วยผ้าดำทั้งหมด ถ้าปิดประตูใหญ่ลงสนิท เกรงว่าคงมืดมิดยื่นมือไปก็มองไม่เห็นอะไรจริงๆ

เขาดึงซูเหมยไว้ถือโอกาสหาเก้าอี้นั่งลงมาแล้ว เย่เทียนกวาดตามองโดยรอบ เนื่องจากทุกคนใส่หน้ากากเหมือนกันไว้ทั้งหมด เวลานี้ใครจึงไม่รู้จักใครทั้งสิ้นจริงๆ

อย่างที่คาดการณ์ไว้ตอนแรกเริ่ม หลังจากที่ทุกคนนั่งลงเรียบร้อย ประตูใหญ่ถูกปิดลง ทั้งคฤหาสน์จมสู่ความมืดมิดถึงที่สุด

ปึง!

ไฟสปอตไลต์ดวงหนึ่งสาดส่องบนเวทีน้อยทันใด ผู้นำการประมูลที่ใส่หน้ากากเหมือนกันขึ้นมาบนเวทีในขณะเดียวกัน ชี้แจงกฎกติกาของการประมูลครั้งนี้ให้ทุกคนทราบกันสักหน่อย

นี่คืองานประมูลไร้เสียงและไม่ระบุชื่องานหนึ่ง ใส่ราคาที่อยากประมูลเข้าไปในอุปกรณ์ประมูลที่จัดไว้ให้ก็สามารถเข้าร่วมแข่งประมูลได้แล้ว นอกจากนี้ยังไม่อนุญาตให้ส่งเสียงใดๆ ต่อให้เป็นการพูดคุยเบาๆ กับเพื่อนก็ไม่ได้ทั้งนั้น

อีกอย่างยังมีอีกจุดหนึ่งคือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานประมูลนี้เป็นกลุ่มของร้านขายยาขนาดเล็กไม่กี่แห่งในจ๊กกลางรับรอง ตัวยาสมุนไพรที่ใช้ประมูลจึงมีจริงมีปลอม อาศัยสายตาแต่ละคนเอาเอง ออกไปจากที่นี่แล้วจะไม่มีการรับผิดชอบ

ผู้นำการประมูลไม่ชักช้า ชี้แจงเสร็จสิ้น ก็เริ่มต้นประมูลห่อสิ่วโอวที่ว่ากันว่ามีอายุหนึ่งร้อยห้าสิบปี

น้ำหนักสองจุดห้ากิโลกรัม ราคาเริ่มประมูลห้าล้าน จนกระทั่งถูกคนใช้ราคาสิบห้าล้านแย่งไปครอง

“ไม่เสียแรงเป็นตระกูลตู้แห่งเมืองจิน ยังมีเงินมากแสดงอำนาจบาตรใหญ่จริงๆ!” เหล่าคนรวยในงานพูดทอดถอนใจในใจ

ไม่มีเหตุผลอื่นใด การประมูลสองสามรอบติดกันนี้ ล้วนตกอยู่ในมือของคนเดียวกัน

ถึงแม้ว่านี่จะคืองานประมูลไร้เสียง และทุกคนยังใส่หน้ากากเหมือนกันไว้ แต่สองสามรอบนี้ ราคาในการประมูลสูงถึงเจ็ดสิบล้าน นอกจากตู้เฉี่ยวเฉี่ยวพวกเงินหนาที่มาจากเมืองจินคนนี้แล้ว ยังมีใครสามารถมีกำลังอันนี้ได้อีก?

ผู้หญิงคนนี้ไม่เห็นเงินเป็นเงินเสียงจริงๆ เลย ไม่ว่าจะเสนอราคาประมูลมาเท่าไร หล่อนก็ระเบิดราคาสูงกว่าสามเท่าขึ้นมา ทำเอาผู้ซื้อที่เดิมทีมีความคิดอยากซื้อตกใจจนถอยหนีไป

ต่อให้เป็นเย่เทียน แย่งบัวหิมะเจ็ดสิบปีมาได้เพียงสองอันเท่านั้นเอง อย่างอื่นส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของตู้เฉี่ยวเฉี่ยวหมดแล้ว

ไม่ใช่ว่าเย่เทียนไม่มีเงิน หลังจากเขาส่งข้อความขอความช่วยเหลือจากเฉินหวั่นชิง คุณหนูใหญ่เฉินก็โอนเงินห้าสิบล้านมาในบัตรเขาอย่างห้าวหาญมาก

แต่ว่าเย่เทียนรู้ชัดมากว่า คำกล่าวเกินจริงของงานประมูลนี้มากเกินไปเสียจริง!

