ขับรถมาได้ราวๆครึ่งชั่วโมง เย่เทียนก็มาถึงเขาวั่วหลง
เขาวั่วหลง เนื่องจากชีพจรเขาดูเหมือนมังกรที่ว่ายวนอยู่บนพื้นมากจึงได้ชื่อนี้มา ภูมิทัศน์ที่นี่ลาดชัน ถนนพุ่งทะยานไปข้างบนและมีทางโค้งเยอะมาก เรียกได้ว่าเป็นเส้นทางที่อันตรายสุดๆ แต่เพราะเหตุนี้จึงดึงดูดนักแข่งรถที่ไม่กลัวตายมาขับรถเล่นที่นี่กันมากมาย
นานวันเข้า เขาวั่วหลงจึงกลายเป็นสถานที่รวมพลที่บรรดาลูกเศรษฐีที่ชอบแข่งรถชอบมากัน
ตอนที่เย่เทียนมาถึง แม้จะเป็นตอนเช้าตรู่ก็มีรถแข่งที่ทำการตกแต่งมาพิเศษมารวมตัวกันเกือบสามสิบคัน คึกคักสุดๆ
“ฉันนึกว่านายจะไม่มาซะแล้ว!”
เย่เทียนเพิ่งลงจากรถฮั่วยั่นจือก็เดินเข้ามาและพูดกับเย่เทียนยิ้มๆ
ฮั่วยั่นจือในวันนี้ไม่แต่งตัวเหมือนสาวทำงานอย่างก่อน เธอสวมเสื้อรัดติ้วสีดำ ขับให้เห็นหุ่นอันสมบูรณ์แบบของเธอ ส่วนท่อนล่างเธอใส่เป็นกางเกงยีนส์ขาสั้น ขาเรียวยาวขาวนวลสะกดสายตายิ่งนัก
แม้แต่เย่เทียนที่เคยเห็นคนสวยจนชินก็ยังอดตาเป็นประกายไม่ได้ และอุทานในใจว่าช่างเป็นผู้หญิงที่ดิบเถื่อนจริงๆ
ผู้หญิงเช่นนี้ยิ่งกระตุ้นความอยากเอาชนะในใจลึกๆของผู้ชาย โดยเฉพาะขาสองข้างนั่น จะพูดว่าแค่ขาก็เล่นด้วยได้ทั้งคืนก็คงไม่เกินไปนัก!
ดูเหมือนจะสังเกตเห็นสายตาเร่าร้อนที่เย่เทียนมองมา ฮั่วยั่นจือเองก็มีแววประหลาดฉายในสายตาเช่นกัน ใบหน้าสะสวยของเธอเผยความได้ใจ
“คนสวยเชื้อเชิญ ฉันจะไม่มาได้ยังไง?”
ส่วนเย่เทียนได้สติกลับมาและพูดกับฮั่วยั่นจือด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า
“เฮอะ!”
ไม่รอให้ฮั่วยั่นจือตอบอะไร อีกด้านก็มีเสียงเย็นๆดังมา
เย่เทียนหันไปมอง ก็เห็นฮั่วหลิงเยว่ลงมาจากรถแข่งอีกคัน ใบหน้าสวยงามนั้นเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดที่มีต่อเย่เทียน
เมื่อวานเย่เทียนตีก้นของเธอ ทำให้เธอจองล้างจองผลาญเย่เทียนเข้าให้แล้ว
“อ้าว คุณหนูฮั่วลมอะไรหอบคุณมาล่ะวันนี้?”
และในตอนนั้นเอง เสียงที่ไม่ค่อยเข้ากับสถานการณ์นักดังมาจากด้านข้าง
เย่เทียนหันไปมองก็เห็นคนผมทองเจาะหูปากคาบบุหรี่เดินมาทางพวกเขา
“หลี่หยาง ลูกพี่ลูกน้องของหลี่เฟิง เจ้านี่มีฝีมือขับรถใช้ได้ คนแถบนี้ขนานนามเขาว่าเทพแห่งการขับรถ”
ไม่รอให้เย่เทียนถาม ฮั่วยั่นจือก็แนะนำให้เย่เทียนได้รู้ ขณะที่พูดมุมปากเธอฉายแววเย้ยหยัน เห็นได้ชัดว่าไม่แยแสต่อฉายา “เทพแห่งการขับรถ” เลยสักนิด
“หืม?”
คิดไปถึงเรื่องบาดหมางที่มีกับหลี่เฟิงก่อนหน้านี้ เย่เทียนแสยะยิ้มอย่างประหลาด ก่อนจะดึงสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว
“หลี่หยาง นายไสหัวไปไกลๆเลยนะ อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย”
และในตอนนั้นเอง ฮั่วหลิงเยว่ก็เดินไปหาเจ้าคนผมทองที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้ารังเกียจพร้อมกล่าว
“ยัยหนูน้อย ฉันไม่ได้มาหาเธอ ฉันไม่ได้สนใจในตัวเธอ!”
หลี่หยางเหลือบมองเธอ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เก็บฮั่วหลิงเยว่มาใส่ใจ ก่อนจะเบนสายตาไปที่ฮั่วยั่นจือ และสังเกตเห็นว่าข้างกายฮั่วยั่นจือมีชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เขาเลิกคิ้วขึ้นและถามอย่างสงสัย “คนผู้นี้คือ?”
“นี่คือเย่เทียน”
ฮั่วยั่นจือแนะนำอย่างเรียบง่าย
“นายน่ะเหรอเย่เทียน?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮั่วยั่นจือ สีหน้าหลี่หยางอึมครึมลงทันตาเห็น
เรื่องราวระหว่างลูกพี่ลูกน้องของเขาหลี่เฟิงกับเย่เทียน เขาพอรู้มาบ้าง เพราะฉะนั้นตอนได้ยินชื่อเย่เทียนจึงรู้สึกโกรธขึ้นมาในใจ
“ใช่แล้ว ฉันก็คือเย่เทียน ไม่ทราบว่าคุณมีอะไรจะสอนสั่งหรือ?”
เย่เทียนสัมผัสได้ถึงความเป็นศัตรูจากเขา จึงถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มไม่เปลี่ยน
“เรื่องสอนสั่งน่ะไม่กล้าหรอก แต่ในเมื่อนายบังอาจทำร้ายพี่ชายของฉัน แต่ยังกระโดดโลดเต้นไปมาในจ๊กกลางได้ แค่เรื่องนี้ฉันก็นับถือนายแล้ว”
หลี่หยางพูดพลางชูนิ้วโป้งใ้ห้เย่เทียน
แต่ไม่รอให้เย่เทียนตอบกลับอะไร สีหน้าเขาก็ค่อยๆเย็นเยียบลง “แต่ วันนี้ฉันได้เจอนาย ถ้าไม่จัดการเสียหน่อยคงจะไม่ได้”
เมื่อเขาพูดแบบนี้ออกมา คิ้วเรียวของฮั่วยั่นจือก็ขมวดเป็นปม “หลี่หยาง นายจะทำอะไร อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ เย่เทียนเป็นแขกที่ฉันเชิญมา!”
“ฮ่าๆ คุณหนูฮั่วฉันรู้ว่าเธอเป็นคนเชิญมา เพราะฉะนั้นฉันไม่ทำอะไรเขาหรอก ในเมื่อมาอยู่ที่เขาวั่วหลงกันแล้ว ก็ต้องทำตามกฎของเขาวั่วหลง!”
“แข่งรถแล้วกัน ถ้านายแพ้ก็ไสหัวออกไปจากจ๊กกลางซะ”
หลี่หยางมองเย่เทียนอย่างยั่วยุ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่