“พี่คะ พี่!”
ฮั่วหลิงเยว่ถือUSBไว้รีบร้อนพุ่งเข้าไปในห้องโถงที่กว้างขวางแล้ว ตะโกนบอกด้วยความดีใจ “ฉันเอาข้อมูลวงจรปิดมาได้แล้ว!”
“เอาเข้ามา”
ฮั่วเยี่ยนจือที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เงยหน้าสบายๆ กวาดตามองไปทีหนึ่ง มือเรียวที่กำลงเคาะแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็วราวกับอัจฉริยะนั้นหยุดลงมาแล้ว ปิดหน้าจออื่นลงกลับไปยังหน้าแรกสุด
“น่าสงสัยซะจริงว่าเจ้าหมอนั่นเป็นใครกันแน่ นึกไม่ถึงทิ้งห่างพวกเราไปแม้แต่ไฟท้ายยังมองไม่เห็น”
ฮั่วหลิงเยว่กระโดดโลดเต้นราวกับกระต่ายเดินเข้าไปหา ใบหน้างดงามเผยรอยยิ้มหยอกล้อราวกับนายพรานล่าเหยื่อออกมา
ฮั่วเยี่ยนจือก็อยากรู้อยากเห็นในเรื่องนี้มากเช่นกัน สงสัยมากว่าตระกูลซูหานักแข่งรถเร็วขนาดนี้มาจากที่ไหนกัน นำUSBเสียบเข้าคอมพิวเตอร์อย่างชำนาญ เปิดดูขึ้นมา
เปิดคลิปวิดีโออันแรกกดเล่น คือภาพวงจรปิดเส้นทางหน้าประตูสนามบิน รถคันแล้วคันเล่าขับผ่านจากใต้กล้องด้วยความรวดเร็ว
ฮั่วเยี่ยนจือกลับไม่มีอารมณ์รำคาญอยู่แม้แต่น้อย เบิกดวงตาโตจ้องภาพเหตุการณ์ตาไม่กะพริบ กลัวไม่ทันระวังแล้วจะพลาดภาพรถสีเหลืองคันนั้นไป
กลับเป็นยัยหนูฮั่วหลิงเยว่ ไม่ถึงเวลาสิบนาทีก็เผยอารมณ์ที่ทนไม่ไหวออกมาอย่างชัดเจน
“พี่คะ ถ้าไม่อย่างนั้นพี่เพิ่มเป็นแปดเท่าแล้วเล่นเถอะ? ไม่งั้นแบบนี้พวกเราต้องดูไปถึงเมื่อไรกัน?”
ฮั่วเยี่ยนจือกลับไม่พูดอะไรสักคำ ส่ายหน้าปฏิเสธคำแนะนำของน้องสาวคนนี้แล้ว
“ความเร็วของรถคันนั้นไวมากแค่ไหนใช่ว่าเธอไม่รู้ ถ้าเล่นเพิ่มสักแปดเท่ามีความเป็นไปได้มากว่าจะพลาดเอา”
“เอ๋?”
ฮั่วหลิงเยว่ตะลึง นัยน์ตามีความเจ้าเล่ห์แฉลบผ่านไป พูดแบบมีเลศนัย “พี่ ฉันไปเข้าห้องน้ำนะ!”
พูดจบ ยังไม่รอให้ฮั่วเยี่ยนจือตอบสนองกลับมา ฮั่วหลิงเยว่ใส่รองเท้าส้นสูงวิ่งขึ้นด้านบนอย่างรีบร้อน
ฮั่วเยี่ยนจือหัวเราะอย่างจำใจ เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าน้องสาวของตนเองกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าอยากเข้าห้องน้ำจริง ทำไมต้องขึ้นไปด้านบนด้วยล่ะ? ข้างล่างก็มีเหมือนกัน
ถึงจะพูดเช่นนี้ ฮั่วเยี่ยนจือก็ไม่ได้ว่าอะไร ปรับท่านั่งนิดหน่อย ทำให้ตนเองสบายตัวขึ้นบ้าง ตรวจดูภาพวงจรปิดต่อไปด้วยความอดทน
เธอชอบขับรถเร็ว แม้กระทั่งสามารถพูดได้ว่าแข่งรถเร็ว สำหรับเธอนั้น นี่เป็นเพียงวิธีระบายความกดดันอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง
ตั้งแต่เด็กเธอคือแก้วตาดวงใจของที่บ้าน สามารถพูดได้ว่าราวกับเป็นไข่ในหิน พ่อแม่รักทะนุถนอมมากเลยทีเดียว เติบโตมาแบบโดนตามใจไร้ขอบเขต
ส่วนเธอใช้ชีวิตเพื่อความคาดหวังของคนอื่น อายุยังน้อยก็มีชื่อเสียงอำนาจในวงการธุรกิจ หลายปีนี้หาวิธีทำกำไรให้ตระกูลฮั่วได้ไม่น้อย
แต่ พอตอนคนคนหนึ่งไม่ขาดสิ่งของอะไรทั้งนั้น ยังมีความกดดันอย่างเลี่ยงได้ยาก ทั้งยังเป็นความกดดันที่มหาศาลด้วย
บางที พูดให้ถูกต้องคือความสับสนต่อเส้นทางชีวิตในอนาคต
รอจนถึงขั้นนี้แล้ว เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องตามหาวิธีกระตุ้นบางอย่าง มาพิสูจน์ว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่
เธอรู้ดีมากว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า มีคนเก่งกว่าอยู่อีก แต่เธอไม่คิดว่าตนเองจะแพ้ให้ใครคนใด เธอเคยคิดเอาไว้ครั้งหนึ่ง ไม่ว่าเป็นการท้าทายที่มาจากทางด้านไหน และมาจากใครก็ตาม เธอล้วนมีความกล้าเผชิญคำท้า
หลายปีมานี้ก็เป็นจริงเช่นนั้น ไม่ว่าในด้านธุรกิจหรือว่าด้านขับรถเร็ว เธอล้วนแข็งแกร่งไร้คู่แข่งมาตลอด!
แต่วันนี้ช่วงกลางวันกลับต่างออกไป เงารถสีเหลืองที่ว่องไวดุจปีศาจคันนั้นทำให้เธอไม่มีแม้แต่ความกล้าจะท้าทายเป็นครั้งแรกในชีวิต
รถคันนั้นขับเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร? หรือว่าเขาไม่กลัวตายจริงๆ เหรอ?
ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น เธอจำได้ชัดแค่ว่าเป็นลัมโบร์กีนี แม้กระทั่งป้ายทะเบียนของอีกฝ่ายยังมองไม่ชัด เหลือเพียงเงาสีเหลืองที่ไกลจนตามไม่ทันไว้ให้เธอ
ทั้งจ๊กกลางมีเพียงซูเย่าหมิงที่ครอบครองลัมโบร์กีนีสีเหลืองคันหนึ่ง นี่คือสาเหตุที่ทำไมตอนนั้นฮั่วเยี่ยนจือถึงแน่ใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่