ตัวยาสมุนไพรที่อายุยิ่งมาก มักจะดึงดูดชี่ทิพย์บนโลกได้มากไปด้วย ชี่ทิพย์บนโลกที่แฝงเร้นอยู่ก็ยิ่งมากเช่นกัน

ตู้เฉี่ยวเฉี่ยวจ่ายเงินเจ็ดสิบล้านประมูลสมุนไพรพวกนั้นไป นอกจากมีสองอย่าง โดยพื้นฐานอย่างอื่นนั้นเป็นของปลอม

แน่นอนว่า สมุนไพรก็เป็นสมุนไพรที่จริงแท้ เพียงแค่จำนวนปีถูกพูดเกินจริงไปแล้ว

เหมือนห่อสิ่วโอวที่ประมูลเป็นอย่างแรก บอกว่ามีอายุหนึ่งร้อยห้าสิบปี ในความเป็นจริงอายุประมาณห้าสิบปี จ่ายสิบห้าล้านเพื่อเอามานั้นขาดทุนมหาศาลเลยทีเดียว

“การประมูลต่อไปคือกล้วยไม้เจียผีที่เกิดในป่าบนภูเขาฮั่วของแท้ ปริมาณมากถึงห้ากิโลกรัม เริ่มประมูลที่ห้าแสน!”

หน้าเลือด!

ตอนที่ผู้นำการประมูลพูดจบลง เย่เทียนอดตำหนิอย่างแรงอยู่ในใจไม่ได้

กล้วยไม้เจียผีบนภูเขาฮั่วถูกจัดเป็นพืชอนุรักษ์ระดับสองของประเทศไม่ให้เก็บตั้งนานแล้ว นับประสาอะไรจะมีถึงห้ากิโลกรัมเต็มๆ? แค่ใช้หัวนิ้วโป้งเท้าไปคิดก็รู้ว่านี่มันของปลอมชัดๆ

นอกจากนั้นแล้ว ราคาของกล้วยไม้เจียผีอยู่ที่ประมาณยี่สิบต่อกรัม ปัจจุบันนี้ห้ากิโลกรัมถูกขายที่ห้าแสน งั้นก็ตกกรัมละหนึ่งร้อย นี่ไม่ใช่พ่อค้าหน้าเลือดแล้วจะเป็นอะไรได้?

ถึงแม้เป็นเช่นนี้ เย่เทียนกลับต้องยอมก้มหน้ายอมรับไป ยังเข้าร่วมการประมูล

ใครให้ปัจจุบันนี้กล้วยไม้เจียผีของทั้งจ๊กกลางขาดตลาดแล้วล่ะ?

ต่อให้ไม่พูดถึงสถานการณ์ของท่านปู่ซู เพียงแค่ช่วงชิงเหมืองหินหยกจุดนี้มา ไม่มีกล้วยไม้เจียผีไม่ได้เลย!

เย่เทียนเพิ่งอยากใส่ราคาแข่งประมูล หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ด้านบนเวทีเล็กกลับสว่างขึ้นมาก่อนก้าวหนึ่ง

“เบอร์สามเสนอราคาหนึ่งล้านห้าแสน!”

