หลังจากถามลองเชิงเป็นเวลาสั้นๆ เกาเหลียงก็นำหน้าตู้เฉี่ยวเฉี่ยวบอกลาอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่า ก่อนหน้าที่จะเดินนำไปเขายังเหลือกล้วยไม้เจียผีไว้สองกิโลครึ่งด้วย
สำหรับห่อสิ่วโอวสองอันนั้น เขาไม่มีความกล้าแลกเอาไปจริงๆ กล้วยไม้เจียผีสองกิโลครึ่งนั้นถือว่าเป็นของขออภัย
แม้กระทั่ง ถ้าไม่ใช่ว่าการเข้าไปที่เหมืองหินหยกต้องใช้กล้วยไม้เจียผี เขาอยากจะเหลือทั้งห้ากิโลกรัมเอาไว้หมด
โดยเฉพาะ เขาจงใจใช้อานุภาพชี่ทิพย์ลองเชิงไปรอบหนึ่ง
ต้องรู้ว่า อยู่ในวงการต่อสู้นี่คือข้อห้ามที่เข้าใจกันเอง ไม่แน่ว่าอาจก่อให้เกิดศึกความเป็นความตายได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่มีใครจะเต็มใจถูกคนอื่นเขาลองเชิงทุกวันไม่ใช่เหรอ?
ถึงบอกว่าซูเหมยประหลาดใจต่อสิ่งนี้อยู่บ้าง แต่สุดท้ายได้กล้วยไม้เจียผีมาครองย่อมเป็นเรื่องดี
ส่วนเรื่องนี้สำหรับเย่เทียนรู้ดีอยู่แก่ใจ มองเกาเหลียงและคนกลุ่มหนึ่งจากไปอย่างรวดเร็ว มุมปากอดไม่ได้เผยรอยยิ้มที่ความหมายลึกซึ้งออกมา
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ทั้งสองคนที่ได้รับกล้วยไม้เจียผีมาแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ด้านในคฤหาสน์หวงถิงต่ออีก ขับรถกลับไปที่ตระกูลซูแล้ว
รอกลับมาถึงตระกูลซู ตัวยาสมุนไพรที่ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนสั่งจากที่ป่ายเช่าถางถูกส่งเข้ามาตั้งนานแล้ว
หยางหย่งซินกลับไม่ได้ใช้ลูกไม้อะไรในด้านนี้ ไม่ว่าอย่างไรตระกูลซูยังเป็นตระกูลชั้นนำของจ๊กกลาง ไม่มีความจำเป็นต้องเสียศักดิ์ศรีเพื่อเงินน้อยนิดขนาดนี้
ภายใต้สถานการณ์ที่ได้ตัวยาสมุนไพรครบถ้วน เรื่องต่อไปนี้ก็จัดการง่ายดายแล้ว
หลังจากให้แม่บ้านน้าฟางเตรียมน้ำร้อนเอาไว้ เย่เทียนนำตัวยาสมุนไพรกองหนึ่งต้มจนกลายเป็นยาน้ำเทลงไปด้วยตนเอง ผสมอัตราส่วนสองอย่างลงแล้ว ถึงแจ้งให้ท่านปู่ซูเข้าไปแช่ตัว
รอตอนที่ท่านปู่ซูเข้ามาในห้องน้ำ เย่เทียนกับซูเหมยและแม่ของเธอ นั่งลงรอผลลัพธ์สุดท้ายอยู่ที่ห้องรับแขก
สำหรับซ่งชูหลาน ตอนที่เย่เทียนและซูเหมยกลับมาก็ไม่อยู่ตั้งแต่แรกแล้ว จึงประหยัดเวลาไว้ได้ส่วนหนึ่ง
ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ดูจากท่าทีของซ่งชูหลาน ที่แสดงออกมาตอนแรกสุด เลี่ยงที่จะขัดขวางการกระทำของเย่เทียนได้ยาก
“เสี่ยวเย่ แบบนี้ก็ได้แล้วเหรอ? ไม่ต้องทำอย่างอื่นอีกเหรอ?”
ถึงบอกว่าเย่เทียนมีความเข้าใจแน่เท้ แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งพัวพันถึงปัญหาเฉพาะด้าน จ้าวเสว่เฟินจึงเป็นห่วงอยู่บ้างแบบเลี่ยงไม่ได้
ไม่ได้ประสิทธิผลเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเกิดทำให้อาการของซูหงจวินยิ่งแย่ลง นั่นคงอันตรายถึงชีวิตคน!
“แม่คะ แม่วางใจเถอะค่ะ!”
ไม่รอให้เย่เทียนตอบสนองกลับ ซูเหมยก็เอ่ยปากพูดก่อนว่า “ก่อนหน้านี้ตอนที่หนูปวดท้องประจำเดือนหนักมากแค่ไหนแม่ก็น่าจะรู้ดีเหมือนกัน แต่หลังจากที่เย่เทียนรักษาให้หนู ตอนนี้มาแต่ละครั้งไม่ปวดเลยค่ะ”
“จริงเหรอ?” จ้าวเสว่เฟินตะลึง สำหรับเรื่องนี้ยังยากที่จะรักษาท่าทีกึ่งเชื่อกึ่งสงสัยไว้
ปัญหาปวดประจำเดือนของซูเหมยหล่อนในฐานะแม่คนนี้ยังรู้ชัดเจนดี แทบจะเริ่มมาตั้งแต่เด็กแต่ละครั้งจะหนักหนาแบบปวดขั้นเป็นลมไปเลย วิ่งไปโรงพยาบาลไม่รู้กี่เที่ยวล้วนไม่มีประโยชน์
สมัยโบราณมีคำกล่าวว่าไว้ดีมาก: คนหนุ่มสาวทำอะไรไม่มีประสบการณ์และความมั่นใจ
อายุของเย่เทียนที่จริงนั้นอ่อนเยาว์เกินไปมาก ถึงเข้าใจการแพทย์แต่เกรงว่าคงฉลาดไปไม่ถึงไหนหรอกกระมัง?
ปัญหานี้ของซูเหมยไม่รู้ว่าทรมานมานานเท่าไรกลับเป็นเย่เทียนรักษาจนหาย นี่ทำให้ปฏิกิริยาแรกของจ้าวเสว่เฟินจะเชื่อถือได้อย่างไร?
“แม่คะ นี่หนูมีอะไรให้หลอกแม่กัน?”
ซูเหมยกุมมือของจ้าวเสว่เฟินไว้แน่น อมยิ้มบอกว่า “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เดี๋ยวคุณปู่ก็จะออกมาแล้ว ได้ผลหรือไม่ไว้ดูก็รู้เองค่ะ”
“นี่ก็จริง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่