ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 386

เขาเหนื่อยมามากพอแล้ว ร่างกายทนรับมามากเกินพอ การที่เย่เทียนทำแบบนี้ แค่อยากให้เชิ่งหู่ได้พักผ่อนดีๆ ก็เท่านั้น

“คุณไม่ต้องห่วง อะไรที่พวกมันติดค้างเรา ผมจะทวงคืนให้หมดทุกอย่างเลย!”

เย่เทียนตบๆ ไปที่ไหล่ของเชิ่งหู่ จากนั้นก็สับมือจนทำให้เชิ่งหู่หมดสติไป แล้วมองพวกเรียกไก่ด้วยสายตาที่เยือกเย็น

เชิ่งหู่เหนื่อยมามากพอแล้ว

ดูจากแผลที่ทั้งเก่าทั้งใหม่บนตัวของเขาแล้ว เย่เทียนก็เดาได้ไม่ยากว่าเขาต้องถูกทรมานมาระยะหนึ่ง ร่างกายนั้นทนรับมามากเกินพอแล้ว

การที่เย่เทียนทำให้เขาสลบไปแค่อยากให้เขาได้พักผ่อนเท่านั้น

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จ เย่เทียนก็ได้ยืนขึ้น มองดูพวกเรียกไก่ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแล้วถามไปว่า “ฟังจากที่พวกนายคุยกันเมื่อกี้ พวกนายต่างก็เคยติดตามเชิ่งหู่มาก่อนสินะ?”

“ฉันจำได้ไม่ว่าจะเป็นแก๊งเสือดำหรือแก๊งมังกรฟ้า เชิ่งหู่ต่างก็ตั้งกฎข้อนี้เอาไว้”

“ใครก็ตามที่หักหลัง ต้องถูกฟันสามแทงหก ไม่ได้ตายดี!”

แต่ทว่า เรียกไก่กลัวหัวเราะออกมาเสียงดัง ทำหน้าเหยียดหยาม

“กฎบ้ากฎบออะไร? แกคงไม่ได้เล่นมุกกับเราอยู่ใช่มั้ย?”

“ตอนนี้มันหมดยุคของเชิ่งหู่ไปแล้วฉันขอเตือนแกให้รีบไสหัวไปซะในตอนที่เฮียยังอารมณ์ดีอยู่ ไม่อย่างนั้นอีกเดี๋ยวฉันจะจัดการแกไปด้วยซะเลย!”

ป๊าบๆ!

เย่เทียนโกรธจนยิ้มออกมา พร้อมกับปรบมือ

“ในเมื่อพวกนายไม่รู้จักกลับใจ งั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจเลยนะ พวกนายทุกคนต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป!”

ทันทีที่พูดจบ เย่เทียนก็เอาขายันพื้น ร่างกายเริ่มสั่นสะเทือน ภายใต้แสงไฟที่สาดส่องในช่วงพลบค่ำ ราวกับผีร้ายที่ชวนขนลุก

“อ้า!”

คนที่ยืนอยู่หน้าสุดได้กรีดร้องออกมาทันที ร่างกายได้ลอยออกไปข้างหลัง และกระแทกลงพื้นอย่างแรง

“มือฉัน! มันเจ็บ! มือฉันมันหักไปแล้ว!”

ชายคนนั้นเอามือขวามากุมมือซ้ายด้วยความเจ็บปวด กรีดร้องทุรนทุรายอยู่บนพื้น

พวกเรียกไก่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขารู้สึกแค่ว่าตาลาย พรรคพวกที่ยังยืนอยู่ข้างๆ เมื่อกี้ก็ได้ปลิวไปข้างหลังแล้ว

พอคนๆนั้นเจ็บหนัก พวกเขาก็ตกใจทันที และเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา

แต่ทว่า เย่เทียนไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไปอยู่แล้ว ขยับขาอีกครั้ง แล้วไปปรากฏตัวอยู่ข้างหลังของลูกกระจ๊อกอีกคน

“ระวัง!”

เรียกไก่ที่ระวังตัวอย่างยิ่งได้รีบตะโกนเตือนไป

แต่มันก็สายเกินไป

เย่เทียนคว้ามือของลูกกระจ๊อกคนนั้นไว้ในทันที แล้วบิดไปข้างหลังอย่างไม่ลังเล และเห็นแขนข้างนั้นพับไปอย่างผิดธรรมชาติ

แกร้ก!

