“ยะ หยุดนะ!”
พอเห้นเย่เทียนสามารถจัดการกับพวกของตนได้อย่างรวดเร็ว แถมยังทำเหมือนไม่เห็นปืนที่ถืออยู่ในมือด้วย สามคนที่เหลือก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมาทันที
“อย่าหาว่าฉันไม่ให้โอกาสพวกนาย ถ้าพวกนายวางอาวุธแล้วยอมมอบตัวซะ ฉันจะยอมไว้ชีวิตพวกนายให้!”
เย่เทียนหันมองทั้งสามอย่างสบายๆ แต่กลับจับตาดูเงาที่ซ่อนอยู่ในกลุ่มคนตลอดจากทางหางตา
“กะ แกเป็นใครกันแน่?”
สามคนที่ถือปืนหันมาสบตากัน หนึ่งในคนที่อายุมากหน่อยทนไม่ไหวจนต้องถามออกมา
ต่อให้ในมือจะมีอาวุธ แต่ความเร็วที่เหมือนผีของเย่เทียนเมื่อกี้ พวกเขาไม่สามารถมองตามได้ทันด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะยิ่งให้โดนเลย
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าพวกนายขึ้นมาบนเครื่องได้ยังไง ยิ่งไม่รู้ว่าพวกนายมีเป้าหมายอะไร แต่ว่า…..”
เย่เทียนขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ ฉันจะนับถึงสาม ถ้าพวกนายยังไม่ยอมวางอาวุธ จะมาโทษฉันไม่ได้นะ”
“กะ แกไม่ต้องมาขู่กันเลย!”
“ถ้าแกยังกล้าขยับอีกแค่นิดเดียว ฉันจะเป่าหัวแม่นี่ให้กระจุยเลย!”
ชายที่อายุน้อยที่สุดเกิดโมโหแล้วดึงหญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ ออกมา ใช้ปากกระบอกปืนที่เย็นเฉียบจ่อไปที่หัวของเธอ และหดตัวให้เล็กที่สุดอยู่ข้างหลัง
“นี่เป็นทางที่พวกนายเลือกเอง จะมาโทษฉันไม่ได้นะ!”
เย่เทียนยักไหล่ คัมภีร์หวงในร่างไหลเวียนออกมา งอนิ้วแล้วดีดออกไป
ถึงจะอยู่ห่างออกไปหลายเมตร ต่อให้ร่างกายกว่าครึ่งของชายคนนั้นจะหลบอยู่ข้างหลังหญิงวัยกลางคน แต่เขาก็ล้มหงายหลังไปทันที
ตรงกลางหว่างคิ้วของเขาได้เกิดรูที่มีเลือดไหลออกมาอย่างน่าตกใจ ทำให้อากาศทรงกลมเจาะผ่านไปได้!
“เสี่ยวหลง!”
ชายถือปืนที่เหลืออีกสองคนตกใจทันที สิ่งที่เกิดขึ้นมันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว พวกเขาไม่เห็นเย่เทียนขยับอะไรด้วยซ้ำแต่พรรคพวกกลับล้มไปซะแล้ว
คนเราน่ะ มักจะกลัวในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้อยู่เสมอเสมอ ภายใต้ความหวาดกลัว ทั้งคู่ก็ไม่ทันไตร่ตรองก็ยิงปืนขึ้นมากระหน่ำยิงไปที่เย่เทียน
แต่ทว่า ภายใต้การปกป้องของโล่ทิพย์ป้องกันกาย กระสุนจึงไม่สามารถทำอันตรายอะไรกับเย่เทียนได้เลย
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เย่เทียนก็ยังหลบหลีกอย่างต่อเนื่อง ในระหว่างที่ป้องกันกระสุนเอาไว้ ก็ยังต้องทำให้พวกมันหล่นลงพื้นอย่างรวดเร็ว
ล้อเล่นรึเปล่า ตรงนี้มันอยู่สูงจากพื้นดินไม่รู้ตั้งกี่หมื่นเมตร ถ้าปล่อยให้กระสุนยิงตัวเครื่องจนทะลุ ภายใต้แรงดันอากาศที่รุนแรง ตัวเขารวมทั้งทุกคนในเครื่องก็คงจะตายจากการที่เครื่องตกแน่นอน!
ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเย่เทียนถึงไม่ได้ออกตัวตั้งแต่แรก เขาต้องการรู้ว่าอีกฝ่ายมีกี่คนกันแน่ และใช้อาวุธอะไรกันหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเขายิงจนเครื่องบินทะลุ
ตอนที่หลบออกจากกระสุน เย่เทียนก็ได้รวบรวมอากาศทรงกลมขึ้นมาอีกสองลูก แล้วเจาะทะลุหว่างคิ้วของมือปืนทั้งสองอย่างไร้สุ้มเสียง
ทั้งสองล้มลงแทบจะพร้อมกัน ตายคาที่ไปทันที แม้แต่ร้องโอดครวญยังไม่ทันเลย
ช่างเป็นพวกกล้าบ้าบิ่นที่น่าสงสารจริงๆ ถึงจะสามารถผ่านการตรวจค้นที่คุมเข้มแล้วพกอาวุธเข้ามาในเครื่องได้ แต่กลับต้องมาเจอกับเย่เทียน
ถ้าให้พูด ตั้งแต่เย่เทียนก้าวออกมาจัดการกับคนกลุ่มนี้ รวมๆ ก็เป็นเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างยังตื่นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เลย
“ว่ายังไง? พวกนายตั้งใจจะรอไปถึงไหน หรือยังต้องให้ฉันไปเชิญพวกนายด้วยตนเอง?”
เย่เทียนกวาดตามองไปยังทุกคน แล้วยิ้มอย่างขบขันออกมาที่มุมปาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่