“พี่เฮย?”
“เจ้าสาม?”
“พวกพี่สองคนกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย?”
เสียงที่เกิดขึ้นในชั้นเฟิร์สคลาสได้ดึงดูดความสนใจของพรรคพวกที่อยู่ข้างนอกเข้า
เย่เทียนรู้สึกใจหาย หันมองเซ่เจียที่อยู่ตรงหน้า แล้วพูดเตือนเบาๆ ว่า “กรี๊ด!”
“หืม?!” สีหน้าของเซ่เจียเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เธอไม่สามารถคิดตามได้ในทันที
พรึ่บ!
เธอกัดฟันแล้วนั่งลง เย่เทียนได้ยื่นมือไปดึงเสื้อตรงไหล่ของเซ่เจียที่เพิ่งถูกดึงขึ้นมาออก
แต่สิ่งที่แตกต่างกับพี่เฮยก็คือ เย่เทียนใช้แรงมากกว่า การกระทำในครั้งนี้ทำให้เสื้อของเซ่เจียหลุดไปกว่าครึ่ง อย่าว่าแต่ไหล่เลย แม้แต่ยกทรงลายลูกไม้ก็ยังถูกเผยออกมา
“กรี๊ด! นี่แกคิดจะทำอะไร!”
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกะทันหัน มันก็ทำให้สีหน้าที่เย็นชาของเซ่เจียเปลี่ยนไปทันที กรีดร้องออกมาตามสัญชาตญาณ สายตาที่เป็นประกายได้ฉายแววตื่นตระหนกออกมา และถอยหลังไปชนกำแพงที่อยู่ด้านหลังอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“ฮ่าๆ เธอคิดว่าเราคิดจะทำอะไรหล่ะ?”
เย่เทียนกดเสียงให้แหบซ่านแล้วหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย ท่าทางที่แสดงออกมาเหมือนกับหมาป่าที่กำลังไล่จับหนูน้อยหมวกแดงไม่มีผิด
“กะ แกอย่าเข้ามานะ! ถ้ายังเข้ามาอีกฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”
เซ่เจียตกใจจนตัวสั่น พอเห็นว่าเย่เทียนกำลังจะลงมือจริงๆ ความหนักแน่นที่แสดงออกมาก่อนหน้าก็หายไปจนหมดแทนด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก
นี่เพิ่งหนีจากปากเสือมาได้แท้ๆ กลับต้องมาเจอกับรังของหมาป่าซะได้ หัวใจของเธอได้ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเป็นที่เรียบร้อย
ไม่ว่าเธอจะอยู่ในฐานะแบบไหน สรุปสุดท้ายเธอก็ยังเป็นผู้หญิง พอนึกถึงความอัปยศที่ต้องพบเจอ ถ้าเธอไม่มีการตอบสนองอะไรเลยนี่สิแปลก
เย่เทียนส่ายหน้าด้วยความรำคาญ เย่เทียนทำปากจู๋ไปทางห้องโดยสารชั้นประหยัด จากนั้นก็ชี้ไปยังไอ้ดวงซวยสองคนที่นอนหมดลมอยู่บนพื้น
เซ่เจียที่สังเกตเห็นการส่งสัญญาณของเย่เทียนก็เข้าใจขึ้นมา และให้ความร่วมมือโดยการกรีดร้องออกมา การแสดงที่เวอร์วังนั่นทำให้เย่เทียนเกือบยกนิ้วโป้งให้เลยทีเดียว
สมแล้วที่เป็นดาราสาวที่เคยได้รับรางวัล ฝีมือการแสดงนี้ใช่ว่าจะได้มาด้วยความโม้!
“เชื่อ! พี่เฮย พี่กับเจ้าสามคงไม่ได้คิดจะคุยกับดาราดังเซ่อยู่ในนั้นใช่มั้ย? รสนิยมของพวกพี่นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ!”
เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงที่ดังอยู่นอกผ้าม่านนั้นไม่ได้ระแวงแล้ว เสียงฝีเท้าที่ไม่หละหลวมค่อยๆ ใกล้เข้ามา
เสียงหนึ่งหนักอึ้ง อีกเสียงก็แผ่วเบา คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางสังเกตเห็นความแตกต่างอย่างแน่นอน
“มีสองคน คนหนึ่งหนักประมาณร้อยแปดสิบปอนด์ ส่วนอีกคนก็ประมาณร้อยห้าสิบปอนด์ คิดว่าน่าจะมีอาวุธอยู่ในมือทั้งคู่”
คัมภีร์หวงในตัวเย่เทียนค่อยไหลเวียน ชี่ทิพย์อันมหาศาลอัดแน่นอยู่ที่ตา ราวกับสามารถมองทะลุผ้าม่านและเห็นสิ่งที่อยู่ในห้องชั้นประหยัดได้อย่างชัดเจน
สิ่งที่มองเห็นตอนนี้มันต่างจากก่อนหน้า ถ้าจะถูกให้ถูกคือเย่เทียนไม่ได้มองเห็นด้วยตา แต่เป็นชี่ทิพย์ที่แตกตัวอยู่ระหว่างฟ้าดินต่างหากที่มองเห็น
ถ้านักบู๊คนอื่นเห็นแบบนี้เข้า ก็คงอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาด้วยความตกใจว่า ผู้แข็งแกร่งระดับฟ้า!
ถูกต้อง คนที่สามารถนำชี่ทิพย์ของฟ้าดินที่ไม่มีเจ้าของมาใช้อย่างตามใจนั้น ก็คือจุดเด่นของผู้แข็งแกร่งระดับฟ้าเลย
แต่ เย่เทียนนั้นแตกต่างไปจากนักบู๊ทั่วไป ทางที่เขาเดินนั้นเป็นเส้นทางของการฝึกบู๊
นักบู๊ระดับดินทั่วไปต้องเป็นนักระดับดินชั่นต่ำจึงจะสามารถเจียระไนและเข้าใจถึงการเคลื่อนย้ายชี่ทิพย์ที่แตกตัวอยู่ระหว่างฟ้าดินได้ แต่เย่เทียนที่สามารถกดดันแดนฝึกพลังชั้นหกทั้งหมดของระดับดินได้ทั้งหมด
แน่นอนว่าส่ิงสำคัญคือ ชาติก่อนเย่เทียนแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้แข็งแกร่งระดับฟ้า ตอนนี้พอมาติดต่อกันมันก็ง่ายขึ้นเยอะ
แต่ที่น่าเสียดายคือ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะสามารถควบคุมได้แล้วจริงๆ แต่ด้วยปัญหาเรื่องความแข็งแกร่ง จึงไม่สามารถควบคุมมันให้โจมตีได้ ทำได้เอามาซัพพอร์ตบ้างก็เท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่