เย่เทียนรู้สึกเศร้าใจมาก ยังไงเขาก็นึกไม่ถึงว่า พันธมิตรที่เหลียงเหวินเห้าร่วมมือในจ๊กกลางจะเป็นตระกูลหลี่
ต่อให้เป็น ตระกูลหยาง ตระกูลฮั่ว หรือแม้แต่ตระกูลซูก็ตาม แต่ทำไมต้องเป็นตระกูลหลี่ด้วย? นี่ยังสามารถนับเป็นพันธมิตรกันได้ด้วยเหรอ?
ยังไงซะ เย่เทียนก็ไม่มีความสนใจที่จะร่วมมือกับตระกูลหลี่เลยสักนิด
ต่อให้ไม่พูดถึงสิ่งที่เย่เทียนกับหลี่เฟิงเคยผ่านมาก็เถอะ เป็นคนต่ำช้าที่ฉวยโอกาสมาแย่งคนรักของคนอื่นในตอนที่เขากำลังอ่อน เพียงเหตุผลนี้เย่เทียนก็ไม่มีทางร่วมมือกับหลี่เฟิงแล้ว!
หลังจากที่ทักทายกับหลี่เฟิงอย่างง่ายๆแล้ว เหลียงเหวินเห้าก็ชวนหลี่เฟิงเข้ามาในร้าน
“เสี่ยวเย่ คนนี้ก็คือพันธมิตรที่ฉันเล่าให้เธอฟัง……”
แต่ทว่า ยังไม่ทันที่เหลียงเหวินเห้าจะแนะนำจบ เย่เทียนก็ทำมือขัดจังหวะเขา
เย่เทียนเพ่งมองไปยังหลี่เฟิง แล้วพูดอย่างจะยิ้มไม่ยิ้มว่า “คุณชายหลี่ ไม่นึกเลยนะว่าเราจะได้พบกันเร็วขนาดนี้ เมื่อคืนคุณสนุกรึเปล่า?”
คนเขามักพูดกันว่า : เมื่อศัตรูมาเจอหน้ากัน ต่างต้องเดือดดาลกันทั้งนั้น!
พอได้เห็นหน้าเย่เทียน รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ได้หายไปทันที สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
หลังจากแผนการของเมื่อคืนไม่สำเร็จ และถูกตักเตือนแล้ว ความแค้นที่หลี่เฟิงมีต่อเย่เทียนไม่เพียงไม่ลดแต่กลับเพิ่มมากยิ่งกว่าเดิม
แต่ว่า หลังจากจบเรื่องเขาก็ได้เข้าใจสถานการณ์โดยรวม รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของเย่เทียนในตอนนั้น รู้ว่าเย่เทียนเป็นคนที่แข็งแกร่ง ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
“เสี่ยวเย่ คุณชายหลี่ นี่ทั้งคู่รู้จักกันเหรอ?”
เหลียงเหวินเห้าที่ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่ทันสังเกตถึง ความประชดประชันในคำพูดของเย่เทียน แถมยังนึกว่าทั้งสองค่อนข้างสนิทกันด้วยซ้ำ
“ไอ้รู้ก็รู้จัก แค่ไม่ค่อยสนิทกันเท่านั้นครับ!”
หลี่เฟิงยิ้มอย่างไม่ชอบใจ สายตาที่มองไปยังเย่เทียนก็ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย
“เอีะ?!”
เหลียงเหวินเห้ารับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่ผิดปกติของหลี่เฟิง จึงได้หันไปมองเย่เทียนที่กำลังทำหน้าขบขันโดยอัตโนมัติ ถึงรับรู้ได้ถึงความไม่ถูกกันของทั้งคู่
ทันใดนั้น เหลียงเหวินเห้าก็ตัดสินใจเงียบอย่างชาญฉลาด
ด้านหนึ่งเป็นพันธมิตรที่ร่วมมือกันมาหลายปี ส่วนอีกด้านก็เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่แห่งเจียงหนัน เขาที่ยืนอยู่ตรงกลางก็ต้องลำบากใจแน่นอนอยู่แล้ว
“คุณชายหลี่ ผมนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะได้พบคุณที่นี่”
เย่เทียนทำเสียงจี๊ดจี๊ด แล้วพูดไปว่า “ปกติเวลานี้ คุณน่าจะไปสนุกอยู่ที่สโมสรจุนเตี่ยนไม่ใช่เหรอครับ?”
คุณชายเย่อาจจะยังไม่รู้ ผมนั้นอาจบ้าเล่น แต่มันก็ใช่ว่าจะเป็นแบบนั้นไปซะหมด!”
หลี่เฟิงกระตุกคิ้วเบาๆ และพูดเยาะเย้ยไปว่า “ว่าแต่คุณชายเย่เถอะ วงการพนันหินนั้นมันลึกน่าดูเลยนะ ถ้าเป็นคนที่ไม่มีฐานะหน่อยคงเล่นไม่ไหว อีกเดี๋ยวผมขอแนะนำคุณชายเย่ให้แค่ดูก็พอ อย่าทำอะไรวู่วามเด็ดขาด”
“ขอบคุณที่คุณชายหลี่เป็นห่วง ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการพนันหินเลย แต่ผมเป็นคนที่ดวงดีมาโดยตลอด กะอีแค่พนันหินก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ!”
เย่เทียนยิ้มเยาะออกมาที่มุมปาก “เอาอย่างนี้มั้ย คุณชายหลี่กับผมเรามาพนันกันเป็นการส่วนตัวสักตามั้ยครับ?”
ในเรื่องบางเรื่อง เย่เทียนก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกัน ในเมื่อตัดสินใจว่าจะไม่ร่วมมือกับตระกูลหลี่แล้ว ถ้าอย่างนั้นตระกูลหลี่ก็จะถือเป็นคู่แข่งไปเลย!
ระหว่างที่เล่นงาน ยังทำเงินได้อีกนิดหน่อย มีเหตุผลอะไรที่ขาต้องไม่ทำด้วย?
ในโลกความเป็นจริงนี้ การหาเงินไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!
“พนันกันตาหนึ่ง?”
หลี่เฟิงขมวดคิ้วหนักยิ่งกว่าเดิม จิตใต้สำนึกรู้สึกระแวงขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่