หลังจากที่รู้สิ่งที่จะเดิมพันแล้ว หลี่เฟิงก็ออกจากร้านอาหารไปก่อน และตรงไปยังจุดที่จัดงาน
พอเขาจากไป เหลียงเหวินเห้าก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
“นี่เสี่ยวเย่ เธอเคยมีเรื่องกับคุณชายหลี่มาก่อนเหรอ?”
“ในเมื่อมองออกหมดแล้ว ทำไมยังต้องทำอะไรที่ไม่จำเป็นอีกล่ะ?”
เย่เทียนหันมองเหลียงเหวินเห้าด้วยสีหน้าที่จะยิ้มไม่ยิ้ม และพูดอย่างใจเย็นว่า “ระหว่างผมกับตระกูลหลี่ คุณต้องเลือกมาสักทาง”
“ฉันเลือกได้ด้วยเหรอ?”
เหลียงเหวินเห้าผายมือและยักไหล่ด้วยความจนใจ “ต่อให้ไม่เอาเรื่องลูกสาวฉันเข้ามาเอี่ยว ลำพังแค่รากฐานของตระกูลเหลียงอยู่ที่เจียงหนัน ฉันก็ไม่มีทางเลือกตระกูลหลี่แล้ว”
เย่เทียนอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเหลียงเหวินเห้าด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง และยิ้มอย่างพึงพอใจออกมาที่มุมปาก
ครั้งนี้ก็ถือเป็นการทดสอบเหลียงเหวินเห้าอย่างไม่ต้องสงสัย เย่เทียนรู้ดีว่าสุดท้ายเฟลียงเหวินเห้าจะตัดสินใจยังไง
สิ่งเดียวที่ต่างออกไปก็คือ เขาจะให้คำตอบเลยมั้ย? หรือจะลังเลก่อนแล้วค่อยตอบ
ถ้าเป็นแบบที่สอง เย่เทียนก็เลือกที่จะปิดบังเรื่องของ ตระกูลซูกับตระกูลฮั่วไว้ แล้วบอกลาตระกูลเหลียงกับเรื่องเหมืองหยกในครั้งนี้
เพราะถ้าเรื่องง่ายๆ แบบนี้ยังต้องลังเลละก็ งั้นในสักวันหนึ่งตระกูลเหลียงก็ต้องเห็นแก่ผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่และหักหลังเขาอย่างแน่นอน!
เหลียงเหวินเห้านั้นไม่รู้หรอกว่าเย่เทียนกำลังคิดอะไรอยู่ จึงทำได้แค่ถอนหายใจยาวๆ ด้วยความจนใจไปทีหนึ่ง
“แต่ที่น่าเสียคือ ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกแค่สองวันก่อนจะถึงการประมูลสิทธิ์ของเหมืองหยกแล้ว ในเวลาสั้นๆ แบบนี้ฉันไม่มีทางพูดโน้มน้าวผู้มีอิทธิพลอื่นๆ ในท้องที่ให้มาร่วมมือกันได้เลย”
“เกรงว่าเหมืองหยกในครั้งนี้คงไม่มีบุญร่วมกันแล้วล่ะ”
เย่เทียนสังเกตเห็นความหดหู่ขอเหลียงเหวินเห้าได้อย่างชัดเจน และยิ้มออกมาอย่างลึกซึ้ง
“คุณอาเหลียง มันก็ไม่แน่หรอกนะครับ”
เหลียงเหวินเห้าตกใจ สีหน้าก็ดูซับซ้อนขึ้นมาทันที
“เสี่ยวเย่ นี่เธอหมายความว่า….”
เย่เทียนยิ้มออกมา แต่ก็เลือกที่จะไม่ตอบไปตรงๆ
“คุณอาเหลียง คืนนี้คุณอาก็สนุกให้เต็มที่เลย แล้วพรุ่งนี้จะมีคนไปหาคุณที่โรงแรมครับ!”
พูดจบ เย่เทียนก็มองข้ามความต่างของอายุ โอบไหล่เหลียงเหวินเห้าออกไปนอกร้านอย่างไม่รู้กาละเทศะ
ทำเป็นเล่นไป เขาได้พนันกับหลี่เฟิงเอาไว้นะ เมื่อกี้ก็เสียเวลาไปตั้งเยอะแล้ว ถ้าปล่อยให้คนอื่นรอนาน อีกฝ่ายอาจจะคิดว่าเขายอมแพ้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ?
สถานที่จัดงานพนันหยกตั้งอยู่ในพื้นที่โล่งๆ ที่อยู่ข้างๆ สำนักงานของเมือง ถูกจัดเป็นทางยาว ทางหนึ่งไว้เข้า อีกทางไว้ออก และไม่ถือว่าเบียด
ลานกว้างนั้นถูกแบ่งออกอีกเป็นร้อยโซน ทุกๆ โซนต่างกองเต็มไปด้วยหินหยาบหลากหลายรูปแบบ ดูอลังการมาก
ส่วนทางด้านหลังก็มีเวทีสูงที่เพิ่งตั้งขึ้น บนนั้นมีเครื่องผ่าหินหยาบตั้งอยู่สองเครื่อง คนหลายคนได้ไปออกันอยู่ตรงนั้นเพื่อดูการถ่ายทอดสดแล้ว
หลังสงบจิตสงบใจไปพักหนึ่ง เหลียงเหวินเห้าก็ดึงสติกลับมาได้บ้างแล้ว นอกจากสายตาที่มองไปยังเย่เทียนจะซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม เขาก็ไม่ได้แสดงอะไรที่มาแตกต่างมากนัก
เย่เทียนสังเกตเห็นว่าหินหยาบที่ตั้งโชว์ส่วนมากจะถูกผ่าเป็นรอยเล็กๆ อย่างน้อยก็สามารถมองเห็นสีเขียวที่อยู่ในนั้นได้
พอรู้อย่างนั้น เย่เทียนก็รู้สึกสนใจในตัวผู้นำของเมืองที่ยังไม่เคยพบหน้าขึ้นมาทันที
เขาไม่คิดว่ารอยผ่าที่อยู่บนหินหยาบที่ถูกเก็บมาพวกนั้นจะถูกทำขึ้นเพื่อประชาชนทั่วไปที่ไม่รู้เรื่องดูหรอก เห็นได้ชัดว่ามันต้องเป็นความสามารถของผู้นำของเมืองที่จัดงานในครั้งนี้ขึ้นอย่างแน่นอน
งานพนันหินในครั้งนี้จะมีคนจากทุกสารทิศมาเข้าร่วม ส่วนใหญ่ก็เป็นแค่คนทั่วไปที่มาเดินเล่นเท่านั้น มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นพวกผู้เชี่ยวชาญจริงๆ
หลังจากที่เห็นสีเขียวในรูปแบบต่างๆ แล้ว เกรงว่าเหล่าคนที่แค่มาเดินเล่นก็อาจจะหน้ามืด ทนไม่ไหวจนต้องซื้อติดมือไปบ้าง
เนื่องจากการพนันหินนั้นถือเป็นมีดเดียวขึ้นสวรรค์ มีดเดียวลงนรกได้เลย แล้วถ้าเกิดฟลุ๊กขึ้นมาล่ะ?
“ปรมาจารย์หยิว จากนี้ก็ต้องหวังพึ่งคุณแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่