เสียงกระดูกที่แตกร้าวดังขึ้น แขนของลูกกระจ๊อกคนนั้นหักไปตามเสียง!

“อ้า!”

“มือฉัน…..”

ไม่นาน นักเลงทุกคนที่อยู่ตรงนั้นยกเว้นเรียกไก่ต่างก็ล้มลงจนหมด ทุกคนต่างก็กุมมือซ้ายแล้วโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด

“แม่เจ้าโว้ย! นี่แกยังเป็นคนอยู่มั้ย? ทำไมถึงเร็วได้ขนาดนี้!”

เรียกไก่นั้นช็อกจนปากค้างไปนานแล้ว พอเห็นเย่เทียนจ้องมองมาที่ตนด้วยสีหน้าที่จะยิ้มไม่ยิ้ม ก็ตะโกนออกมาอย่างผิดธรรมชาติทันที ไม่สนใจพวกลูกกระจ๊อกแล้ว หันหลังแล้ววิ่งหนีทันที

ดวงตาสีดำของเย่เทียนหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อกี้เขาได้แยกแยะเอาไว้แล้ว ว่าคนๆนี้เป็นหัวหน้าของนักเลงพวกนี้

โทษต้องหนักเป็นเท่าตัว!

หนึ่งบวกหนึ่ง ก็เท่ากับสองมือ!

พอคิดได้แบบนั้น เย่เทียนก็ยันขา เข้าไปขวางเรียกไก่ไว้ด้วยความเร็วดั่งเสือชีต้าห์

ถ้าคำนวณอย่างแม่นยำ เรียกไก่ก็วิ่งไปได้แค่สามเมตรก็ถูกเย่เทียนขวางเอาไว้แล้ว ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ก็ไม่น่าจะเกินสองเมตร!

เอื๊อก!

เรียกไก่อดไม่ได้ที่ต้องกลืนน้ำลาย โดยไม่หลงเหลือความเย่อหยิ่งที่มีก่อนหน้าเลย ลูกน้องพวกนั้นของตนต้านเย่เทียนไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ เขาจึงไม่มีความกล้าที่จะเอาคืนเลยแม้แต่นิดเดียว!

“ฉะ ฉันขอเตือนแกให้อย่าเข้ามา! ไม่อย่างนั้นลูกพี่ของฉันไม่มีทางปล่อยแกไปแน่นอน”

เรียกไก่ตะโกนออกมาด้วยสีหน้าที่แน่วแน่ แต่ขากลับก้าวถอยหลังไม่ยอมหยุด

“จริงเหรอ? แล้วลูกพี่ของนายเป็นใครล่ะ?”

เย่เทียนยิ้มเยาะออกมาที่มุมปาก ถ้าไม่ต้องคำนึงว่าตอนนี้อยู่ต่อหน้าฝูงชนละก็ เย่เทียนก็คงชกเรียกไก่จนระเบิดไปนานแล้ว จะมัวมาเสียเวลาแบบนี้ทำไม?

พอเย่เทียนถามไปแบบนั้น เรียกไก่ก็นึกว่าเย่เทียนเกิดกลัวขึ้นมา และรู้สึกมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย

เรียกไก่ทำการเคลียร์ลำคอ แล้วพูดด้วยสีหน้าที่มั่นใจว่า “ลูกพี่ของฉันคือหนึ่งในสี่หัวหน้าแก๊งผู้ยิ่งใหญ่ของ แก๊งถุงซิงในตอนนี้ เป็นนักสู้ที่เคยได้แชมป์มาแล้วมากมาย เจี่ยงเกาเฟย ลูกพี่เจี่ยง!’

“เจี่ยงเกาเฟยเป็นใคร?”

เย่เทียนเลิกคิ้วขึ้น ไม่มีชื่อของคนคนนี้อยู่ในหัวเลย

แต่ว่า เขาก็ไม่ได้ลงมือจัดการเรียกไก่ทันที แต่กลับเดินไปนั่งลงตรงร้านปิ้งย่างที่อยู่ข้างๆ

“ถ้านายสามารถเรียกลูกพี่ของนายมาถึงภายในสิบนาที ฉันก็สามารถพิจารณาที่จะปล่อยนายไป!”