เป็นสามเท่าของราคาเริ่มประมูลอีก ไม่ต้องคิดว่าคนที่เสนอราคาคนนี้ต้องเป็นตู้เฉี่ยวเฉี่ยวคุณหนูใหญ่ตระกูลเศรษฐีที่มาจากเมืองจินท่านนั้นแน่

เย่เทียนยักคิ้วนิดหน่อย กวาดตามองภาพด้านหลังของตู้เฉี่ยวเฉี่ยวหมายเลขสามอย่างค่อนข้างมีความหมายลึกซึ้ง

ไม่ว่าอย่างไรตู้เฉี่ยวเฉี่ยวก็เป็นลูกสาวตระกูลเศรษฐีที่เข้ามาจากเมืองจิน ถึงแม้กล้วยไม้เจียผีของจ๊กกลางจะถูกซื้อหมดเกลี้ยง แต่เมืองจินน่าจะยังมีอยู่มั้ง? จำเป็นต้องจ่ายเงินมากขนาดนี้เพื่อแย่งที่นี่ด้วยเหรอ?

ถึงขั้นนี้แล้ว อย่างน้อยเย่เทียนก็มีเหตุผลอยู่ค่อนข้างมากที่จะเชื่อว่า ตู้เฉี่ยวเฉี่ยวมาจ๊กกลางคราวนี้ เกรงว่าย่อมมีความคิดต่อเหมืองหินหยกไม่มากก็น้อย

พิจารณาถึงตรงนี้ นัยน์ตามืดมิดของเย่เทียนก็มีแสงหนาวเหน็บแฉลบผ่าน

ตระกูลตู้แห่งเมืองจินแล้วจะทำไมล่ะ? ของที่เขาสนใจ ถึงเป็นเทพเจ้ามาเองก็ไม่มีประโยชน์!

เพียงแต่ ไม่รอให้เย่เทียนคิดจนทะลุปรุโปร่ง หน้าจอด้านบนเวทีเล็กก็เปลี่ยนไปอีกแล้ว

“เบอร์หกสิบเก้าเสนอราคาหนึ่งล้านเจ็ดแสน!”

ทุกคนต่างปรับหมุนเส้นสายตากันหมด จากนั้นตกอยู่บนตัวของหมายเลขหกสิบเก้า

หมายเลขหกสิบเก้าคือคนรวยคนสุดท้ายที่เข้าร่วมประมูลในครั้งนี้ ในฐานะคนเข้ามาช้าสุด ย่อมนั่งอยู่ตำแหน่งที่ติดประตูด้านหลังสุดเป็นธรรมดา

ทุกคนมั่นใจว่าหมายเลขสามคือตู้เฉี่ยวเฉี่ยว ใครมันใจกล้าบ้าบิ่นอยากแย่งของประมูลที่ตู้เฉี่ยวเฉี่ยวสนใจไป?

ถึงแม้ทุกคนจะใส่หน้ากากเหมือนกันไว้ แต่เสื้อผ้าบนตัวไม่ได้เปลี่ยนไม่ใช่เหรอ?

ถ้าเกิดตู้เฉี่ยวเฉี่ยวสายตาเฉียบแหลม ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มืดขนาดนี้ยังมองเสื้อผ้าออกชัดเจน งั้นหลังจากออกไปทุกคนถอดหน้ากากลงยังไม่ใช่ว่าเห็นแจ่มแจ้งแล้วเหรอ?

ทุกคนล้วนมาทำธุรกิจ จำเป็นต้องผิดใจตระกูลตู้แห่งเมืองจินที่มีชื่อเสียงเพื่อเรื่องเล็กน้อยนี้กันด้วยเหรอ?

กลับเป็นเย่เทียน ชั่วขณะนั้นขมวดคิ้วแน่นขึ้นแล้ว

ทั้งที่รู้ว่าผู้ขายกำลังหลอกลวง กลับยังมีคนยินยอมเสนอราคาสูงซื้อกล้วยไม้เจียผี นี่อธิบายได้เพียงปัญหาเดียว หมายเลขหกสิบเก้าผู้ลึกลับคนนี้วิ่งตามเหมืองหินหยกมา!

วินาทีต่อมา ไม่รอให้ทุกคนดึงสติกลับมา หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว

“เบอร์ยี่สิบเจ็ดเสนอราคาสองล้าน!”

หมายเลขยี่สิบเจ็ดนี้ ก็คือซูเหมยที่นั่งอยู่ข้างกายเย่เทียนนั่นเอง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่