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงนี้ค่อนข้างเสียงดัง คนไม่น้อยที่รู้ถึงการมีอยู่ของ แก๊งถุงซิง ทุกคนต่างพากันมองเย่เทียนราวกับคนโง่

การต่อสู้ของเย่เทียนเมื่อกี้พวกเขาก็เห็นอย่างชัดเจน ถึงแม้จะรู้สึกเห็นใจเรียกไก่บ้าง แต่ทุกคนก็หวาดกลัวต่อฝีมือของเย่เทียนจึงไม่กล้าเข้ามายุ่ง

แต่มาตอนนี้ ไอ้หมอนี้ทำร้ายคนอื่นไม่พอ ยังจะรอให้ลูกพี่ของเรียกไก่มาถึงอีก นี่ไม่เท่ากับรนหาที่ตายอย่างนั้นเหรอ?

ชั่วขณะหนึ่ง พวกเขาก็อยากยกเก้าอี้แล้วซื้อเมล็ดทานตะวันมารอดูอะไรสนุกๆ กันเลย

“งั้นแกรอก่อน ฉันจะโทรหาเดี๋ยวนี้”

เรียกไก่ได้ยินแล้วก็ถึงกับอึ้ง แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว ตอนที่รู้สึกโล่งอกก็ได้คิดแผนเล็กของตัวเองออก

“ได้”

เย่เทียนตอบรับด้วยรอยยิ้ม แล้วหันไปพูดกับเจ้าของร้านไก่ย่างว่า “เถ้าแก่ ขอเนื้อแกะย่างห้าสิบไม้!’

เจ้าของร้านปิ้งย่างนั้นตกใจจนช็อกไปนานแล้ว แต่ก็ไม่กล้าขัดใจเย่เทียน จึงทำได้แค่เสิร์ฟอาหารอย่างว่าง่าย

“เสี่ยวเจี่ยง โทรมาป่านนี้มีเรื่องอะไร? ไม่รู้ว่าฉันกำลังยุ่งอยู่รึไง?”

เรียกไก่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆ สายถูกรับอย่างรวดเร็ว และมีเสียงที่ค่อนข้างหยาบคายของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากอีกฟากของสาย

“ต้องขอโทษด้วยครับ ลูกพี่ ที่โทรหาพี่เอาป่านนี้”

เรียกไก่ขอโทษไปก่อน จากนั้นก็พูดไปเบาๆ ว่า “ทางผมเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยครับ มีคนมาหาเชิ่งหู่แล้วครับ!”

“หาเชิ่งหู่?”

พอเจี่ยงเกาเฟยได้ยินอย่างนั้น ก็เกิดสนใจขึ้นมาทันที “เป็นพวกหลิวชิงรึเปล่า?”

“ไม่ครับ”

“ไม่อย่างนั้นเหรอ?”

“ไม่รู้ว่ามันเป็นใคร แต่คาดว่าน่าจะเป็นอดีตสมาชิกของมังกรฟ้าครับ”

เรียกไก่พูดไปก็แอบมองเย่เทียนไป กดเสียงให้เบาลงไปมาก “เหมือนมันจะสนิทกับเชิ่งหู่มาก ไม่มั่นใจว่าเป็นคนใหญ่คนโตรึเปล่า”

เย่เทียนไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด นั่งกินเนื้อย่างอย่างเอร็ดอร่อย

“แกแน่ใจนะ?”

เจี่ยงเกาเฟยที่อยู่อีกฟากดีใจขึ้นมาทันที แก๊งถุงซิงในตอนนี้ร้อนใจที่จะทำให้เจียงหนันมั่นคง ตามล่าคนที่ต่อต้าน แก๊งถุงซิงไปทั่ว ถ้าสามารถจับตัวระดับสูงของมังกรฟ้าคนนี้ได้ มันก็สามารถดึงดูดความสนใจของหยางซิงได้เลย!

“ลูกพี่ ผมจะไปกล้าโกหกพี่ได้ยังไง ตอนนี้ไอ้หมอนั่นถูกผมคุมตัวไว้แล้ว ตอนนี้แค่รอพี่มาถึงก็เท่านั้นครับ”

“ฮ่าๆ ฮ่า เสี่ยวเจี่ยงเอ๋ย ใช่ได้เลยนะ! นี่แกได้สร้างความดีความชอบอันใหญ่แล้วนะ!”

“แกอยู่ที่ไหน? รอฉันก่อน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”

เจี่ยงเกาเฟยพูดชมคำหนึ่ง แล้วถามเข้าประเด็น

“ครับๆครับ”

เรียกไก่ดีใจอย่างมาก หลังที่แจ้งที่อยู่ก็วางสายไป…..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่